สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
ทั้งที่ผมรอคอยเรื่องนี้มาก เนื่องจากครีเอเตอร์ของโชว์นี้คืออดีตคนเขียนบทซีรีส์ The Killing ซีรีส์ที่ผมปลื้มมาก
ทว่า....ตอนไพลอต อืดมาก ผมเลิกดูเลยครับ
แต่เพราะคสช...... ทำให้ผมซาบซุ้งในคุณค่าของซีรีส์เรื่องนี้ (น้ำตาจิไหล ขอบคุณจริงๆ)
เดี๋ยว...งง มันเกี่ยวไรกับคสช.???
อย่า-งง มันเกี่ยวสุดๆครับ
เนื่องจากเพราะคสช.ปิดสถานีข่าวต่างประเทศหมดทุกช่อง ทำให้ผมอดดู CNBC ที่ฉายรายการของเคุณจิมมี่ ฟัลลอน ขวัญใจเจ้าประจำผม
มีแต่ HBOHD ที่รอดปากเหยี่ยวปากกามาได้
ผมไม่รู้จะดูอะไรนิ...ตอนนั้นมันตีสองกว่าแล้ว HBO เอา True Detective มาฉายรีรันต่อกัน 2 ตอนรวด เผอิ๊ญผมเปิดไปเจอตอนที่ 2 กำลังเริ่มฉายพอดีครับ
มันก็ต่อจากไพล็อตที่ผมดูจบแล้วทิ้งพอดี...เอาฟระ ไม่มีอะไรจะดูแล้วก็...เอาน่ะ...ฆ่าเวลา
.................โอ คุณพระ!! มันหยุดไม่ได้เลยง่ะ..ดูต่อ 2 ตอนรวดจนจบ....
หลังจากนั้นผมกดดูเมนูรายการมือเป็นระวิงเลยครั บ...เฮ้ย ตอนต่อไปมันจะฉายวันไหนเนี้ย
จากนั้นผมก็ล็อกรายการไว้เลยทุกสัปดาห์ ดูมาตลอดจนจบเลยครับ
ตอนจบนี่...มันสุดอิ่มเอม แฝงปรัชญาล้ำลึกสุดหยั่ง รวมทั้งปิดท้ายสั่งลาด้วยซีนการแสดงที่สุดสะเทือนอารมณ์
ผมบอกได้เลยว่าการเข้าคู่กันของวู้ดดี้กับแมทธิวครั้งนี้ มันคือระดับ EPIC!
โอเค เกริ่นนานแล้ว ตอบคุณจขกท.ละนะครับ
1. สนุกไหม
ผมว่า TD มันเกินกว่าคำว่า "สนุก" ไปแล้วครับ มันคือ "คุณค่า" ที่เต็มอิ่มเกินคุ้มครับ
คุณค่าทั้งด้านการถ่ายภาพ
ที่คนดูจะอึ้งไปเลย เพราะมันสวยโคดๆ
TD จะเอากลิ่น The Killing มาเต็มๆเลย คือ "สถานที่ในเมืองเล็ก คือตัวละครตัวสำคัญของเรื่อง"
TD เกิดขึ้นในเมืองเล็กบ้านนอกเป็นหนองเป็นนาเป็นลำธารของนิวออร์ลีนส์
ผมนึกถึง "เมืองแพร่" บ้านเราเลยครับ ถ้าไปถ่ายเมืองแพร่คงให้บรรยากาศเยือกเย็นอ้างว้างว้าเหว่ แต่สวยโคดๆได้พอกัน
เผอิญทีวีเดี๋ยวนี้ราคาถูกแต่ภาพคมชัดใสกิ๊ง เป็น HD กันหมดแล้ว ทีวีโซนี่ของผมปรับภาพแบบคมชัดขนาดสิวกี่เม็ดๆของดารานี่เห็นหมดทุกรูขุมขน
มันส่งผลมากต่อการดู TD เลยครับ เพราะเรื่องนี้เขาเน้นถ่ายภาพแบบมุมสูงตานก คือเอาฮ.บินถ่ายภูมิทัศน์ตระการตา แล้วก็ถอยกล้องออกมาเป็นภาพ Panorama
จะมีซีนสวยกระชากใจแบบนี้ทุก EP เลยครับ
หรือตอนที่พระเอกของเราขับรถตามสืบคดี กล้องจะถ่ายออกนอกหน้าต่าง เห็นทัศนียภาพของท้องนาหรือหนองน้ำตลอดเส้นทางที่ขับไป
บอกคำเดียวครับ "สวยตะลึง" ไปเลย
คุณค่าด้านบทโทรทัศน์
TD สมแล้วกับที่ผู้ยิ่งใหญ่หลายคนในโลกจอเงิน ได้ขนานนามยุคนี้ว่าเป็น "Golden era ยุคทองของทีวี" เรื่องนี้คือพยานอย่างดีของยุคทองแห่งวงการจอแก้ว
บทสุดยอดครับ... เขาใช้คดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่คิดว่าจบแล้วแต่ไม่จบ ดึงให้แคแรคเตอร์ชายสองคนที่สุดขั้วตรงข้าม ให้มาทำงานร่วมกัน
อา...นี่มันพล็อตหนังจอเงินยุคคลาสสิก คือยุค 70 ชัดๆ แบบบุชแคสสิดี้แอนด์เดอะซันแดนซ์คิดงี้ ออลเดอะเพรสซิเดนท์สเมนงี้ มิดไนท์คาวบอยงี้ ฯลฯ
เราจะไม่มีทางรู้เลยว่าคนไหนที่เป็นด้านมืด คนไหนที่เป็นด้านสว่าง จนเรื่องมันดำเนินไปจนจบน่ะแหละครับ ที่ตัวละครที่มืดนอกสว่างใน กับตัวละครที่สว่างนอกมืดใน ได้มาบรรจบกันและเกื้อหนุนกัน
คุณค่าด้านความเป็นมนุษย์
อย่างที่บอกแล้วว่าผู้สร้างคืออดีตคนเขียนบท The Killing มาก่อน ซึ่งบรรยากาศคือคดีฆาตกรรมที่มีความเป้นโศกนาฏกรรมแฝงอยู่ทุกอณู
ในความรุนแรงมันมีความเศร้ามากๆเป็นพื้นฐานของเรื่อง
แต่ TD ยกระดับไปเหนือกว่าเดอะคิลลิ่ง ตรงที่คดีฆ่าต่อเนื่องที่ถูกเฉลยออกมา... มันเศร้าจริงเศร้าจังครับ
ฉากที่วู้ดดี้ ฮาเรลสัน(ในเรื่องชื่อฮาร์ท) ดูวิดิโอที่แมทธิว(ในเรื่องชื่อรัส)สืบค้นจนเจอและเก็บเอาไว้แล้วมาเปิดให้คู่หูดู....
แค่กล้องจับภาพปฏิกิริยาของวู้ดดี้เต็มๆนานเป็นนาที อารมณ์ของเขามันบอกหมดทุกอย่างถึงความโหดร้ายสุดๆของมนุษย์
ซึ่ง The Killing และซีรีส์อื่นๆยังทำไม่ได้ ซีนอารมณ์ยังไปไม่ถึง หรือไม่ได้ใส่ไว้ในหนัง
แต่เรื่องนี้ทำได้
คุณค่าทางการแสดง
ผมว่าวู้ดดี้คือตัวส่งแมทธิวเลยครับ เข้าคู่กันได้ดีมาก
แต่สำหรับตัวแมทธิวเองแล้ว....ถ้าเขาไม่ชนะเอ็มมี่ปีนี้และลูกโลกปีหน้า... ผมจะลาบวชเลยครับ
คือบทที่เขียนขึ้นมาให้แมทธิวเล่น ถ้าเขาไม่แสดงได้สุดๆ (ถ้าตอบแบบแมนๆต้องบอกว่าสุดตรีนจริงๆครับพี่) ขนาดนี้...เรื่องนี้จะไม่เพอร์เฟกขนาดนี้จริงๆ
มันเป็นบทที่ดีพอๆกับ Dallas Buyer Club เลยก็ว่าได้
ถ้าปีนี้เขาได้เอ็มมี่ ถือเป็นปียิ่งใหญ่สุดๆของนักแสดงเลยนะครับ คว้าทั้งออสการ์และเอ็มมี่จากหนังคนละเรื่อง
2. เครียดมั้ย
เรื่องมันดราม่าแบบเข้มข้นมากครับ
ผมไม่อยากใช้คำว่า "เครียด" ผมอยากใช้คำว่า "INTENSE-เข้มข้น" จะตรงกับ TD ที่สุดครับ
ถ้าคุณจขกท.ชอบอะไรที่เข้มข้น เข้าถึงจิตใจแบบสุดๆ ไม่มีประนีประนอม ก็จะชอบครับ
แต่ถ้าไม่ชอบอะไรที่มันอารมณ์เข้มข้นมากๆ อาจรู้สึกว่าหนักไป
แต่ผมว่าสำหรับคนที่ชอบ Criminal Minds ซึ่งถือว่าแรงมากๆในซีซั่นแรกๆ หรือชอบ House of Cards ที่การแสดงขั้นเทพ น่าจะชอบเรื่องนี้นะครับ
3. สำหรับคนที่ชอบปรัชญาแนว spiritual หรืออภิปรัชญา น่าจะชอบเรื่องนี้มาก
เพราะที่สุด TD มันเริ่มด้วยฆาตกรรมต่อเนื่องที่เหมือนกลุ่มลัทธิบูชาซาตานก็จริง แต่มันกลับไปจบที่ "จักรวาล การเกิดดับ ด้านมืดด้านสว่าง การตายแล้วไปไหน ภพภูมิที่ถัดไปจากโลกมนุษย์" และ "ความรักที่ไร้เงื่อนไข ไร้ภพภูมิ และไร้กาลเวลา"
คิดดูสิ เรื่องนี้มันพาเราเริ่มจาก Serial killing ไปจบที่ Universal love ได้ไงเนี้ยยยยยยยยยยย?
จบแย้ว
ทว่า....ตอนไพลอต อืดมาก ผมเลิกดูเลยครับ
แต่เพราะคสช...... ทำให้ผมซาบซุ้งในคุณค่าของซีรีส์เรื่องนี้ (น้ำตาจิไหล ขอบคุณจริงๆ)
เดี๋ยว...งง มันเกี่ยวไรกับคสช.???
อย่า-งง มันเกี่ยวสุดๆครับ
เนื่องจากเพราะคสช.ปิดสถานีข่าวต่างประเทศหมดทุกช่อง ทำให้ผมอดดู CNBC ที่ฉายรายการของเคุณจิมมี่ ฟัลลอน ขวัญใจเจ้าประจำผม
มีแต่ HBOHD ที่รอดปากเหยี่ยวปากกามาได้
ผมไม่รู้จะดูอะไรนิ...ตอนนั้นมันตีสองกว่าแล้ว HBO เอา True Detective มาฉายรีรันต่อกัน 2 ตอนรวด เผอิ๊ญผมเปิดไปเจอตอนที่ 2 กำลังเริ่มฉายพอดีครับ
มันก็ต่อจากไพล็อตที่ผมดูจบแล้วทิ้งพอดี...เอาฟระ ไม่มีอะไรจะดูแล้วก็...เอาน่ะ...ฆ่าเวลา
.................โอ คุณพระ!! มันหยุดไม่ได้เลยง่ะ..ดูต่อ 2 ตอนรวดจนจบ....
หลังจากนั้นผมกดดูเมนูรายการมือเป็นระวิงเลยครั บ...เฮ้ย ตอนต่อไปมันจะฉายวันไหนเนี้ย
จากนั้นผมก็ล็อกรายการไว้เลยทุกสัปดาห์ ดูมาตลอดจนจบเลยครับ
ตอนจบนี่...มันสุดอิ่มเอม แฝงปรัชญาล้ำลึกสุดหยั่ง รวมทั้งปิดท้ายสั่งลาด้วยซีนการแสดงที่สุดสะเทือนอารมณ์
ผมบอกได้เลยว่าการเข้าคู่กันของวู้ดดี้กับแมทธิวครั้งนี้ มันคือระดับ EPIC!
โอเค เกริ่นนานแล้ว ตอบคุณจขกท.ละนะครับ
1. สนุกไหม
ผมว่า TD มันเกินกว่าคำว่า "สนุก" ไปแล้วครับ มันคือ "คุณค่า" ที่เต็มอิ่มเกินคุ้มครับ
คุณค่าทั้งด้านการถ่ายภาพ
ที่คนดูจะอึ้งไปเลย เพราะมันสวยโคดๆ
TD จะเอากลิ่น The Killing มาเต็มๆเลย คือ "สถานที่ในเมืองเล็ก คือตัวละครตัวสำคัญของเรื่อง"
TD เกิดขึ้นในเมืองเล็กบ้านนอกเป็นหนองเป็นนาเป็นลำธารของนิวออร์ลีนส์
ผมนึกถึง "เมืองแพร่" บ้านเราเลยครับ ถ้าไปถ่ายเมืองแพร่คงให้บรรยากาศเยือกเย็นอ้างว้างว้าเหว่ แต่สวยโคดๆได้พอกัน
เผอิญทีวีเดี๋ยวนี้ราคาถูกแต่ภาพคมชัดใสกิ๊ง เป็น HD กันหมดแล้ว ทีวีโซนี่ของผมปรับภาพแบบคมชัดขนาดสิวกี่เม็ดๆของดารานี่เห็นหมดทุกรูขุมขน
มันส่งผลมากต่อการดู TD เลยครับ เพราะเรื่องนี้เขาเน้นถ่ายภาพแบบมุมสูงตานก คือเอาฮ.บินถ่ายภูมิทัศน์ตระการตา แล้วก็ถอยกล้องออกมาเป็นภาพ Panorama
จะมีซีนสวยกระชากใจแบบนี้ทุก EP เลยครับ
หรือตอนที่พระเอกของเราขับรถตามสืบคดี กล้องจะถ่ายออกนอกหน้าต่าง เห็นทัศนียภาพของท้องนาหรือหนองน้ำตลอดเส้นทางที่ขับไป
บอกคำเดียวครับ "สวยตะลึง" ไปเลย
คุณค่าด้านบทโทรทัศน์
TD สมแล้วกับที่ผู้ยิ่งใหญ่หลายคนในโลกจอเงิน ได้ขนานนามยุคนี้ว่าเป็น "Golden era ยุคทองของทีวี" เรื่องนี้คือพยานอย่างดีของยุคทองแห่งวงการจอแก้ว
บทสุดยอดครับ... เขาใช้คดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่คิดว่าจบแล้วแต่ไม่จบ ดึงให้แคแรคเตอร์ชายสองคนที่สุดขั้วตรงข้าม ให้มาทำงานร่วมกัน
อา...นี่มันพล็อตหนังจอเงินยุคคลาสสิก คือยุค 70 ชัดๆ แบบบุชแคสสิดี้แอนด์เดอะซันแดนซ์คิดงี้ ออลเดอะเพรสซิเดนท์สเมนงี้ มิดไนท์คาวบอยงี้ ฯลฯ
เราจะไม่มีทางรู้เลยว่าคนไหนที่เป็นด้านมืด คนไหนที่เป็นด้านสว่าง จนเรื่องมันดำเนินไปจนจบน่ะแหละครับ ที่ตัวละครที่มืดนอกสว่างใน กับตัวละครที่สว่างนอกมืดใน ได้มาบรรจบกันและเกื้อหนุนกัน
คุณค่าด้านความเป็นมนุษย์
อย่างที่บอกแล้วว่าผู้สร้างคืออดีตคนเขียนบท The Killing มาก่อน ซึ่งบรรยากาศคือคดีฆาตกรรมที่มีความเป้นโศกนาฏกรรมแฝงอยู่ทุกอณู
ในความรุนแรงมันมีความเศร้ามากๆเป็นพื้นฐานของเรื่อง
แต่ TD ยกระดับไปเหนือกว่าเดอะคิลลิ่ง ตรงที่คดีฆ่าต่อเนื่องที่ถูกเฉลยออกมา... มันเศร้าจริงเศร้าจังครับ
ฉากที่วู้ดดี้ ฮาเรลสัน(ในเรื่องชื่อฮาร์ท) ดูวิดิโอที่แมทธิว(ในเรื่องชื่อรัส)สืบค้นจนเจอและเก็บเอาไว้แล้วมาเปิดให้คู่หูดู....
แค่กล้องจับภาพปฏิกิริยาของวู้ดดี้เต็มๆนานเป็นนาที อารมณ์ของเขามันบอกหมดทุกอย่างถึงความโหดร้ายสุดๆของมนุษย์
ซึ่ง The Killing และซีรีส์อื่นๆยังทำไม่ได้ ซีนอารมณ์ยังไปไม่ถึง หรือไม่ได้ใส่ไว้ในหนัง
แต่เรื่องนี้ทำได้
คุณค่าทางการแสดง
ผมว่าวู้ดดี้คือตัวส่งแมทธิวเลยครับ เข้าคู่กันได้ดีมาก
แต่สำหรับตัวแมทธิวเองแล้ว....ถ้าเขาไม่ชนะเอ็มมี่ปีนี้และลูกโลกปีหน้า... ผมจะลาบวชเลยครับ
คือบทที่เขียนขึ้นมาให้แมทธิวเล่น ถ้าเขาไม่แสดงได้สุดๆ (ถ้าตอบแบบแมนๆต้องบอกว่าสุดตรีนจริงๆครับพี่) ขนาดนี้...เรื่องนี้จะไม่เพอร์เฟกขนาดนี้จริงๆ
มันเป็นบทที่ดีพอๆกับ Dallas Buyer Club เลยก็ว่าได้
ถ้าปีนี้เขาได้เอ็มมี่ ถือเป็นปียิ่งใหญ่สุดๆของนักแสดงเลยนะครับ คว้าทั้งออสการ์และเอ็มมี่จากหนังคนละเรื่อง
2. เครียดมั้ย
เรื่องมันดราม่าแบบเข้มข้นมากครับ
ผมไม่อยากใช้คำว่า "เครียด" ผมอยากใช้คำว่า "INTENSE-เข้มข้น" จะตรงกับ TD ที่สุดครับ
ถ้าคุณจขกท.ชอบอะไรที่เข้มข้น เข้าถึงจิตใจแบบสุดๆ ไม่มีประนีประนอม ก็จะชอบครับ
แต่ถ้าไม่ชอบอะไรที่มันอารมณ์เข้มข้นมากๆ อาจรู้สึกว่าหนักไป
แต่ผมว่าสำหรับคนที่ชอบ Criminal Minds ซึ่งถือว่าแรงมากๆในซีซั่นแรกๆ หรือชอบ House of Cards ที่การแสดงขั้นเทพ น่าจะชอบเรื่องนี้นะครับ
3. สำหรับคนที่ชอบปรัชญาแนว spiritual หรืออภิปรัชญา น่าจะชอบเรื่องนี้มาก
เพราะที่สุด TD มันเริ่มด้วยฆาตกรรมต่อเนื่องที่เหมือนกลุ่มลัทธิบูชาซาตานก็จริง แต่มันกลับไปจบที่ "จักรวาล การเกิดดับ ด้านมืดด้านสว่าง การตายแล้วไปไหน ภพภูมิที่ถัดไปจากโลกมนุษย์" และ "ความรักที่ไร้เงื่อนไข ไร้ภพภูมิ และไร้กาลเวลา"
คิดดูสิ เรื่องนี้มันพาเราเริ่มจาก Serial killing ไปจบที่ Universal love ได้ไงเนี้ยยยยยยยยยยย?
จบแย้ว
สมาชิกหมายเลข 3707912 ถูกใจ, MoodyGuy หลงรัก, งงง่วงเหงางุงิ ถูกใจ, pravut ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 941485 ถูกใจ, โศกนาฏกรรม ทึ่ง, susperia ถูกใจ, i'm sassy girl ถูกใจ, dne ถูกใจ, SHIBABE ถูกใจรวมถึงอีก 16 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
แสดงความคิดเห็น
True Detective สนุกมากมั้ยคะ
ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ