สวัสดีค่ะ วันนี้ว่างจัดเลยตั้งใจมาแชร์ประสบการณ์ขอวีซ่าเชงเก้นของออสเตรียผ่าน VFS แบบละเอียดยิบกันเลย
เราตั้งใจไปยุโรป 4 ประเทศช่วงสิงหานี้ค่ะ : Austria - Czech - Slovakia - Germany
ทริปของเราจะสบายๆ ตบท้ายไปดูบอลที่มิวนิค เพราะระยะเวลาเที่ยวของเราอยู่ที่ 32 วันค่ะ
ไปยื่นวีซ่าที่ไหน?
ตั้งแต่ช่วงประมาณกันยายนปีที่แล้ว สถานทูตให้ยื่นคำร้องผ่าน VFS เท่านั้นค่ะ
ที่ตั้ง VFS ของสถานฑูตออสเตรีย:
ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าประเทศออสเตรีย
ตึกสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 15 ยูนิต C สีลมคอมเพล็กซ์
191 ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก
กรุงเทพฯ 10500
ถ้ามา BTS ให้ลงสถานีศาลาแดง แล้วเดินเข้าไปที่ Office zone ขึ้นชั้น 15 ศูนย์รับคำร้องอยู่ขวามือค่ะ
เอกสารที่ต้องเตรียม : กรณีของเราคือเราเป็นนักศึกษาค่ะ
1. ใบนัดหมายยื่นวีซ่า : เข้าไปที่
http://www.vfsglobal.com/austria/thailand/thai/all_about_visa.html
- ด้านซ้ายมือจะมีเมนูเขียนว่า การนัดหมายเพื่อยื่นคำร้องขอวีซ่า แล้วให้คลิกเลือก "Schedule an Appointment" ..
- เมื่อเข้าไปแล้วเค้าให้เราเลือกศูนย์ที่จะไปยื่น ในที่นี้ให้คลิกเลือก Bangkok อย่างเดียวค่ะ
- ถัดมาก็จะให้เราเลือกประเภทของวีซ่า (ของเราให้เลือก Tourist ค่ะเพราะไปเที่ยว) ถ้าขอหลายคนคราวเดียวก็ให้ใส่จำนวนคนไปตามนั้นค่ะ
- เมื่อเลือกประเภทวีซ่าแล้วมันจะเด้งวันที่ว่างเป็นกรอบสีเขียวให้เราเห็นในเดือนนั้นๆค่ะ เมื่อเลือกได้แล้วก็มาใส่ข้อมูลตามพาสปอร์ต จากนั้นก็เลือกเวลาที่จะเข้าไปยื่น อย่าลืมปริ้นใบนี้ออกมาด้วยนะคะตอนยื่นวีซ่า เพราะคนที่ไม่มีใบนัดแล้ว walk in เข้าไป อาจจะต้องรอยันบ่ายสามหรือก็ไม่ได้ยื่นเลยค่ะ
2. แบบฟอร์มยื่นคำร้องขอวีซ่า ติดรูปถ่ายสีที่มีพื้นหลังสีขาว และเป็นรูปถ่ายไม่เกิน 6 เดือน ขนาด 3.5cm x 4.5cm ไม่ยิ้ม : ให้ใช้แบบภาษาอังกฤษนะคะ เพราะแบบภาษาเยอรมันสำหรับคนที่จะไปอยู่ยาวเพื่อเรียนต่อหรือกรณีอื่นๆ
ดาวน์โหลดได้จากที่นี่ค่ะ >>>
http://www.vfsglobal.com/austria/thailand/thai/tourist_visa_form.html
ขอให้กรอกข้อมูลตามความเป็นจริงนะคะ ถ้าเกิดมีข้อมูลเท็จ ทางสถานทูตมีสิทธิปฏิเสธไม่ให้วีซ่าเราค่ะ
ส่วนรูปถ่ายก็จำนวน 2 ใบนะคะ
3.เล่มพาสปอร์ตตัวจริงและสำเนาพาสปอร์ตจำนวน 2 ใบ : ลงชื่อกำกับพร้อมวัตถุประสงค์ลงในสำเนาให้เรียบร้อย
4. จดหมายแนะนำตัว : กรณีนี้คือเราไปพักกับแฟนที่เป็นคนออสเตรีย เราเลยอธิบายเรื่องราวของเรารวมถึงความสัมพันธ์กับแฟนอย่างละเอียด แล้วก็แนบรูปที่ๆเรากับแฟนไปเที่ยวด้วยกัน, ทริปครอบครัว ฯลฯ อธิบายเพื่อให้ทางสถานทูตมั่นใจว่าเรามีภาระผูกพัน ต้องกลับมายังประเทศไทยแน่นอน (ของเราคือต้องกลับมาเรียนต่อให้จบ) แล้วเราก็ใส่รายละเอียดไปด้วยว่าเรามีคุณแม่เป็นสปอนเซอร์ให้ โดยตกลงให้แฟนออกค่าใช้จ่ายเฉพาะอาหารและให้เราอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์เค้าเท่านั้น เราเขียนไป 3 หน้าค่ะ แล้วก็เขียนเป็นหัวเรื่องแยกๆไปเลย เพื่อคนพิจารณาจะได้อ่านง่ายขึ้น หน้าเดียวบางทีรายละเอียดไม่ค่อยมี อาจซวยโดนปฏิเสธวีซ่าได้ เพราะงั้นยาวหน่อยแต่รายละเอียดแน่นน่าจะช่วยได้มากอยู่ค่ะ เพราะเราไม่ได้ไปสัมภาษณ์กับสถานทูตเองแล้ว ข้อนี้ถือว่าสำคัญเลยค่ะ
5. เอกสารรับรองความเป็นนักศึกษา : ให้ขอแบบภาษาอังกฤษนะคะ เพราะมีกฎอยู่แล้วว่าเอกสารทุกอย่างต้องได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษหรือเยอรมัน ในกรณีถ้าทำงานแล้ว ขอใบรับรองความเป็นพนักงานจากบริษัทพร้อมตราประทับค่ะ
6. แผนการเดินทาง : อันนี้ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญที่สุดค่ะ เพราะจะทำให้สถานทูตได้รับทราบคร่าวๆว่าจะไปทำอะไรที่ไหนบ้าง วางแผนอย่างไร และยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้สถานทูตค่ะว่าเราไม่มี Hidden agenda แน่นอน ภายในแผนการเดินทางควรจะประมาณค่าใช้จ่ายในแต่ละวันด้วยนะคะ แล้วค่อยมาสรุปตัวเลขคร่าวๆอีกทีที่ท้ายตารางค่ะ ใครที่อยากได้ตัวอย่างของเราก็หลังไมค์มาได้นะคะ
7.เอกสารประกันการเดินทาง ขั้นต่ำ 30,000 ยูโร : เช็คกับเว็บสถานทูตได้เลยค่ะว่าบริษัทไหนได้รับการรับรองบ้าง เราใช้ของบูพาค่ะ
8. ใบจองตั๋วเครื่องบินไปกลับ : *แก้ไขล่าสุด* ใบจองตั๋วเครื่องบิน ( Ticket Reservation ) จะต้องเป็นหัวของสายการบินนั้นๆที่ผู้สมัครจองโดยทางสถานทูตจะไม่รับใบจองตั๋วผ่านทาง Travel Agency
9. ใบจองโรงแรม : เราใช้ของ booking.com เพราะไม่เสียค่าธรรมเนียมในการจอง เราจองไว้ที่มิวนิคกับปรากค่ะ แต่ที่มิวนิค จริงๆเราจะไปพักที่อพาร์ตเม้นท์ของแฟนบอลท่านนึงที่อยู่ใกล้สนามซ้อมพอดี โชคดีไปค่ะ เพราะหาห้องราคาที่พอใจในมิวนิคยากมาก ยิ่งช่วงหน้าร้อนที่นู่นราคาเพิ่มอีกสองเท่าเลยค่ะ
10. จดหมายสปอนเซอร์ : เราให้คุณแม่เป็นสปอนเซอร์ในการเดินทางครั้งนี้ค่ะ โดยท่านจะรับผิดชอบในเรื่อง pocket money กับค่าตั๋วให้ และถ้าหากสถานทูตมีคำถามเราก็ให้เบอร์ท่านเอาไว้ ดังตัวอย่างค่ะ
11. สำเนาบัตรประชาชนสปอนเซอร์
12. เอกสารแสดงความสัมพันธ์ระหว่างเรากับสปอนเซอร์: เราใช้ทะเบียนบ้านค่ะ แล้วก็แปลเป็นภาษาอังกฤษ ฟอร์มทะเบียนบ้านสามารถหาโหลดได้ที่เว็บไซต์กรมการกงศุลนะคะ ไม่ต้องส่งให้กงศุลประทับรับรอง แค่ต้องให้ผู้แปลเซ็นชื่อรับรองด้วยค่ะ (เราแปลเอาเอง)
13. สำเนาบัญชีธนาคารของสปอนเซอร์ : ของเราย้อนไป 3 เดือนเลยค่ะ แล้วเราแนบสำเนาใบทะเบียนการค้าของคุณแม่ไปด้วยกันเหนียว อย่าลืมให้เซ็นลงสำเนาทุกฉบับนะคะ
14. จดหมายเชิญจากแฟน : ความจริงแล้วสถานทูตให้ผู้สมัคร แสดง Code เชิญจากสถานีตำรวจที่ออสเตรีย พร้อมทั้งแสดงหน้าหนังสือเดินทางของคนเชิญ ประกอบด้วย ( ในกรณีไปพักกับเพื่อน ญาติ หรือ คุ่สมรส ) แต่ทีนี้เราไม่รู้ค่ะ เลยให้แฟนเขียนแบบจัดเต็ม พร้อมแนบสำเนาพาสปอร์ต, proof of resident แล้วก็สัญญาการเช่าอพาร์ตเม้นท์ค่ะ
ข้อควรจำ
- เอกสารควรอัพเดทให้ใกล้เคียงกับวันยื่นมากที่สุดไม่เกิน 1 เดือน
- เอกสารที่ใช้ยื่นทั้งหมดต้องได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาเยอรมัน
รวมเวลาที่เราเตรียมเอกสาร ก็ประมาณเกือบสองเดือนค่ะ
เมื่อยื่นเสร็จเค้าก็จะเรียกไปเสียค่าวีซ่าแล้วก็เก็บลายนิ้วมือไบโอเมตริกเพื่ออ้างอิงค่ะ
ค่าวีซ่า
ให้จ่ายด้วยเงินสด ณ เวลายื่นวีซ่าเท่านั้นค่ะ
ค่าธรรมเนียมวันที่เราไปยื่น (22 พค) อยู่ที่ 2680 บาท
ค่าดำเนินการ 1120 บาท
ค่าอื่นๆ 260 บาท
เราขอให้เค้าส่งมาทางไปรษณีย์ให้ค่ะ เพราะเราอยู่เชียงราย ไม่สะดวกไปรับเอง
เราตกใจมากเลยล่ะค่ะที่สถานทูตพิจารณา
ไวมากกก ทั้งที่บอกว่าใช้เวลาอย่างน้อย 15 วัน
เรายื่นเรื่องไป 22 พค. เจ้าหน้าที่โทรมา 26 พค.ว่าเรียบร้อยแล้ว 28พค เราได้รับเล่มคืนพร้อมเชงเก้นวีซ่าค่ะ
ให้เราแถมมาด้วยตั้ง 14 วันอีกตะหาก
หวังว่ารีวิวนี้จะช่วยเป็นไกด์ไลน์ให้ทุกคนนะคะ
[CR] [CR] รีวิวการขอเชงเก้นวีซ่าของออสเตรียฉบับละเอียดยิบ!
เราตั้งใจไปยุโรป 4 ประเทศช่วงสิงหานี้ค่ะ : Austria - Czech - Slovakia - Germany
ทริปของเราจะสบายๆ ตบท้ายไปดูบอลที่มิวนิค เพราะระยะเวลาเที่ยวของเราอยู่ที่ 32 วันค่ะ
ไปยื่นวีซ่าที่ไหน?
ตั้งแต่ช่วงประมาณกันยายนปีที่แล้ว สถานทูตให้ยื่นคำร้องผ่าน VFS เท่านั้นค่ะ
ที่ตั้ง VFS ของสถานฑูตออสเตรีย:
ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าประเทศออสเตรีย
ตึกสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 15 ยูนิต C สีลมคอมเพล็กซ์
191 ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก
กรุงเทพฯ 10500
ถ้ามา BTS ให้ลงสถานีศาลาแดง แล้วเดินเข้าไปที่ Office zone ขึ้นชั้น 15 ศูนย์รับคำร้องอยู่ขวามือค่ะ
เอกสารที่ต้องเตรียม : กรณีของเราคือเราเป็นนักศึกษาค่ะ
1. ใบนัดหมายยื่นวีซ่า : เข้าไปที่ http://www.vfsglobal.com/austria/thailand/thai/all_about_visa.html
- ด้านซ้ายมือจะมีเมนูเขียนว่า การนัดหมายเพื่อยื่นคำร้องขอวีซ่า แล้วให้คลิกเลือก "Schedule an Appointment" ..
- เมื่อเข้าไปแล้วเค้าให้เราเลือกศูนย์ที่จะไปยื่น ในที่นี้ให้คลิกเลือก Bangkok อย่างเดียวค่ะ
- ถัดมาก็จะให้เราเลือกประเภทของวีซ่า (ของเราให้เลือก Tourist ค่ะเพราะไปเที่ยว) ถ้าขอหลายคนคราวเดียวก็ให้ใส่จำนวนคนไปตามนั้นค่ะ
- เมื่อเลือกประเภทวีซ่าแล้วมันจะเด้งวันที่ว่างเป็นกรอบสีเขียวให้เราเห็นในเดือนนั้นๆค่ะ เมื่อเลือกได้แล้วก็มาใส่ข้อมูลตามพาสปอร์ต จากนั้นก็เลือกเวลาที่จะเข้าไปยื่น อย่าลืมปริ้นใบนี้ออกมาด้วยนะคะตอนยื่นวีซ่า เพราะคนที่ไม่มีใบนัดแล้ว walk in เข้าไป อาจจะต้องรอยันบ่ายสามหรือก็ไม่ได้ยื่นเลยค่ะ
2. แบบฟอร์มยื่นคำร้องขอวีซ่า ติดรูปถ่ายสีที่มีพื้นหลังสีขาว และเป็นรูปถ่ายไม่เกิน 6 เดือน ขนาด 3.5cm x 4.5cm ไม่ยิ้ม : ให้ใช้แบบภาษาอังกฤษนะคะ เพราะแบบภาษาเยอรมันสำหรับคนที่จะไปอยู่ยาวเพื่อเรียนต่อหรือกรณีอื่นๆ
ดาวน์โหลดได้จากที่นี่ค่ะ >>> http://www.vfsglobal.com/austria/thailand/thai/tourist_visa_form.html
ขอให้กรอกข้อมูลตามความเป็นจริงนะคะ ถ้าเกิดมีข้อมูลเท็จ ทางสถานทูตมีสิทธิปฏิเสธไม่ให้วีซ่าเราค่ะ
ส่วนรูปถ่ายก็จำนวน 2 ใบนะคะ
3.เล่มพาสปอร์ตตัวจริงและสำเนาพาสปอร์ตจำนวน 2 ใบ : ลงชื่อกำกับพร้อมวัตถุประสงค์ลงในสำเนาให้เรียบร้อย
4. จดหมายแนะนำตัว : กรณีนี้คือเราไปพักกับแฟนที่เป็นคนออสเตรีย เราเลยอธิบายเรื่องราวของเรารวมถึงความสัมพันธ์กับแฟนอย่างละเอียด แล้วก็แนบรูปที่ๆเรากับแฟนไปเที่ยวด้วยกัน, ทริปครอบครัว ฯลฯ อธิบายเพื่อให้ทางสถานทูตมั่นใจว่าเรามีภาระผูกพัน ต้องกลับมายังประเทศไทยแน่นอน (ของเราคือต้องกลับมาเรียนต่อให้จบ) แล้วเราก็ใส่รายละเอียดไปด้วยว่าเรามีคุณแม่เป็นสปอนเซอร์ให้ โดยตกลงให้แฟนออกค่าใช้จ่ายเฉพาะอาหารและให้เราอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์เค้าเท่านั้น เราเขียนไป 3 หน้าค่ะ แล้วก็เขียนเป็นหัวเรื่องแยกๆไปเลย เพื่อคนพิจารณาจะได้อ่านง่ายขึ้น หน้าเดียวบางทีรายละเอียดไม่ค่อยมี อาจซวยโดนปฏิเสธวีซ่าได้ เพราะงั้นยาวหน่อยแต่รายละเอียดแน่นน่าจะช่วยได้มากอยู่ค่ะ เพราะเราไม่ได้ไปสัมภาษณ์กับสถานทูตเองแล้ว ข้อนี้ถือว่าสำคัญเลยค่ะ
5. เอกสารรับรองความเป็นนักศึกษา : ให้ขอแบบภาษาอังกฤษนะคะ เพราะมีกฎอยู่แล้วว่าเอกสารทุกอย่างต้องได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษหรือเยอรมัน ในกรณีถ้าทำงานแล้ว ขอใบรับรองความเป็นพนักงานจากบริษัทพร้อมตราประทับค่ะ
6. แผนการเดินทาง : อันนี้ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญที่สุดค่ะ เพราะจะทำให้สถานทูตได้รับทราบคร่าวๆว่าจะไปทำอะไรที่ไหนบ้าง วางแผนอย่างไร และยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้สถานทูตค่ะว่าเราไม่มี Hidden agenda แน่นอน ภายในแผนการเดินทางควรจะประมาณค่าใช้จ่ายในแต่ละวันด้วยนะคะ แล้วค่อยมาสรุปตัวเลขคร่าวๆอีกทีที่ท้ายตารางค่ะ ใครที่อยากได้ตัวอย่างของเราก็หลังไมค์มาได้นะคะ
7.เอกสารประกันการเดินทาง ขั้นต่ำ 30,000 ยูโร : เช็คกับเว็บสถานทูตได้เลยค่ะว่าบริษัทไหนได้รับการรับรองบ้าง เราใช้ของบูพาค่ะ
8. ใบจองตั๋วเครื่องบินไปกลับ : *แก้ไขล่าสุด* ใบจองตั๋วเครื่องบิน ( Ticket Reservation ) จะต้องเป็นหัวของสายการบินนั้นๆที่ผู้สมัครจองโดยทางสถานทูตจะไม่รับใบจองตั๋วผ่านทาง Travel Agency
9. ใบจองโรงแรม : เราใช้ของ booking.com เพราะไม่เสียค่าธรรมเนียมในการจอง เราจองไว้ที่มิวนิคกับปรากค่ะ แต่ที่มิวนิค จริงๆเราจะไปพักที่อพาร์ตเม้นท์ของแฟนบอลท่านนึงที่อยู่ใกล้สนามซ้อมพอดี โชคดีไปค่ะ เพราะหาห้องราคาที่พอใจในมิวนิคยากมาก ยิ่งช่วงหน้าร้อนที่นู่นราคาเพิ่มอีกสองเท่าเลยค่ะ
10. จดหมายสปอนเซอร์ : เราให้คุณแม่เป็นสปอนเซอร์ในการเดินทางครั้งนี้ค่ะ โดยท่านจะรับผิดชอบในเรื่อง pocket money กับค่าตั๋วให้ และถ้าหากสถานทูตมีคำถามเราก็ให้เบอร์ท่านเอาไว้ ดังตัวอย่างค่ะ
11. สำเนาบัตรประชาชนสปอนเซอร์
12. เอกสารแสดงความสัมพันธ์ระหว่างเรากับสปอนเซอร์: เราใช้ทะเบียนบ้านค่ะ แล้วก็แปลเป็นภาษาอังกฤษ ฟอร์มทะเบียนบ้านสามารถหาโหลดได้ที่เว็บไซต์กรมการกงศุลนะคะ ไม่ต้องส่งให้กงศุลประทับรับรอง แค่ต้องให้ผู้แปลเซ็นชื่อรับรองด้วยค่ะ (เราแปลเอาเอง)
13. สำเนาบัญชีธนาคารของสปอนเซอร์ : ของเราย้อนไป 3 เดือนเลยค่ะ แล้วเราแนบสำเนาใบทะเบียนการค้าของคุณแม่ไปด้วยกันเหนียว อย่าลืมให้เซ็นลงสำเนาทุกฉบับนะคะ
14. จดหมายเชิญจากแฟน : ความจริงแล้วสถานทูตให้ผู้สมัคร แสดง Code เชิญจากสถานีตำรวจที่ออสเตรีย พร้อมทั้งแสดงหน้าหนังสือเดินทางของคนเชิญ ประกอบด้วย ( ในกรณีไปพักกับเพื่อน ญาติ หรือ คุ่สมรส ) แต่ทีนี้เราไม่รู้ค่ะ เลยให้แฟนเขียนแบบจัดเต็ม พร้อมแนบสำเนาพาสปอร์ต, proof of resident แล้วก็สัญญาการเช่าอพาร์ตเม้นท์ค่ะ
ข้อควรจำ
- เอกสารควรอัพเดทให้ใกล้เคียงกับวันยื่นมากที่สุดไม่เกิน 1 เดือน
- เอกสารที่ใช้ยื่นทั้งหมดต้องได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาเยอรมัน
รวมเวลาที่เราเตรียมเอกสาร ก็ประมาณเกือบสองเดือนค่ะ
เมื่อยื่นเสร็จเค้าก็จะเรียกไปเสียค่าวีซ่าแล้วก็เก็บลายนิ้วมือไบโอเมตริกเพื่ออ้างอิงค่ะ
ค่าวีซ่า
ให้จ่ายด้วยเงินสด ณ เวลายื่นวีซ่าเท่านั้นค่ะ
ค่าธรรมเนียมวันที่เราไปยื่น (22 พค) อยู่ที่ 2680 บาท
ค่าดำเนินการ 1120 บาท
ค่าอื่นๆ 260 บาท
เราขอให้เค้าส่งมาทางไปรษณีย์ให้ค่ะ เพราะเราอยู่เชียงราย ไม่สะดวกไปรับเอง
เราตกใจมากเลยล่ะค่ะที่สถานทูตพิจารณาไวมากกก ทั้งที่บอกว่าใช้เวลาอย่างน้อย 15 วัน
เรายื่นเรื่องไป 22 พค. เจ้าหน้าที่โทรมา 26 พค.ว่าเรียบร้อยแล้ว 28พค เราได้รับเล่มคืนพร้อมเชงเก้นวีซ่าค่ะ
ให้เราแถมมาด้วยตั้ง 14 วันอีกตะหาก
หวังว่ารีวิวนี้จะช่วยเป็นไกด์ไลน์ให้ทุกคนนะคะ