สวัสดีครับทุกคน
วันนี้เป็นวันที่ 40 นับจากที่ผมผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบมา ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมนั่งมองนักปั่นมากมายที่ปั่นผ่านหน้าบ้านภรรยาผมที่สิงห์บุรีไปวันแล้ววันเล่า อยากจะออกไปปั่นเหลือเกิน
วันนี้ผมกลับบ้านที่สุพรรณบุรี ผมมีนัดกับไอ้เพื่อนนักปั่นตอนเย็น แต่ภรรยาผม ไม่อนุญาตให้ผมออกปั่นได้ เนื่องจากกลัวว่าแผลจะปริขึ้นมา เธอไม่ให้ผมเอารถของผมไป ชุดปั่นก็ไม่ให้เอาไป
แต่ผมแอบเอาหมวกปั่นโยนใส่ท้ายรถ แล้วรีบปิดท้าย เอาแร็คติดตั้ง เพราะบ้านที่สุพรรณฯ นั้น ผมมี Trek 4300 อยู่อีกคันนึงนั่นเอง
แฟนเพื่อนนักปั่นของผมนั้น เป็นนักกายภาพบำบัด เขาบอกภรรยาผมแล้วว่า ผมจะต้องออกกำลังกายบ้าง ควรปั่นเบา ๆ ได้แล้ว เมียผมถึงอนุญาต
แต่ผมดันไม่มีอะไรมาเลยสักอย่างนอกจากหมวกใบเดียวเท่านั้น ลุยกันแบบนี้แหละ
ไอ้เพื่อนนักปั่นของผม เป็นหมอนรองกระดูกซะแล้ว อิอิ ต้องเข้าคอร์สกายภาพบำบัด แต่ดีที่มีแฟนทำให้ฟรี
แฟนเจ้าเพื่อนนักปั่นของผมนั้น นอกจากเป็นนักกายภาพบำบัดแล้ว ยังมีดีกรีเป็นแชมป์ปั่นแห่งเมืองสุพรรณฯ อีกด้วย (แต่ไม่รู้งานไหน รู้แต่ว่าปีที่แล้ว) จุดมุ่งหมายในวันนี้คือ ฝึกเมียผมให้กลายเป็น "เครื่องจักร" เพื่อร่วมขบวนทัวร์เสือหมอบของเพื่อนฝูง เป้าหมายวันนี้อยู่ที่ 35 กิโลเมตร ความเร็วเฉลี่ยประมาณ 25-30 กม./ชม.
ออกปั่นเวลา 17.30 น. เส้นทางปั่นคือ ปั่นจาก เลียบศูนย์ราชการ - เลี้ยวเข้าตลาดโพธิ์พระยา - เลี้ยวขวาไป อ.ศรีประจันต์ - เลี้ยวเข้าทางเลี่ยงเมือง ก่อนเลี้ยวเข้าตัวเมือง ผ่านสนามกีฬาจังหวัด โดยคำนึงถึงผู้ป่วยอย่างผมเป็นสำคัญ
ผมยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าผมจะไปรอดหรือไม่ เพราะกลัวแผลปริ แฟนเพื่อนนักปั่นเป็นหัวลาก เมียผมปั่นตามไปติด ๆ ระยะห่างของล้อของเขาสองคนอยู่ที่ 1-2 ฟุต ส่วนไอ้เพื่อนนักปั่น ปั่นดูแลผม และผมเพิ่งรู้ว่า มันเป็นโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนระยะเริ่มต้น ตอนปั่นยังโอดโอย เอาเป็นว่าให้ทีม ผบ.ทบ. ปั่นนำ
เส้นทางที่ปั่น เป็นเส้นทางที่ดีมากครับ ถนนก็ดี ไหล่ทางก็กว้าง รถก็ไม่เยอะมาก สามารถทำความเร็วได้สูงแบบสบาย ๆ เลยครับ วิวก็สวยงาม แถมอากาศดีมาก ๆ ครับ อยากให้เพื่อนที่ปั่นใน กทม. ลองหาโอกาสมาปั่นต่างจังหวัดดู
15 กม. แรก ก็ตามกันไปดี ๆ แต่พอทางโล่ง ๆ อยู่ ๆ สองคนเหล็กก็ยิงฉีกหนีไปต่อหน้าต่อตา คำนวณระยะทางด้วยสายตาว่า เริ่มทิ้งห่างไปเกือบ 1 กม. และทิ้งห่างออกไปอีก
วันนี้ผมปั่นเสือภูเขา ยางก็ยางลุย ไอ้เหนื่อยน่ะไม่เหนื่อยครับ แต่ผมเจ็บก้นมาก เนื่องจากวันนี้ผมไม่มีกางเกงปั่น ไม่มีถุงมือ รองเท้ายังเป็นรองเท้าแตะเลย มีแต่หมวกใบเดียว ผมทำความเร็วอยู่ได้ที่ 22 กม./ชม. บางช่วงก็ไปถึง 25
อีก 7 กม. จะถึงจุดหมายคือที่ร้านข้าวต้ม หน้าสนามกีฬาจังหวัด เสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น เมียผมโทรมาบอกว่า ถึงแล้วนะ นั่งรออยู่
สรุปว่า ทีม ผบ.ทบ. ทิ้งทีมคนป่วยอย่างผมสองคนไปถึง 7 กม. ไม่รู้ว่าเธอใช้ความเร็วเท่าไหร่กัน เพราะรถเมียผมไม่มีไมล์ อิอิ
คงจะได้ตำแหน่งหัวลากเป็นแน่แท้แล้วงานนี้
ผบ.ของผม เสื้อสีแดง กำลังเข้าโปรแกรมฝึกให้เป็นเครื่องจักรอยู่ครับ อิอิ
หลังจากกินข้าวต้มเสร็จ ผมยึด impusso ของเจ้าเพื่อนักปั่นมาปั่นมั่ง (ใช้รถไซส์เดียวกัน) เพิ่งรู้ว่ารถมันเป็นแคมแป็ก ล้อ mavis (เขียนแบบนี้หรือเปล่า) งงกับชิฟเตอร์อยู่พักนึง แต่ก็ปั่นยาว 7 กม.ถึงบ้าน ให้มันปั่นเสือภูเขาผมมั่ง อิอิ
สรุปสิ่งที่ได้จากการปั่นวันนี้
1. ปั่นเสือภูเขาตามเสือหมอบ เป็นอะไรที่เหนื่อยมากกกกกกก
2. ปั่นทางไกลๆ ด้วยรองเท้าแตะ มันลื่น ๆ ยังไงไม่รู้
3. ไม่เจ็บแผลผ่าตัดแล้ว แต่มีอาการเสียวแปล๊บ ๆ นิดหน่อย แต่ไม่เจ็บ
4. ไม่ได้ออกกำลังกายมานาน รู้สึกว่าพอออกแล้ว มันสดชื่นขึ้นมากเลยครับ
จบการรายงานเพียงเท่านี้นะครับ สวัสดีครับทุกคน
ลองปั่นหลังพักฟื้นครับ
วันนี้เป็นวันที่ 40 นับจากที่ผมผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบมา ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมนั่งมองนักปั่นมากมายที่ปั่นผ่านหน้าบ้านภรรยาผมที่สิงห์บุรีไปวันแล้ววันเล่า อยากจะออกไปปั่นเหลือเกิน
วันนี้ผมกลับบ้านที่สุพรรณบุรี ผมมีนัดกับไอ้เพื่อนนักปั่นตอนเย็น แต่ภรรยาผม ไม่อนุญาตให้ผมออกปั่นได้ เนื่องจากกลัวว่าแผลจะปริขึ้นมา เธอไม่ให้ผมเอารถของผมไป ชุดปั่นก็ไม่ให้เอาไป
แต่ผมแอบเอาหมวกปั่นโยนใส่ท้ายรถ แล้วรีบปิดท้าย เอาแร็คติดตั้ง เพราะบ้านที่สุพรรณฯ นั้น ผมมี Trek 4300 อยู่อีกคันนึงนั่นเอง
แฟนเพื่อนนักปั่นของผมนั้น เป็นนักกายภาพบำบัด เขาบอกภรรยาผมแล้วว่า ผมจะต้องออกกำลังกายบ้าง ควรปั่นเบา ๆ ได้แล้ว เมียผมถึงอนุญาต
แต่ผมดันไม่มีอะไรมาเลยสักอย่างนอกจากหมวกใบเดียวเท่านั้น ลุยกันแบบนี้แหละ
ไอ้เพื่อนนักปั่นของผม เป็นหมอนรองกระดูกซะแล้ว อิอิ ต้องเข้าคอร์สกายภาพบำบัด แต่ดีที่มีแฟนทำให้ฟรี
แฟนเจ้าเพื่อนนักปั่นของผมนั้น นอกจากเป็นนักกายภาพบำบัดแล้ว ยังมีดีกรีเป็นแชมป์ปั่นแห่งเมืองสุพรรณฯ อีกด้วย (แต่ไม่รู้งานไหน รู้แต่ว่าปีที่แล้ว) จุดมุ่งหมายในวันนี้คือ ฝึกเมียผมให้กลายเป็น "เครื่องจักร" เพื่อร่วมขบวนทัวร์เสือหมอบของเพื่อนฝูง เป้าหมายวันนี้อยู่ที่ 35 กิโลเมตร ความเร็วเฉลี่ยประมาณ 25-30 กม./ชม.
ออกปั่นเวลา 17.30 น. เส้นทางปั่นคือ ปั่นจาก เลียบศูนย์ราชการ - เลี้ยวเข้าตลาดโพธิ์พระยา - เลี้ยวขวาไป อ.ศรีประจันต์ - เลี้ยวเข้าทางเลี่ยงเมือง ก่อนเลี้ยวเข้าตัวเมือง ผ่านสนามกีฬาจังหวัด โดยคำนึงถึงผู้ป่วยอย่างผมเป็นสำคัญ
ผมยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าผมจะไปรอดหรือไม่ เพราะกลัวแผลปริ แฟนเพื่อนนักปั่นเป็นหัวลาก เมียผมปั่นตามไปติด ๆ ระยะห่างของล้อของเขาสองคนอยู่ที่ 1-2 ฟุต ส่วนไอ้เพื่อนนักปั่น ปั่นดูแลผม และผมเพิ่งรู้ว่า มันเป็นโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนระยะเริ่มต้น ตอนปั่นยังโอดโอย เอาเป็นว่าให้ทีม ผบ.ทบ. ปั่นนำ
เส้นทางที่ปั่น เป็นเส้นทางที่ดีมากครับ ถนนก็ดี ไหล่ทางก็กว้าง รถก็ไม่เยอะมาก สามารถทำความเร็วได้สูงแบบสบาย ๆ เลยครับ วิวก็สวยงาม แถมอากาศดีมาก ๆ ครับ อยากให้เพื่อนที่ปั่นใน กทม. ลองหาโอกาสมาปั่นต่างจังหวัดดู
15 กม. แรก ก็ตามกันไปดี ๆ แต่พอทางโล่ง ๆ อยู่ ๆ สองคนเหล็กก็ยิงฉีกหนีไปต่อหน้าต่อตา คำนวณระยะทางด้วยสายตาว่า เริ่มทิ้งห่างไปเกือบ 1 กม. และทิ้งห่างออกไปอีก
วันนี้ผมปั่นเสือภูเขา ยางก็ยางลุย ไอ้เหนื่อยน่ะไม่เหนื่อยครับ แต่ผมเจ็บก้นมาก เนื่องจากวันนี้ผมไม่มีกางเกงปั่น ไม่มีถุงมือ รองเท้ายังเป็นรองเท้าแตะเลย มีแต่หมวกใบเดียว ผมทำความเร็วอยู่ได้ที่ 22 กม./ชม. บางช่วงก็ไปถึง 25
อีก 7 กม. จะถึงจุดหมายคือที่ร้านข้าวต้ม หน้าสนามกีฬาจังหวัด เสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น เมียผมโทรมาบอกว่า ถึงแล้วนะ นั่งรออยู่
สรุปว่า ทีม ผบ.ทบ. ทิ้งทีมคนป่วยอย่างผมสองคนไปถึง 7 กม. ไม่รู้ว่าเธอใช้ความเร็วเท่าไหร่กัน เพราะรถเมียผมไม่มีไมล์ อิอิ
คงจะได้ตำแหน่งหัวลากเป็นแน่แท้แล้วงานนี้
ผบ.ของผม เสื้อสีแดง กำลังเข้าโปรแกรมฝึกให้เป็นเครื่องจักรอยู่ครับ อิอิ
หลังจากกินข้าวต้มเสร็จ ผมยึด impusso ของเจ้าเพื่อนักปั่นมาปั่นมั่ง (ใช้รถไซส์เดียวกัน) เพิ่งรู้ว่ารถมันเป็นแคมแป็ก ล้อ mavis (เขียนแบบนี้หรือเปล่า) งงกับชิฟเตอร์อยู่พักนึง แต่ก็ปั่นยาว 7 กม.ถึงบ้าน ให้มันปั่นเสือภูเขาผมมั่ง อิอิ
สรุปสิ่งที่ได้จากการปั่นวันนี้
1. ปั่นเสือภูเขาตามเสือหมอบ เป็นอะไรที่เหนื่อยมากกกกกกก
2. ปั่นทางไกลๆ ด้วยรองเท้าแตะ มันลื่น ๆ ยังไงไม่รู้
3. ไม่เจ็บแผลผ่าตัดแล้ว แต่มีอาการเสียวแปล๊บ ๆ นิดหน่อย แต่ไม่เจ็บ
4. ไม่ได้ออกกำลังกายมานาน รู้สึกว่าพอออกแล้ว มันสดชื่นขึ้นมากเลยครับ
จบการรายงานเพียงเท่านี้นะครับ สวัสดีครับทุกคน