ความเดิมตอนที่แล้ว :
http://pantip.com/topic/31985902
DAY 26 (ต่อ)
เข้าเขตอิตาลีแล้วครับ สถานีรถไฟBrenneroก็ไม่ถึงกับเล็กมาก แต่ไม่ยักกะมีพนักงานขายตั๋วในช่องขายตั๋ว พยายามจะกดซื้อตั๋วจากเครื่องขายตั๋วไปBolzanoทำไมมันกดไม่ได้ล่ะเนี่ย ผมคงไม่เสี่ยงขึ้นรถไฟแบบไม่มีตั๋วเป็นแน่ ไปขอให้คุณตำรวจช่วยหน่อยดีกว่า แม้คุณตำรวจจะพูดภาอังกฤษไม่ค่อยได้ แต่ก็พยายามช่วยผมเต็มที่ พามากดซื้อตั๋วจากตู้เก่าๆเล็กๆข้างๆตู้ขายตั๋วหลัก ว่าแต่ทำไมราคามันแพงกว่าที่ผมหาข้อมูลมาล่ะเนี่ย รถไฟมาพอดี ไม่มีเวลาสงสัยแล้ว จะถามก็คงเรื่องยาว คงต้องซื้อไปก่อน
เป็นครั้งแรกที่ต้องvalidateตั๋วเอง เสียบไปเสียบมา กลับซ้ายกลับขวาก็แล้ว ทำไมมันไม่เกิดอะไรขึ้นเลย สงสัยว่าเครื่องจะเสีย ครั้นจะวิ่งกลับไปลองเครื่องอื่นก็กลัวรถไฟจะออก ป้าคนข้างหน้าเขาก็validateไม่ได้เหมือนกัน ลองเสี่ยงขึ้นไปทั้งอย่างนี้แล้วกัน นั่งไปได้ไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่มาตรวจตั๋ว ผมไม่เคยได้รับรางวัลออสการ์หรือตุ๊กตาทองใดๆมาการันตีความสามารถ แต่ตอนนี้ต้องทำเป็นว่ามาแคสติ้งเล่นบทนักท่องเที่ยวไม่รู้อิโหน่อิเหน่ซะหน่อยล่ะ
“ขอตรวจตั๋วหน่อยคะ” เจ้าหน้าที่ว่า
ผมยื่นตั๋วให้ทันใด พร้อมทั้งตีหน้าซื่อแบ๊วที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ทำไมไม่validateตั๋วล่ะคะ” เจ้าหน้าที่ถาม
“อ๋อ เครื่องมันคงจะเสียน่ะครับ ผมพยายามอยู่นาน มันก็ยังไม่ได้ซักที”
“จะไปไหนคะ” เจ้าหน้าที่ซักต่อ
“Bolzano” ผมตอบอย่างฉะฉาน
“คราวต่อไปอย่าลืมvalidateตั๋วด้วยนะคะ” เจ้าหน้าที่กำชับ พร้อมกับเขียนวันที่และเวลาที่มาตรวจตั๋วลงบนตั๋วรถไฟของผม
“ขอบคุณครับ” ผมรับตั๋วกลับมาแล้วส่งยิ้มสยามให้ พร้อมกับทำท่าทีให้น่าเชื่อถือมากที่สุดว่าไม่ได้ตั้งใจจะเก็บตั๋วไว้ใช้วันหลังจริงจริ๊ง โล่งไปที
ก่อนจะมาที่นี่ โฮสท์ที่Bolzanoยังติดธุระอยู่ที่ออสเตรีย เลยบอกว่าถ้ามาถึงBolzanoแล้วให้โทรหาลูกสาวของเขาแทน หลังจากที่ได้โทรไปประมาณ 15 นาที Maria ลูกสาววัย 18 ปีของโฮสท์ก็เดินมาถึงจุดจอดรถแท็กซี่(taxi stand) หน้าสถานีรถไฟBolzanoตามที่นัดกันไว้ (จุดจอดรถแท็กซี่ถือว่าเป็นจุดนัดพบที่ดีจุดหนึ่งสำหรับเวลานัดเจอโฮสท์หรือใครก็ตาม โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายหนึ่งขับรถมา)
Maria พาเดินกลับมาที่บ้านที่อยู่ในตัวเมืองไม่ไกลจากสถานีรถไฟมากนัก เป็นห้องพักอพาร์ทเมนท์ชั้นบนสุดของตึก จากหน้าต่างในห้องรับแขกสามารถมองเห็นวิวเทือกเขาDolomitesอยู่ลิบๆได้อย่างชัดเจน
เก็บของเสร็จปุ๊ป Mariaว่าวันนี้จะพาไปhiking เพราะว่าพรุ่งนี้ต้องไปทำงานคงไม่มีเวลาไปไหนมาไหนด้วยแล้ว ครับhikingอีกแล้วครับท่าน ตอนนี้อาการปวดขาจากที่ไปhikingสุดหฤโหดเมื่อวานยังไม่หาย ไม่รู้ว่าจริงไม่จริง แต่เคยได้ยินมาว่าถ้าปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเนื่องจากการออกกำลังครั้งแรกๆเนี่ย ต้องซ้ำถึงจะหาย วันนี้จะได้พิสูจน์คำพูดนี้แล้วล่ะว่าจะจริงไหม ปวดอย่างไรก็ต้องไป เพราะที่มาที่นี่ก็อยากจะมาเห็นไอ้เจ้าDolomitesนี่นา
แถมMariaบอกว่าเส้นทางที่จะพาไปเป็นเส้นทางที่ไม่ยากมากและเป็นหนึ่งในเส้นทางที่ชอบที่สุดอีกด้วย พูดขนาดนี้แล้ว ไม่ไปไม่ได้ล่ะครับ ว่าแล้วก็เดินกลับมาขึ้นรถเมล์แถวๆสถานีรถไฟ
เห็นซะที ไอ้เจ้า Dolomites
"เวลาที่มาเดินที่เทรลนี้ ได้มาใกล้ชิดธรรมชาติ จับต้นไม้ ใบไม้ ฟังเสียงนกร้อง มันทำให้สบายใจเป็นที่สุด" Mariaบอกความใน
"เฮ้ย แนวเดียวกันเลยอ่ะ" ผมว่า
She has a very beautiful soul กระผมสัมผัสได้
trailในโซน Alpe di Siusi เส้นนี้มีทะเลสาบด้วย(Lake of fiè หรือ Laghetto di Fiè) ซึ่งในฤดูร้อนถือว่าเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับคนท้องถิ่นที่นี่ ว่ายน้ำที่Walchseeมา2วันแล้ว วันนี้ขอแค่นั่งดู นั่งดื่มน้ำแอปเปิ้ลสดๆ กับ กินapple strudel ของขึ้นชื่อแถวนี้ชิวๆพอล่ะครับ
Laghetto di Fie
วิวระหว่างทางก็สวยใช่น้อย
"ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีนะ ฉันชอบมานั่งวาดรูปช่วงพระอาทิตย์ตกดินที่นี่ล่ะ มันสวยมากเลย ถ้ายูมาอีกรอบเดี๋ยวฉันจะพามา" เจ้าบ้านว่างั้น
"เอิ่ม ขอหลับตามโนดับกิเลสแป๊ปนึง"อันนี้ผมคิดในใจ แล้วก็ตอบออกไปว่า "ok ตามนั้น"
กลับเข้าเมือง Maria พาไปชิวต่อที่ Petrarch park สวนขนาดใหญ่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมือง แหล่งพักผ่อนหย่อนใจของชาวBozen
“สองคนนั้นเล่นเพลงเพราะจัง” ผมบอกกับMariaขณะเดินเล่นในสวนผ่านคนมานั่งเล่นกีตาร์
เขาเห็นพวกเรามองอยู่อย่างสนใจ เลยทักทาย say hi ส่งยิ้มมา
“Ciao” ผมทักทายกลับเป็นภาษาอิตาลี พร้อมส่งยิ้มสยามให้(อีกแล้ว)
“อยากไปนั่งฟังไหมล่ะ” Mariaถามผม
“เอาสิ สัก 2-3เพลง น่าจะดี” ผมตอบพร้อมพยักหน้าทันที
จาก 2-3 เพลง เป็น 5 เพลง เป็น 10 เพลง เป็น 20 เพลง จนเพื่อนของนักดนตรีมาแล้ว กลับไปแล้ว แต่พวกเรายังอยู่ต่อ สองคนเขาก็ไนส์มาก คุยกันสัพเพเหระ Maria ใช้ทักษะการร้องเพลงจากที่เคยเรียนในคลาสการแสดงร่วมร้องแจมด้วย สรุปอยู่กันจนดึกดื่นเกือบเที่ยงคืน จนไปดินเนอร์ด้วยกันซะอย่างงั้น
มิตรภาพดีดี กับ เพลงเพราะๆ
มิตรภาพนี่มีอยู่ทุกหนทุกแห่งจริงๆ และที่เขาว่าคนประเภทเดียวกันจะมีแรงดึงดูดถึงกันและกันท่าจะจริงอยู่ใช่น้อย
[CR] Europe Journey Diary >>> 90วัน ลั้นลา2เดือน/อาสาสมัคร1เดือน 4ประเทศในยุโรป ด้วยเงิน 4หมื่นบาทเศษ ตอนที่ 2 : เข้าอิตาลี
DAY 26 (ต่อ)
เข้าเขตอิตาลีแล้วครับ สถานีรถไฟBrenneroก็ไม่ถึงกับเล็กมาก แต่ไม่ยักกะมีพนักงานขายตั๋วในช่องขายตั๋ว พยายามจะกดซื้อตั๋วจากเครื่องขายตั๋วไปBolzanoทำไมมันกดไม่ได้ล่ะเนี่ย ผมคงไม่เสี่ยงขึ้นรถไฟแบบไม่มีตั๋วเป็นแน่ ไปขอให้คุณตำรวจช่วยหน่อยดีกว่า แม้คุณตำรวจจะพูดภาอังกฤษไม่ค่อยได้ แต่ก็พยายามช่วยผมเต็มที่ พามากดซื้อตั๋วจากตู้เก่าๆเล็กๆข้างๆตู้ขายตั๋วหลัก ว่าแต่ทำไมราคามันแพงกว่าที่ผมหาข้อมูลมาล่ะเนี่ย รถไฟมาพอดี ไม่มีเวลาสงสัยแล้ว จะถามก็คงเรื่องยาว คงต้องซื้อไปก่อน
เป็นครั้งแรกที่ต้องvalidateตั๋วเอง เสียบไปเสียบมา กลับซ้ายกลับขวาก็แล้ว ทำไมมันไม่เกิดอะไรขึ้นเลย สงสัยว่าเครื่องจะเสีย ครั้นจะวิ่งกลับไปลองเครื่องอื่นก็กลัวรถไฟจะออก ป้าคนข้างหน้าเขาก็validateไม่ได้เหมือนกัน ลองเสี่ยงขึ้นไปทั้งอย่างนี้แล้วกัน นั่งไปได้ไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่มาตรวจตั๋ว ผมไม่เคยได้รับรางวัลออสการ์หรือตุ๊กตาทองใดๆมาการันตีความสามารถ แต่ตอนนี้ต้องทำเป็นว่ามาแคสติ้งเล่นบทนักท่องเที่ยวไม่รู้อิโหน่อิเหน่ซะหน่อยล่ะ
“ขอตรวจตั๋วหน่อยคะ” เจ้าหน้าที่ว่า
ผมยื่นตั๋วให้ทันใด พร้อมทั้งตีหน้าซื่อแบ๊วที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ทำไมไม่validateตั๋วล่ะคะ” เจ้าหน้าที่ถาม
“อ๋อ เครื่องมันคงจะเสียน่ะครับ ผมพยายามอยู่นาน มันก็ยังไม่ได้ซักที”
“จะไปไหนคะ” เจ้าหน้าที่ซักต่อ
“Bolzano” ผมตอบอย่างฉะฉาน
“คราวต่อไปอย่าลืมvalidateตั๋วด้วยนะคะ” เจ้าหน้าที่กำชับ พร้อมกับเขียนวันที่และเวลาที่มาตรวจตั๋วลงบนตั๋วรถไฟของผม
“ขอบคุณครับ” ผมรับตั๋วกลับมาแล้วส่งยิ้มสยามให้ พร้อมกับทำท่าทีให้น่าเชื่อถือมากที่สุดว่าไม่ได้ตั้งใจจะเก็บตั๋วไว้ใช้วันหลังจริงจริ๊ง โล่งไปที
ก่อนจะมาที่นี่ โฮสท์ที่Bolzanoยังติดธุระอยู่ที่ออสเตรีย เลยบอกว่าถ้ามาถึงBolzanoแล้วให้โทรหาลูกสาวของเขาแทน หลังจากที่ได้โทรไปประมาณ 15 นาที Maria ลูกสาววัย 18 ปีของโฮสท์ก็เดินมาถึงจุดจอดรถแท็กซี่(taxi stand) หน้าสถานีรถไฟBolzanoตามที่นัดกันไว้ (จุดจอดรถแท็กซี่ถือว่าเป็นจุดนัดพบที่ดีจุดหนึ่งสำหรับเวลานัดเจอโฮสท์หรือใครก็ตาม โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายหนึ่งขับรถมา)
Maria พาเดินกลับมาที่บ้านที่อยู่ในตัวเมืองไม่ไกลจากสถานีรถไฟมากนัก เป็นห้องพักอพาร์ทเมนท์ชั้นบนสุดของตึก จากหน้าต่างในห้องรับแขกสามารถมองเห็นวิวเทือกเขาDolomitesอยู่ลิบๆได้อย่างชัดเจน
เก็บของเสร็จปุ๊ป Mariaว่าวันนี้จะพาไปhiking เพราะว่าพรุ่งนี้ต้องไปทำงานคงไม่มีเวลาไปไหนมาไหนด้วยแล้ว ครับhikingอีกแล้วครับท่าน ตอนนี้อาการปวดขาจากที่ไปhikingสุดหฤโหดเมื่อวานยังไม่หาย ไม่รู้ว่าจริงไม่จริง แต่เคยได้ยินมาว่าถ้าปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเนื่องจากการออกกำลังครั้งแรกๆเนี่ย ต้องซ้ำถึงจะหาย วันนี้จะได้พิสูจน์คำพูดนี้แล้วล่ะว่าจะจริงไหม ปวดอย่างไรก็ต้องไป เพราะที่มาที่นี่ก็อยากจะมาเห็นไอ้เจ้าDolomitesนี่นา
แถมMariaบอกว่าเส้นทางที่จะพาไปเป็นเส้นทางที่ไม่ยากมากและเป็นหนึ่งในเส้นทางที่ชอบที่สุดอีกด้วย พูดขนาดนี้แล้ว ไม่ไปไม่ได้ล่ะครับ ว่าแล้วก็เดินกลับมาขึ้นรถเมล์แถวๆสถานีรถไฟ
"เวลาที่มาเดินที่เทรลนี้ ได้มาใกล้ชิดธรรมชาติ จับต้นไม้ ใบไม้ ฟังเสียงนกร้อง มันทำให้สบายใจเป็นที่สุด" Mariaบอกความใน
"เฮ้ย แนวเดียวกันเลยอ่ะ" ผมว่า
trailในโซน Alpe di Siusi เส้นนี้มีทะเลสาบด้วย(Lake of fiè หรือ Laghetto di Fiè) ซึ่งในฤดูร้อนถือว่าเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับคนท้องถิ่นที่นี่ ว่ายน้ำที่Walchseeมา2วันแล้ว วันนี้ขอแค่นั่งดู นั่งดื่มน้ำแอปเปิ้ลสดๆ กับ กินapple strudel ของขึ้นชื่อแถวนี้ชิวๆพอล่ะครับ
"ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีนะ ฉันชอบมานั่งวาดรูปช่วงพระอาทิตย์ตกดินที่นี่ล่ะ มันสวยมากเลย ถ้ายูมาอีกรอบเดี๋ยวฉันจะพามา" เจ้าบ้านว่างั้น
"เอิ่ม ขอหลับตามโนดับกิเลสแป๊ปนึง"อันนี้ผมคิดในใจ แล้วก็ตอบออกไปว่า "ok ตามนั้น"
กลับเข้าเมือง Maria พาไปชิวต่อที่ Petrarch park สวนขนาดใหญ่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมือง แหล่งพักผ่อนหย่อนใจของชาวBozen
“สองคนนั้นเล่นเพลงเพราะจัง” ผมบอกกับMariaขณะเดินเล่นในสวนผ่านคนมานั่งเล่นกีตาร์
เขาเห็นพวกเรามองอยู่อย่างสนใจ เลยทักทาย say hi ส่งยิ้มมา
“Ciao” ผมทักทายกลับเป็นภาษาอิตาลี พร้อมส่งยิ้มสยามให้(อีกแล้ว)
“อยากไปนั่งฟังไหมล่ะ” Mariaถามผม
“เอาสิ สัก 2-3เพลง น่าจะดี” ผมตอบพร้อมพยักหน้าทันที
จาก 2-3 เพลง เป็น 5 เพลง เป็น 10 เพลง เป็น 20 เพลง จนเพื่อนของนักดนตรีมาแล้ว กลับไปแล้ว แต่พวกเรายังอยู่ต่อ สองคนเขาก็ไนส์มาก คุยกันสัพเพเหระ Maria ใช้ทักษะการร้องเพลงจากที่เคยเรียนในคลาสการแสดงร่วมร้องแจมด้วย สรุปอยู่กันจนดึกดื่นเกือบเที่ยงคืน จนไปดินเนอร์ด้วยกันซะอย่างงั้น