เมื่อแม่อยากไปเที่ยววัดร่องขุ่น (ตอนที่ 2 ตอนจบ)

เมื่อแม่อยากไปเที่ยววัดร่องขุ่น (ตอนที่ 1)
http://pantip.com/topic/32144995
....................................................
(ตอนที่ 2 ตอนจบ)

เช้าวันรุ่งขึ้น ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของทริปนี้ นอกจากวัดร่องขุ่นแล้ว เป้าหมายรองของแม่ๆก็คือการช็อปปิ้งครับ วันนี้เลยให้พี่มิตรจัดเต็มที่ตลาดแม่สายและข้ามฝั่งไปท่าขี้เหล็กให้ด้วยเลย แต่ก่อนจะไป พี่มิตรอาสาพาไปสัมผัสประสบการณ์ Unseen Thailand "ใส่บาตรพระขี่ม้า" ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทอง ต้องบอกว่าน่าสนใจ Amazing Thailand มาก ทั้งรูปแบบและที่มาของการขี่ม้ามาบิณฑบาตรของพระที่นี่มากครับ ใครสนใจผมลองไปหาข้อมูลเพิ่มเติมมาให้แล้ว ลองเข้าไปอ่านได้ครับ http://www.paiduaykan.com/76_province/north/chiangrai/prakeema.html



ก่อนออกจากแม่จันก็ยังได้แวะเที่ยวชมไร่ชาที่ขึ้นชื่อของที่นี่ก่อน ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบ้านดินรีสอร์ทเท่าไหร่ สามารถปั่นจักรยานไปได้ด้วยซ้ำไปครับ (พี่มิตรแกบอกมา ^^) "ไร่ชาฉุยฟง" คือสถานที่ที่ผมกำลังพูดถึงครับ เค้าว่ากันว่าที่นี่เป็นที่ถ่ายทำละครและภาพยนตร์มาแล้วหลายเรื่องครับ ซึ่งถ้าดูจากภูมิทัศน์และความสวยงามบรรยากาศโดยรอบ ต้องบอกว่าเหมาะมากๆครับ แถมที่นั่นยังมีร้านชา กาแฟ คอยให้บริการนักท่องเที่ยวด้วย แถมถ้าใครอยากลงไปถ่ายรูปในไร่ชาพร้อมกับลองเก็บใบชาก็ได้เลยเค้าไม่คิดค่าใช้จ่ายครับ



หลังจากนั้นก็แวะเติมพลังกันก่อนที่ร้านอาหาร "จันกะผัก" ของหม่อมเจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ จักรพันธุ์ (http://goo.gl/fjoQBU) มากินอาการที่นี่แล้วรู้สึกว่าสุขภาพดีอย่างบอกไม่ถูก ที่นี่เค้ายังมียริการให้เราสามารถไปเลือกฝักมาให้แม่ครัวนำไปปรุงอาหารได้เลยนะครับ ใครมีโอกาสได้ไปเชียงรายลองหาโอกาสแวะไปลองดูนะครับ



แล้วก็ถึงช่วงเวลาแห่งความสุขที่แท้จริงของสาวๆครับ พี่มิตรมีเวลาให้พวกเราประมาณ 3 ชั่วโมงในการดื่มด่ำกับตลาดชายแดนทั้งสองฝั่งแห่งนี้ครับ ของเยอะมาก ก๊อบเยอะมาก คนเยอะมาก สนุกดีครับ แม่ๆหายไปกับเพื่อนๆของแกตั้งแต่เสียงนกหวีดยังไม่เป่าเริ่มเลยครับ ฮ่าๆ



เกร็ดความรู้เล็กๆน้อยจากพี่มิตรอีกแล้วครับ อย่างที่รู้ครับว่าที่ตลาดท่าขี้เหล็กนั้น เกือบทั้งหมด หรือทั้งหมดเลยก็ว่าได้ เป็นเขตปกครองของทหารครับ นั่นหมายถึง สถานที่ แผงร้านค้า ตึกแถว ทั้งหมดที่พ่อค้าแม่ค้ามาเช่าเพื่อขายของทำมาหากินนั้น ค่าเช่าต้องถูกส่งให้ทหารทั้งสิ้น ซึ่งแกบอกว่าค่าเช่าก็มีตั้งแต่หลัก 4-5 พัน ไปถึง 3-4 หมื่น แล้วแต่ขนาดพื้นที่ครับ จะถึงรัฐจริงๆเท่าไหร่นั้นไม่มีใครทราบได้ ทราบแต่ว่ามีแต่คนอยากมาคุมแถวเขตชายแดนครับ เพราะอะไรก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ^^



พอได้เวลาตามที่นัดหมายแต่ละคนก็หิ้วของกันมาคนละ 2-3 ถุง เห็นอย่างนั้นผมก็สบายใจละ อิอิ

เสร็จจากช้อปปิ้ง ก่อนเดินทางไปที่สนามบิน เรายังพอมีเวลากันอยู่ พี่มิตรเลยแถมให้โดยการพาไปดู "สามเหลี่ยมทองคำ" ที่ที่คุณจะเห็น 3 ประเทศได้ ณ จุดเดียวกัน ซึ่งก็คือ ไทย พม่า และลาว โดยเฉพาะฝั่งลาวซึ่งพี่มิตรเล่าว่าถูกชาวจีนเช่าพื้นที่ระยะยาวหลายสิบปีไปแทบจะหมดแล้ว ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีทั้งโรงแรม คาสิโน กำลังถูกเร่งสร้างขึ้นเป็นดอกเห็ด แลกกับการที่เค้าจะสร้างถนน และนำความเจริญมาให้ (จริงหรือไม่ต้องไปคิดกันเอาเองนะครับ)



ส่วนฝั่งไทยเราก็ได้สัการะ พระพุทธนวล้านตื้อ เพื่อเป็นศิริมงคล ณ ดินแดนสามเหลี่ยมทองคำแห่งนี้ด้วยครับ



สุดท้ายและท้ายสุดก่อนไปสนามบิน พี่มิตรพาเราไปทานข้างเย็นที่ร้านภูแลอีกสาขาหนึ่ง สาขานี้บรรยากาศดี ติดริมน้ำ เลยตั้งชื่อว่าร้าน "ท่าน้ำ..ภูแล" อาหารก็คล้ายเดิมครับ มีเมนูเพิ่มมานิดหน่อย แต่บรรยากาศดีตกเย็นคนเลยมาที่นี่กันเยอะครับ เสียดายช่วงนี้น้ำน้อยไปหน่อย ไม่งั้นคงสวยกว่านี้ พี่มิตรบอก (อีกแล้ว) ^^



ขอบคุณที่ติดตามครับ ^^

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่