ผ่าคลอด กระเพาะปัสสาวะรั่ว ผ่าตัดซ้ำ ทำยังไง ????

วันนี้มีเรื่องที่เกิดกับตัวเองโดยตรง มาแชร์ประสบการณ์ และ ขอความช่วยเหลือผู้รู้คะ
ดิฉัน อายุ 30 ปี มีลูกคนที่สอง ผ่าคลอด ตามกำหนด วันที่ 19 พ.ค. 2557 (คนแรกผ่าคลอด เพราะเชิงกรานแคบ)
ณ โรงพยาบเอกชนแห่งหนึ่งย่านรามอินทรา
วันที่ 19 พ.ค. 57 ผ่าคลอดดำเนินการไปจนสินสุดกระบวนการ
วันที่ 20 พ.ค. 57 ประมาณ 6.00 น. ถอดสายปัสสาวะที่เสียบไว้ ตั้งแต่ก่อนผ่า
                         ผู้ช่วยพยาบาลให้ไปอาบน้ำ เดินเยอะๆ จะได้ไม่ท้องอืด
                         ขณะกำลังอาบน้ำ มีอาการปวดท้องจี๊ดๆๆๆๆ แบบปวดบิดทรมาณมาก ยืนเองไม่ไหวเลย
                         ผู้ช่วยรีบเช็ดตัวรีบแต่งตัวให้ มานั่งนอกห้องน้ำ
                         พยาบาลเข้ามาดูอาการ แล้วบอกว่าเดินเยอะๆนะคะ เด๋วก้อหาย
                         เราแบบว่าลุกไม่ไหวเลยค่ะ ทรมาณมาก พยายามเดินมานั่งที่ที่นอน
                         พยายามล้มตัวลงนอน นอนราบไม่ได้เลยค่ะ มันปวดร้าวไปหมด พยาบาลก้อมาดู
                         เราใส่กางเกงในแบบพยุงน้าท้องค่ะ พยาบาลบอกว่ามันคงรัดเกินไป
                         ตอนนั้นทุกคนแตะท้อง แตะตัวเราไม่ได้เลย เราร้องลั่นอย่างเดียว ว่าอย่าจับๆ เจ็บๆ ถ้าเปนเพราะกางเกงในให้ตัดทิ้งเลย อย่าขยับ ไม่ไหวแล้ว
                         พยาบาลยังถาม ไม่เสียดายหรอค่ะหลายบาทเลยนะตัวนี้ เราตอบกลับ อารมณ์นี้แล้วค่ะไม่เสียดายแล้วตัดเลยทิ้งเลย ... สรุปตัดทิ้ง และเหมือนว่าอาการจะดีขึ้น
                         วันนี้ช่วงเช้าไม่ได้ลงไปให้นมลูกเพราะไม่ไหวค่ะ ไปให้รอบบ่ายกับเย็น แต่ไปด้วยความเจ็บและปวดในท้อง
วันที่ 21 พ.ค. 57 คุณหมอเจ้าของไข้มาตรวจดูอาการ และบอกว่าเราท้องอืด มีลมในท้องเยอะ ให้เดินบ่อยๆ เด๋วพรุ่งนี้คุณหมอจะไม่อยู่ กลับมาวันที่29 จะให้หมอท่านอื่นมาดูแทน
                         ระหว่างวันเราก้อปวดตัวปวดท้อง เริ่มกินได้น้อย นอนไม่ได้ตั้งแต่เมื่อคืน คือต้องนั่งหลับ
วันที่ 22 พ.ค. 57 คุณหมอที่มาแทน มาดูอาการ บอกว่าท้องอืดมาก แถมตั้งแต่มา เราก้อไม่ถ่ายเลยด้วย หมอให้ยาลดอาการท้องอืด และยาถ่ายไปด้วย
                         กลับบ้านไปเวลาประมาณ 15.00 น. ด้วยความปวดที่มีกลับไปด้วย และขนาดท้องที่ใหญ่กว่าตอนก่อนคลอด
วันที่ 23-24 พ.ค. 57 สองวันนี้ทุกคนที่บ้านพยายามหาอะไรมาให้ทาน และบังคับให้ทานเยอะๆ เดินบ่อยๆ จะได้หายไวๆ
                          แต่อาการไม่ดีขึ้นเลย ยังคงนอนไม่ได้ไม่ว่าจะท่าไหน ตะแคง ราบ เอียง ขนาดนั่งยังต้องคอยขยับท่า
                          ให้นมลูกก้อทรมาณ วันที่24 เราเราแทบไม่ได้ให้นมลูกเลย สามีเปนคนชงให้อย่างเดียว ลูกไม่ได้กินนมแม่เลย
                          เพราะเราให้ไม่ไหว เลยปรึกษากับสามีว่าวันนี้จะฝากแม่สามีให้เอาลูกสาวคนโต (2.5ปี) ไปเลี้ยงก่อน เราไม่ไหว
                          ขอรักษาตัว ไม่งั้นไม่รู้จะดูลูกยังไง เพราะเราเป็นครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว คืออยู่กันเอง พ่อ แม่ ลูก
วันที่ 25 พ.ค. 57 เช้านี้บอกสามีว่า เราไม่ไหวแล้ว ขอไปหาหมอเลยแต่เช้า พอดีน้องไปส่งแม่กลับมาพอดี เลยให้ขับรถไปกันออกไป
                         น้องสาวสามีขับรถ สามีอุ้มลูกคนเล็กที่เพิ่งคลอด เรานั่งรถประคองตัวไป จนมาถึงรพ. หมอเจ้าของไข้ยังไม่มา
                         คุณหมอท่านอื่นดูให้ แค่เค้าเหนท้องเราก้อถามทันทีว่า นี่คลอดแล้วหรอ เพราะมันใหญ่มาก ถามอาการทั้งหมด เราก้อเล่าไปทั้งหมด
                         รวมถึงตั้งแต่วันคลอดจนวันนี้ไม่ได้ถ่ายเลย ทุกครั้งที่ปวดถ่ายพอไปนั่ง จะมีแต่ฉี่ทุกครั้ง
                         หมอใช้หูฟังมาฟังที่ท้อง หมอบอกลำไส้ไม่ทำงานเลย ไม่แปลกที่จะไม่ถ่าย เด๋วขอแอทมิดทันทีนะ
                         แล้วจะพาไปเอ็กเรย์ดูว่าในท้องมีอะไรบ้าง .... พยาบาลมาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้พามาห้องพัก เตรียมตัวไปเอ็กเรย์
                         12.00 น. เข้าห้องเอ็กเรย์ ประมาณครึ่งชั่วโมงก้อออกมา
                         ประมาณ 16.00 น. คุณหมออีกท่านนึงมาดู และบอกว่าเด๋วหมอจะมาเจาะท้อง
                         ก้อเอาเครื่องอัลตราซาวน์มาซาวน์หน้าท้องให้ดู ว่าผลเอ็กเรย์ออกมาแล้ว ในท้องมีแต่น้ำ
                         หมอเอาเครื่องซาวน์มาซาวน์ดูว่าจะเจาะตรงไหนถึงจะไม่โดนอวัยวะภายใน และปลอดภัยที่สุด
                         หมอฉีดยาชาบริเวณหน้าท้องที่จะเจาะ เสร็จสรรพเจาะน้ำออกจากท้องได้ทั้งหมด4ลิตร
                         หมอบอกว่าจะเอาไปตรวจดูว่ามันคือน้ำมาจากอะไร เด๋วพรุ่งนี้ไม่เกินบ่ายมาแจ้งผล
วันที่ 26 พ.ค. 57 ตอนเช้าหมอที่ดูแลแทนพบ บอกว่าจะมีหมอหลายท่านมาดูแลเรานะ เพราะต้องหาสาเหตุที่แท้จิง
                         หมอที่เจาะเอาน้ำในท้องไปตรวจมาแจ้งผลประมาณ 11.00 น. บอกว่าได้ผลมาแล้ว
                         แต่ยังสรุปไม่ได้ว่าจะเป็นอะไร มี2อย่าง คือ 1 กระเพาะปัสสาวะรั่ว - ถ้าเปนอันนี้ เราก้อผ่าตัดเย็บรอยรั่ว ก้อจบ
                         กับ 2 ไตไม่ทำงาน หรือ โรคพุ่มพวง - อันนี้ถ้าเปนจะต้องรักษากันยาวเลย .... หมอบอกต่อว่า แต่สันนิษฐานให้เปนอย่างแรก
                         เด๋วจะมีคุณหมออีกท่านพาไปฉีดสี ส่องดูว่ามีรูรั่วตรงไหนบ้างมั้ย ประมาณ 12.00 น. พยาบาลก้อมาพาไปห้องผ่าตัด
                         เพื่อทำการฉีดสี ฉีดสีเสร็จประมาณเกือบบ่าย เค้าก้อเข็นเรามารอฟังผลที่ห้องพักฟื้น สักพักหมออกมาคุยด้วย
                         บอกว่าเจอรอยรั่ว1จุด ต้องเย็บปิด เด๋วหมอทำให้เลยบ่ายสอง เราตกลงตามนั้น แต่ขอให้หมอแจ้งสามีก่อน เพราะสามียังไม่ทราบเรื่องเลย
                         พอถึงเวลาเข้าห้องผ่าตัด หมอให้ดมยา หลังจากนั้นไม่รู้สึกตัวอีกเลย จนประมาณ1ทุ่ม เค้าเข็นเรากลับมาส่งที่ห้องพัก
                         เรารู้ว่ามีคนมาเยี่ยม แต่ยังคุยไรมากไม่ได้ คืนนี้ก้อสลึมสลือกันไป หลับปุ๋ยกันไปเลย หลังจากไม่ได้นอนมาเปนสัปดาห์
วันที่ 27 พ.ค. 57 คุณหมอทุกท่านมาดูอาการแต่เช้า รวม 4 คน สามีเราได้คุยกับคุณหมอที่ทำการผ่าตัดให้ ว่าเกิดจากอะไรบ้าง ทำไมเปนแบบนี้
                         หมอบอกว่า หมอทุกคนไม่อยากให้เกิดข้อผิดพลาด แต่นี้เกิดขึ้นแล้ว และมาเกิดแจ็คพอตมาเกิดกับเรา
                         สาเหตุที่แท้จริงตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ ต้องรอหมอเจ้าของไข้กลับมาก่อน ถึงจะรู้ว่าเกิดจากอะไร จะมี2กรณี คือ
                         1 กระเพาปัสสาวะกับมดลูกอยู่ใกล้กัน เปนไปได้ว่าขณะทำการผ่าตัด เครื่องมือหรืออะไรอาจจะไปโดนเข้า
                         2 อาจเกิดมีพังพืดระหว่างกระเพาะปัสสาวะกับมดลูด ตอนผ่าตัดก้อต้องแหวกพังพืด ก้ออาจทำให้ฉีกขาดได้
                         หมอบอกว่า จะช่วยดูแลคนไข้ให้หายดีแน่นอน
      หมอแจ้งว่าสาเหตุเกิดจาก กระเพาปัสสาวะกับมดลูกอยู่ใกล้กัน เปนไปได้ว่าขณะทำการผ่าตัด เครื่องมือหรืออะไรอาจจะไปโดนเข้า

ซึ่งถึง ณ ตอนนั้น หมอก้อไม่พูดไรมากไปกว่านี้ บอกแค่ว่า จะรักษาให้หายดี ดูแลให้ถึงที่สุด เรื่องทั้งหมดถึงบอร์ดบริหารแล้ว

จากการที่ไตไม่ทำงาน ทำให้ระบบขับถ่ายไม่สามารถใช้งานได้ด้วยตัวเองพักใหญ่ กินไรก้ออ้วกหมด พอผ่าตัดรอบนี้เสร็จก้อเสียบสายฉี่ไว้ยาวเป็นเดือน ส่วนเรื่องถ่าย นอนรพ.อยู่ประมาณวันที่3ถึงถ่าย ไม่ต้องบรรยายรายละเอียดกันเลย และที่สำคัญ ตอนนั้นยังลุกนั่งลำบาก ยังคงต้องนอนนิ่งๆ ฉะนั้นภาระในการดูแลเรื่องขับถ่ายของเราทั้งหมด ไม่ได้อยู่ที่เรา แต่อยู่ที่พยาบาล

ตลอดเวลาที่รักษาตัวอยู่ที่รพ. ตอนนั้นคิดอยู่3เรื่อง 1ลูกคนเล็กอยู่ยังไง เราไม่ได้ให้นมลูกเลย 2ลูกคนโตจะอยู่ยังไงไม่เคยห่างพ่อห่างแม่ 3จะหาเงินที่ไหนมาจ่ายค่ารักษา ที่รพ.ไม่เอ่ยถึงเรื่องค่ารักษาเลย ไม่บอกว่าจะรับผิดชอบทั้งหมดหรือเราจ่ายเอง จนกระทั่งวันสุดท้ายที่จะกลับ ถึงแจ้งว่ารพ.จะรับผิดชอบค่ารักษาทั้งหมด

วันแรกที่ได้ออกจากรพ. สิ่งแรกที่ทำคือ รีบไปรับลูกคนเล็กทีฝากให้พี่สาวเลี้ยงให้ คิดถึงลูกใจจะขาด หลังจากนั้นไม่นาน ก็ร้องขอให้พาลูกคนโจกลับมา แม้จะเจ็บ ก็อยากดูแลลูกเอง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่