ความเดินตอนที่ 1 :
http://pantip.com/topic/31985902
ตอนที่ 2 :
http://pantip.com/topic/32029689
ตอนที่ 3 :
http://pantip.com/topic/32057793
DAY 74(ต่อ)
5ชั่วโมงบนรถไฟจากSienaมาสถานี Principe StazioneในGenova(Genoa) หลังจากโทรแจ้งโอสท์ว่ามาถึงแล้วและถามเบอร์รถเมล์ให้มั่นใจอีกรอบ ก็เดินไปซื้อตั๋วรถเมล์ราคา 1.5 ยูโร ที่ใช้ได้ 100นาทีหลังจากvalidateแล้ว
จากสถานีรถไฟนั่งรถเมล์มาประมาณ 10 นาที ก็ถึงPiazza Manin โฮสท์มารับที่ป้ายรถเมล์ แล้วพาเดินลากกระเป๋าไปตามทางลาดชันของถนนหนทางที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองนี้ไปที่บ้านโฮสท์
คืนนี้โฮสท์มีธุระสำคัญต้องออกไปข้างนอก โฮสท์ทั้งสองพาผมเดินดูรอบๆบ้านพร้อมแนะนำรายละเอียดต่างๆ การใช้ห้องน้ำ การปิดล็อคประตู ให้แผนที่เมืองGenovaมา แนะนำว่าจะไปหาอะไรกินได้ที่ไหน ไปเดินเล่นที่ไหน ก่อนจะให้กุญแจบ้านกับผมหนึ่งพวงแล้วออกไปทำธุระ
สำรวจบ้านกันสักหน่อย บางส่วนของcollection ฝาเบียร์ของโฮสท์
มีcollection Rioด้วย
ตั้งตัวสักพัก ศึกษาเส้นทางแผนที่ที่โฮสท์ให้มาดีแล้ว ก็เดินลงมาหาพิซซากินตามที่โฮสท์แนะนำไว้..... ว่าแต่ ....มันร้านไหนกันล่ะเนี่ย ใช่ว่าจะมีร้านเดียวเสียเมื่อไหร่ ลองเดินเข้าไปดูก่อนล่ะกัน เริ่มจากร้านเล็กธรรมดาๆเนี่ยล่ะ
เอาล่ะสิ คนขายก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ว่าจะให้แนะนำหน้าเด็ดๆให้สักหน่อย ป้ายเมนูที่แปะอยู่ก็เป็นภาษาอิตาลี ชื่อชีส ชื่อผักอะไรบ้างจะรู้ไหมเนี่ย ยืนเงอะๆงะๆตัดสินใจไม่ถูกอยู่สักพัก คนที่นั่งกินอยู่ในร้านที่มีโต๊ะให้นั่งแค่2โต๊ะ(เพราะเป็นร้านแนวเดลิเวอรี่)ก็ลุกขึ้นมาช่วยแปลช่วยพูดช่วยแนะนำให้ ทีแรกก็ว่าจะสั่ง pizza margherita พิซซาหน้าเบสิคสีธงชาติอิตาลี (สีขาวจากmozzalera cheese สีแดงจากซอสมะเขือเทศ และ สีเขียวจากใบโหระพาอิตาเลี่ยน ) จากที่คุ้นหู เคยได้ยินจากเรื่อง eat pray love ตอนที่นางเอกไปกินพิซซา แถมราคาก็ดูจะถูกกว่าหน้าอื่นๆอีกด้วย
“มันน่าเบื่อมากรู้ไหม ใครนึกอะไรไม่ออกก็สั่งแต่pizza margherita” เด็กหนุ่มที่มาช่วยแนะนำผมให้แง่คิด
“อ้าว เอลิซาเบธ กิลเบิร์ต กับ จูเลีย โรเบิร์ตกินหน้านี้ ยังบรรยายซะอร่อยเหาะเลย” ผมได้แต่นึกในใจ
“แต่เขาก็ไม่ได้กินร้านนี้นี่เนาะ” ผมยังคิดต่อ
คุยกันไปคุยกันมาสักพักก็ถึงบางอ้อ 2คนนี้เป็น pizza boy ประจำร้านนั่นเอง งั้นคงต้องเชื่อเขาล่ะ
“ไม่ต้องกังวล ช่วงหน้าร้อนนี้เราขายทุกหน้าราคาเท่ากันหมด” ดูเหมือนว่าเขาจะอ่านใจผมออก
หลังจากใช้เวลาซักถามว่าแต่ละหน้าคืออะไรยังไงอยู่นาน ก็มาสะดุดกับหน้า Genovese Pesto มีชื่อเมืองอยู่ด้วยอย่างนี้ มันคงต้องมีอะไรพิเศษสักอย่างแน่นอน ที่แท้ต้นกำเนิดของpestoมาจากเมืองGenovaนี่เอง
“งั้นเอาหน้าGenovese pestoเนี่ยล่ะ มันมีStarcchinoของโปรดของฉันด้วย ฉันน่าจะชอบ” ในที่สุดผมก็ตัดสินใจได้สักที
พิซซาที่สั่งมาแล้ว Genovese Pesto Pizza
นั่งรอสักพักใหญ่ๆ พิซซาก็ออกมาเสริฟ หน้าตาสวยงาม เขียวน่ารับประทาน ก่อนกินขอชักภาพอัพเฟสกันสักนิด คิดๆดู เผลอๆพิซซาที่กำลังกินอยู่นี่ราคาถูกกว่าที่เมืองไทยอีกมั้งเนี่ย
ขอขอบพระคุณ 2 pizza boys ประจำร้านที่ให้ความช่วยเหลือ
มีหรือครับจะเหลือ หมายถึงพิซซานะครับ
อิ่มหนำสำราญแล้วก็เดินย่อยไปชมทัศนียภาพยามค่ำคืนของGenova จากจุดชมวิวที่ Spianata di Castelletto ตามลายแทงที่Priscaให้มา
อยู่ตามบ้านนอกมาหนึ่งเดือนเต็มๆ ได้เข้ามาเมืองใหญ่ๆทีมันก็น่าตื่นตาตื่นใจดีเหมือนกันแฮะ
Genova
วิวจากSpianata di Castelletto ก็จะประมาณนี้ อันนี้ภาพจากกูเกิล ตอนผมไปมืดแล้ว มองไม่ค่อยเห็นอะไรเท่าไหร่นอกจากแสงไฟ
[CR] Europe Journey Diary >>> 90วัน ลั้นลา2เดือน/อาสาสมัคร1เดือน 4ประเทศในยุโรป ด้วยเงิน 4หมื่นบาทเศษ ตอนจบ : 16วันสุดท้าย
ตอนที่ 2 : http://pantip.com/topic/32029689
ตอนที่ 3 : http://pantip.com/topic/32057793
DAY 74(ต่อ)
5ชั่วโมงบนรถไฟจากSienaมาสถานี Principe StazioneในGenova(Genoa) หลังจากโทรแจ้งโอสท์ว่ามาถึงแล้วและถามเบอร์รถเมล์ให้มั่นใจอีกรอบ ก็เดินไปซื้อตั๋วรถเมล์ราคา 1.5 ยูโร ที่ใช้ได้ 100นาทีหลังจากvalidateแล้ว
จากสถานีรถไฟนั่งรถเมล์มาประมาณ 10 นาที ก็ถึงPiazza Manin โฮสท์มารับที่ป้ายรถเมล์ แล้วพาเดินลากกระเป๋าไปตามทางลาดชันของถนนหนทางที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองนี้ไปที่บ้านโฮสท์
คืนนี้โฮสท์มีธุระสำคัญต้องออกไปข้างนอก โฮสท์ทั้งสองพาผมเดินดูรอบๆบ้านพร้อมแนะนำรายละเอียดต่างๆ การใช้ห้องน้ำ การปิดล็อคประตู ให้แผนที่เมืองGenovaมา แนะนำว่าจะไปหาอะไรกินได้ที่ไหน ไปเดินเล่นที่ไหน ก่อนจะให้กุญแจบ้านกับผมหนึ่งพวงแล้วออกไปทำธุระ
ตั้งตัวสักพัก ศึกษาเส้นทางแผนที่ที่โฮสท์ให้มาดีแล้ว ก็เดินลงมาหาพิซซากินตามที่โฮสท์แนะนำไว้..... ว่าแต่ ....มันร้านไหนกันล่ะเนี่ย ใช่ว่าจะมีร้านเดียวเสียเมื่อไหร่ ลองเดินเข้าไปดูก่อนล่ะกัน เริ่มจากร้านเล็กธรรมดาๆเนี่ยล่ะ
เอาล่ะสิ คนขายก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ว่าจะให้แนะนำหน้าเด็ดๆให้สักหน่อย ป้ายเมนูที่แปะอยู่ก็เป็นภาษาอิตาลี ชื่อชีส ชื่อผักอะไรบ้างจะรู้ไหมเนี่ย ยืนเงอะๆงะๆตัดสินใจไม่ถูกอยู่สักพัก คนที่นั่งกินอยู่ในร้านที่มีโต๊ะให้นั่งแค่2โต๊ะ(เพราะเป็นร้านแนวเดลิเวอรี่)ก็ลุกขึ้นมาช่วยแปลช่วยพูดช่วยแนะนำให้ ทีแรกก็ว่าจะสั่ง pizza margherita พิซซาหน้าเบสิคสีธงชาติอิตาลี (สีขาวจากmozzalera cheese สีแดงจากซอสมะเขือเทศ และ สีเขียวจากใบโหระพาอิตาเลี่ยน ) จากที่คุ้นหู เคยได้ยินจากเรื่อง eat pray love ตอนที่นางเอกไปกินพิซซา แถมราคาก็ดูจะถูกกว่าหน้าอื่นๆอีกด้วย
“มันน่าเบื่อมากรู้ไหม ใครนึกอะไรไม่ออกก็สั่งแต่pizza margherita” เด็กหนุ่มที่มาช่วยแนะนำผมให้แง่คิด
“อ้าว เอลิซาเบธ กิลเบิร์ต กับ จูเลีย โรเบิร์ตกินหน้านี้ ยังบรรยายซะอร่อยเหาะเลย” ผมได้แต่นึกในใจ
“แต่เขาก็ไม่ได้กินร้านนี้นี่เนาะ” ผมยังคิดต่อ
คุยกันไปคุยกันมาสักพักก็ถึงบางอ้อ 2คนนี้เป็น pizza boy ประจำร้านนั่นเอง งั้นคงต้องเชื่อเขาล่ะ
“ไม่ต้องกังวล ช่วงหน้าร้อนนี้เราขายทุกหน้าราคาเท่ากันหมด” ดูเหมือนว่าเขาจะอ่านใจผมออก
หลังจากใช้เวลาซักถามว่าแต่ละหน้าคืออะไรยังไงอยู่นาน ก็มาสะดุดกับหน้า Genovese Pesto มีชื่อเมืองอยู่ด้วยอย่างนี้ มันคงต้องมีอะไรพิเศษสักอย่างแน่นอน ที่แท้ต้นกำเนิดของpestoมาจากเมืองGenovaนี่เอง
“งั้นเอาหน้าGenovese pestoเนี่ยล่ะ มันมีStarcchinoของโปรดของฉันด้วย ฉันน่าจะชอบ” ในที่สุดผมก็ตัดสินใจได้สักที
นั่งรอสักพักใหญ่ๆ พิซซาก็ออกมาเสริฟ หน้าตาสวยงาม เขียวน่ารับประทาน ก่อนกินขอชักภาพอัพเฟสกันสักนิด คิดๆดู เผลอๆพิซซาที่กำลังกินอยู่นี่ราคาถูกกว่าที่เมืองไทยอีกมั้งเนี่ย
อิ่มหนำสำราญแล้วก็เดินย่อยไปชมทัศนียภาพยามค่ำคืนของGenova จากจุดชมวิวที่ Spianata di Castelletto ตามลายแทงที่Priscaให้มา
อยู่ตามบ้านนอกมาหนึ่งเดือนเต็มๆ ได้เข้ามาเมืองใหญ่ๆทีมันก็น่าตื่นตาตื่นใจดีเหมือนกันแฮะ