ถึงพวกที่บอกว่า"เลิกขับรถ แล้วใช้รถสาธารณะแทน"

พูดเหมือนกับว่ารถสาธารณะในประเทศนี้นั้นดีมาก

คิดว่าการที่คนไทยส่วนใหญ่จำเป็นต้องซื้อรถกันอาจไม่ใช่มาจากค่านิยมต้องมีรถอย่างเดียว
แต่เพราะการคมนาคมของประเทศนี้ที่ไม่เอาไหนมากกว่า
รถเมลล์ ถ้าไม่ใช่เส้นทางที่รถผ่านเยอะๆ รถเมลล์แบบแอร์ก็ไม่ได้ผ่านง่ายๆ ถึงจะผ่านก็รอนานแสนจะนาน
ส่วนแบบไม่มีแอร์ นี่คงไม่ต้องพูดถึง เหมือนเสี่ยงดวงทุกวันว่าจะได้แบบขับดีหรือขับลงนรก

โอเค เปลี่ยนมานั่งแท็กซี่ เหมือนมีรถส่วนตัว+คนขับรถ
แต่ที่ไหนได้
เมืองไทยนี่ใครๆก็มาขับแท็กซี่ได้ นั่งไปบางคนนี่สกปรกยังกับอะไร มีลักษณะทางกายภาพแปลกๆด้วย(โรคผิวหนัง...) ไม่รู้มีโรคติดต่ออะไรหรือเปล่า
บ้างก็รถข้า ข้าใหญ่สุด จะขับยังไง พูดจายังไงก็ได้ไม่สนผู้โดยสาร เคยสงสัยเหมือนกันแท็กซี่เมืองไทยนี่มันนั่งฟรีหรือเปล่า หรือคนขับเอื้ออาทรให้ขึ้นไปนั่ง ถึงสามารถใหญ่ได้ขนาดนั้น
บ้างทีก็บอกนะว่าให้ขับช้าหน่อยอันตราย หรือไม่ก็บอกเส้นทางกลัวว่าจะขับผิด(ขับเร็วมากกว่าว่าจะไม่เลี้ยว) แบบที่ไม่ตอบนี่ก็ถือว่าดีแล้ว(จริงๆคือแย่แล้ว)
แต่ที่เจอคือทำหน้าไม่พอใจ ประมาณแบบข้ารู้ทุกเส้นทางในประเทศเป็นอย่างดี ไม่ต้องมาบอก หนักกว่านั้นคือมีด่ากลับด้วย
เคยเจอหนักสุดๆบอกว่า รู้หรือเปล่าว่าข้าเป็นใคร เดี๋ยวเอาปืนยิงเลย(ไม่ได้โม้ เจอจริง) อึ้งสุดๆ คาดว่าคงพึ่งออกมาจากศรีธัญญา โรคจิตล้านเปอร์เซ็น

สรุปแล้วละอากับคมนาคมไทยมากๆ คือก็อยากนั่งน่ะนะรถสาธารณะน่ะ ขับรถเองมันก็เหนื่อย แต่ถามจริง มันมีให้นั่งซะที่ไหน
ถ้าคมนาคมเมืองไทยเป็นแบบญี่ปุ่นหรือฮ่องกง รถไฟฟ้าใต้ดินมันก็ไปได้ทุกที่แล้วแถมสะอาดคนก็มีมารยาท นานๆทีจะนั่งแท็กซี่นี่คนขับคนละเกรดกันเลย ที่นั่นกว่าจะสอบใบขับขี่นี่ลำบากมาก อาชีพคนขับแท็กซี่ก็ไม่ใช่กระจอกแบบคนไทย(เมืองไทยขับแท็กซี่เหมือนไม่มีงานทำ)
เห็นมีหลายคนเคยพูดว่า คนประเทศXXX(สมมุติประเทศ) รายได้ขนาดไหนรวยขนาดไหนไปไหนยังนั่งแต่รถไฟใต้ดิน นั่งรถเมลล์เลย
ไม่เห็นจะหน้าเงิน มีค่านิยมแบบคนไทยเลยที่หนี้สินก็เต็มตัวยังสะเออะอยากจะมีรถ
แค่อยากบอกว่ามันเทียบกันไม่ได้ เพราะพื้นฐานคมนาคมมันต่างกันอย่างที่บอกไปข้างบน

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่