เมื่อฉันได้รับตำแหน่ง "เมียหลวง"

กระทู้สนทนา
กราบสวัสดีค่ะ

ขออนุญาตรวบรวมความทรงจำของเราไว้ในกระทู้นี้แล้วกันนะคะ  เมื่อก่อนขยันเขียนไดอารี่ แต่ขี้เกียจก็นานมากแล้วเช่นกัน  แต่ชอบพิมพ์

การที่เราเวิ่นเว้อในเฟสบุ้คหลายวันที่ผ่านมา  มันไม่ประติดประต่อ และยังเจ็บไม่พอค่ะ

มาทำความรู้จักเราสองคนจริง ๆ โดยที่ไม่ใช่คนที่คุณเคยพบเจอ เคยรู้จัก กันเถอะค่ะพี่ เพื่อน ที่อยู่ข้าง ๆ อินี่

รวมทั้งเพื่อนสมาชิกที่หลากหลายในห้องนี้ เราเคยอ่านเรื่องเมียหลวงจากที่นี่บ่อยครั้งค่ะ จนเราได้มีโมเม้นต์นี้สักที รู้สึกเป็นเกียรติเหลือเกิน คือ เย่ ฉันได้เล่าเรื่องแบบนี้ด้วยตัวเองแล้ว!

ถ้าได้เล่าไปแล้ว กลุ่มเพื่อนเราอาจสนับสนุนให้เราร้ายแบบตลาดมากขึ้น เอิ๊กกกกกกกกกก

เรื่องย่อเผื่อใครขี้เกียจอ่าน  เพราะเราจะยาวไป ๆ โดยไม่แคร์ว่า  ใครอยากรู้เรื่องแก โย่ว! (ส่วนตัวก็ยาวไปไม่อ่านนะ)

คำเตือน...เรื่องที่คุณจะได้อ่านต่อไปนี้มาจากมุมมองของเราเพียงคนเดียว โปรดพิจารณากันเอาเองเด้อ

...สามีมีเมียน้อยค่ะ  จบ.








ไปเรื่องยาวเป็นลำดับต่อไป

เราจะเล่าตั้งแต่วันแรก ช่วงแรก ๆ เวิ่นเว้อ ข้ามไปเลย จนถึงวันนี้  เพื่อจะได้ทบทวนตัวเองไปด้วย





บ้านเราอยู่ภาคอีสาน  ค่อนข้างยากจนแต่คนอื่นบอกว่าปานกลางบ้าง รวยบ้าง (กรรมกรเนี่ยนะรวย)  เราค่อนข้างชอบอยู่คนเดียว ไม่ค่อยใส่ใจอะไร  โกรธยาก คนที่โดนเราโกรธและเกลียดนี่คือ ต้องที่สุดแล้ว  แต่เราหายเร็วมาก

หลังเรียนจบ ม.๓ (เกือบจะไม่ได้เรียนมัธยมต้นเพราะฐานะทางบ้าน แต่แอบแม่ไปสมัครเรียนวันสุดท้ายก่อนเปิดเทอม) เรามาทำงานที่ จ.สมุทรปราการกับพ่อและแม่ ด้วยความชอบเรียน จึงลงเรียน กศน.เพราะจะได้เรียนไปทำงานไปด้วย พอจบ ม.๖ พ่อกับแม่ให้เราไปเรียนต่อ ปวส.ที่ปทุมธานีโดยอาศัยอยู่กับอา

จุดเริ่มต้นของชีวิตเรา  ก่อนจะกล่าวบทไป

เราไม่เคยมีผู้ชายที่เรียกว่าแฟน  สำหรับเรา ถ้าใช่ คือใช่  ถ้าไม่ใช่ เราจะไม่เสียเวลาคบ

ช่วงเข้าเรียนแรก ๆ ปวส.๑ มีคนมาจีบ เจอกันหลายครั้ง แต่เราจำหน้าเขาไม่เคยได้ ทั้งที่โดนเทคแคร์ก็เกือบสองสัปดาห์

จนเราต้องบอกไล่เขา  เพราะคุณไม่ใช่แนวของนางค่ะ

เราก็วัยรุ่นเริ่ด ๆ เชิด ๆ คนหนึ่งที่มีกรอบของตัวเองโดยที่ผู้ปกครองไม่ต้องขีดให้  เรารู้ตัว อะไรที่คนฐานะอย่างเราทำได้และไม่ควรทำ

ผู้ชายในโรงเรียนนั้น นอกจากเพื่อนในห้อง เราไม่เคยแลใคร  ...เพราะเรารู้ว่าเราคือใคร ฐานะเราเป็นอย่างไร เรากล้าพูดว่าเราเจียมตัว

ผ่านไปจนถึงช่วงเลือกชมรม เราเป็นเด็กใหม่อยู่ในชมรมดนตรีสากล มีโอกาสได้ขึ้นเวทีครั้งแรกในวันแนะนำชมรมด้วยเสียงอันแหลมคมและผิดเพี้ยน ...แต่หาได้แคร์ไม่ สิ่งที่ฉันได้ยินคือ ฉันร้องเพราะ เสียงไม่สั่น แต่มือสั่นฉิบ

หลังร้องจบเพลง เรามานั่งดูพี่ ๆ ในชมรมแสดงที่หลังเวทีต่อ  ก็เจอเด็กช่างกลุ่มหนึ่งนั่งสูบบุหรี่กัน

เราแพ้ควันบุหรี่ จึงพูดออกไป "ไม่สูบได้ไหม ทำไมต้องสูบด้วย พี่เหม็น"  เกือบทุกคนขอโทษ ดับบุหรี่กันทุกคน แต่โดนเด็กคนหนึ่งบ่นตาม "โหย เจ้ ก็สูบมานานแล้ว บลา ๆ"

คนในชมรมยื่นน้ำอัดลมมาให้ นางงามเปิดไม่ได้ค่า จึงส่งให้เด็กตรงหน้า ไอ้เด็กที่บ่นเมื่อกี้ "เปิดให้หน่อยสิ" ก็โดนตอบกลับมาว่า "แค่เปิดขวดน้ำยังทำไม่เป็น วู้ว"

จึงได้คุยกันบ้าง  เด็ก ปวช.๑ ที่เข้าห้องซ้อมบ่อย ๆ เห็นเราเช้า กลางวัน เย็น ซึ่งเราจำไม่ได้ว่าเคยมีพวกนี้ด้วยเหรอ กลุ่มคนที่เรารู้จักคือ นักดนตรีโรงเรียนเท่านั้น

แต่หลังจากวันนั้นเวลาเดินผ่านกันรุ่นน้องพวกนี้ก็จะทักอย่างสุภาพเสมอ เหตุผลที่เรารู้ตอนหลังคือ พวกนี้แข่งกันจีบนางนั่นเอง (กรี๊ดดดดด สวยมาก เขินมั้ย ทายซิ?)

แต่นางงามดันสะดุดตาไอ้คนที่ขัดนางซะงั้น คนที่ไม่มีท่าทีสนใจในตัวเรา แต่แปลกที่เราสนใจในตัวเขา หน้าตาก็พอประมาณ แต่เพื่อนอีกคนหล่อ ๆ นางก็ไม่มอง เอาซิ๊

วันหนึ่งเพื่อนผู้หญิงมีนัดเดทกับหนุ่มมหาลัยติดกัน เราต้องไปด้วย อ้าว? เธอไปเดท แล้วฉันล่ะยะ? โอเค ไปเป็นเพื่อน

นางจึงโทรหาไอ้เด็ก ปวช.๑ คนนั้น (เราขอเบอร์มันเองแหละ จำไม่ได้ว่าใช้มารยาไหน โฮะ ๆ) "ไปเป็นเพื่อนพี่หน่อย" (ผู้หญิงไม่11รด ไม่มีอยู่จริง เพราะไอ้นี่ มันใช่สำหรับฉัน...ขนาดนั้น)

เราใส่รองเท้าคัทชูเดินห้างนาน ๆ มันก็เจ็บอะนะ อินี่ก็ถอด ยืนรอเพื่อสาวที่ไปเดินกับพี่ ม. ซึ่งเราถอดรองเท้าเดินในโรงเรียนตึกหนึ่งไปอีกตึกประจำ เพราะเจ็บ

สิ่งแรกที่ผู้ชายคนนี้ทำให้เราคือ ...เรานั่งหย่อนขาบนม้านั่ง เขานั่งคุกเข่าตรงหน้าเรา จับเท้าเราไปสวมใส่รองเท้าผ้าใบเก่า ๆ ที่เขาถอดมาให้  โดยที่เขาสวมแค่ถุงเท้าเดิน บนห้าง เดอะมอลล์บางกะปิ...ฟินตัวเองว่ะ

วันนั้นได้ทำความรู้จักกันแบบส่วนตัว เขาเรียน ปวช.๑ ปีนี้ปีที่สอง

นางงามมโน...ฉัน ๑๗ ปี (ตอนนั้น) เขาน่าจะ ๑๖ ปี เพราะเรียนมาสองรอบแล้วหนิ ผ่านจ้ะ อายุไม่ห่างกันมา

เราก็ใส ๆ ต่อไป เขาก็ไม่ได้เรียกว่าจีบ แค่โดนแซวประจำเพราะกลายเป็น เขาสนิทกับเราที่สุดในกลุ่มเด็กพวกนั้น

แต่จู่ ๆ ไอ้หัวฟู ๆ ท่าเดินกวนทีนก็หายไปจากสายตาที่เราคอยแต่มองหาเขาเสมอไปซะดื้อ ๆ

ผ่านไปก็นาน ลดตัวไถ่ถามเพื่อนกลุ่มเดียวกับเขาได้ความว่า "มันออกไปแล้วพี่" จึงกดเบอร์โทรหา ผลคือไม่ติด

เราก็ไม่คบใคร เพราะรู้สึกคนนี้ใช่ไปแล้ว

รถเมล์สายประจำ ทั้งที่รู้ว่าไม่มีเขา แต่เราก็ยังมองหา

ห้าแยกปากเกร็ด สถานที่รอรถเมล์ของเขาเราก็นั่งรถย้อนขึ้นไปไกลหน่อยเพื่อที่จะผ่านตรงนั้น ทั้งที่บ้านนางอยู่ใกล้โรงเรียนกว่า ...ก็แค่  เผื่อเจอเขา

"นี่ป้ายรถเมล์บ้านผม" ที่เขาเคยชี้ให้ดูครั้งเดียว อินางก็นั่งรถผ่านไปดูตอนแย็น ๆ ทั้งที่ ...สุดแสนจะไม่ใช่ทางผ่าน  ก็แค่...เผื่อเจอเขา


เราทำแบบนี้หลายครั้งจนถอดใจ  ถ้าใช่ สักวันคงได้เจอกันเอง

แล้วผู้ชายคนนี้ก็หายไปจากเราจนเราเรียนจบ ปวส.๑












......................................................................................

ไม่ได้นอนติดกันมาสองคืน  คืนนี้ดันรู้สึกตาจะปิด  ขอนอนก่อนละกัน โหยหามาตลอดสองวันแล้วอารมณ์แบบนี้  อยากพักเหลือเกิน

พรุ่งนี้ไม่ระบุเวลา จะมาต่อเรื่องราวช่วง ปวส.๒

จุดเริ่มต้นที่แท้จริง

...ถ้าไม่อยากเงิบ ให้คิดว่าคุณกำลังอ่านนิยายเรื่องหนึ่งอยู่โดยพลัน

ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่