ประเทศมีทางออก มีทิศทางชัดเจนว่าจะเดินไปทางไหน ไม่ว่าทางถูกหรือทางผิด มีทางให้เดินต่อไป ไม่ใช่ลักษณะคลุมเคลือเหมือนที่ผ่านมา
ถ้ามองในมุมการเมืองก็คงต้องไปเถียงกันที่อื่นในโอกาสต่อไป แต่ถ้ามองในมุมเศรษฐกิจ ก็มองได้ว่าแม้อำนาจจะเปลี่ยนขั้ว แต่ผลประโยชน์ยังคงอยู่
และถ้าฝ่ายมีอำนาจ มีอำนาจเบ็ดเสร็จก็จะยิ่งทำให้นโยบายต่างๆ เดินหน้าเร็ว
โครงการใหญ่ๆ จากภาครัฐจะเกิดขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือจะผ่านฉลุย ไม่มีการต่อต้านหรือต่อต้านน้อยหรือไม่มีผล
อย่าคิดว่าการปฎิวัติแล้วทหารคุมอำนาจ ประเทศเราจะไม่ต้องพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ เพราะไม่ว่ากลุ่มอำนาจไหนต่างก็มีฐานทางธุรกิจของตัวเอง
กลุ่มอำนาจที่เกิดขึ้นใหม่ย่อมไม่มีวันจะทำให้กระเป๋าตังตัวเองแฟบแน่นอน ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าโครงการใหญ่ต่างๆ ก่อนหน้านี้ที่ทำไม่ได้ จะกลับมาทำได้หลังปฎิวัติ
และนี่จะเป็นคีย์หลักในการปั่นให้ตลาดหุ้นไทยทะยานแรงแน่นอน ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจใหญ่ๆ ที่สนับสนุนอำนาจกลุ่มนี้ก็มีจำนวนมาก คิดเหรอว่าเขาจะยอมให้ตลาดหุ้นซบเซา ให้ราคาหุ้นตัวเองตกต่ำลงๆ ทุกวัน
และสิ่งสำคัญที่สุดคือถ้าเศรษฐกิจดี หุ้นขึ้นทุกคนจะแฮปปี้และให้ความสนใจการเมืองน้อยลง ใครใช้อำนาจยังไงก็ใช้ไป
แต่ถ้าปฎิวัติแล้ว เศรษฐกิจก็แย่ หุ้นก็ตกเอาตกเอา รับรองคนที่ไม่เห็นด้วยจะเพิ่มขึ้นมาก ดังนั้นเรื่องปากท้องของประชาชนต้องมาก่อน ถ้าอยู่กินดี ขายของได้ เศรษฐกิจดี ทุกอย่างก็ผ่านฉลุย
พูดไปคล้ายๆ จีนหรือสิงค์โปร์ แม้การปกครองจะไม่เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ แต่เศรษฐกิจดี ประชาชนมีเงินมีทอง ก็ไม่มีใครมาสนใจการเมืองมาก
แต่พวกที่มีปัญหากันมากคือทำไปแล้วเศรษฐกิจยิ่งแย่ ประชาชนอดๆ อยากๆ ยากจน แบบนี้จะยิ่งออกมาประท้วงกัน
ปลายปีหน้าเปิด AEC แล้ว ผมเชื่อว่าเข้าล็อคพอดี ได้รัฐบาลใหม่ จากกลุ่มอำนาจใหม่ คราวนี้สารพัด Mega Project เชื่อผมเถอ มายาวเหยียดเป็นขบวนรถไฟแน่ๆ
และทุกอย่างจะเกิดเร็ว เสร็จเร็ว องค์การต่างๆ จะเงียบสนิท ยังไงก็ต้อง เงินลงทุนเยอะขนาดนั้น ดังนั้นนักลงทุนไม่ต้องกังวลเลย
แค่อำนาจเปลี่ยนขั้ว ผลประโยชน์ย้ายไปอยู่ฝ่ายที่มีอำนาจมากกว่าก็แค่นั้น เราเล่นหุ้นก็ทำตัวเป็นเหาฉลาม เกาะตามฉลามตัวใหม่ไปเรื่อยๆ
ปฏิวัติรับ AEC ผมมองว่านับจากนี้หุ้นจะพุ่งขึ้นเพราะเหตุผลดังนี้
ถ้ามองในมุมการเมืองก็คงต้องไปเถียงกันที่อื่นในโอกาสต่อไป แต่ถ้ามองในมุมเศรษฐกิจ ก็มองได้ว่าแม้อำนาจจะเปลี่ยนขั้ว แต่ผลประโยชน์ยังคงอยู่
และถ้าฝ่ายมีอำนาจ มีอำนาจเบ็ดเสร็จก็จะยิ่งทำให้นโยบายต่างๆ เดินหน้าเร็ว
โครงการใหญ่ๆ จากภาครัฐจะเกิดขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือจะผ่านฉลุย ไม่มีการต่อต้านหรือต่อต้านน้อยหรือไม่มีผล
อย่าคิดว่าการปฎิวัติแล้วทหารคุมอำนาจ ประเทศเราจะไม่ต้องพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ เพราะไม่ว่ากลุ่มอำนาจไหนต่างก็มีฐานทางธุรกิจของตัวเอง
กลุ่มอำนาจที่เกิดขึ้นใหม่ย่อมไม่มีวันจะทำให้กระเป๋าตังตัวเองแฟบแน่นอน ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าโครงการใหญ่ต่างๆ ก่อนหน้านี้ที่ทำไม่ได้ จะกลับมาทำได้หลังปฎิวัติ
และนี่จะเป็นคีย์หลักในการปั่นให้ตลาดหุ้นไทยทะยานแรงแน่นอน ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจใหญ่ๆ ที่สนับสนุนอำนาจกลุ่มนี้ก็มีจำนวนมาก คิดเหรอว่าเขาจะยอมให้ตลาดหุ้นซบเซา ให้ราคาหุ้นตัวเองตกต่ำลงๆ ทุกวัน
และสิ่งสำคัญที่สุดคือถ้าเศรษฐกิจดี หุ้นขึ้นทุกคนจะแฮปปี้และให้ความสนใจการเมืองน้อยลง ใครใช้อำนาจยังไงก็ใช้ไป
แต่ถ้าปฎิวัติแล้ว เศรษฐกิจก็แย่ หุ้นก็ตกเอาตกเอา รับรองคนที่ไม่เห็นด้วยจะเพิ่มขึ้นมาก ดังนั้นเรื่องปากท้องของประชาชนต้องมาก่อน ถ้าอยู่กินดี ขายของได้ เศรษฐกิจดี ทุกอย่างก็ผ่านฉลุย
พูดไปคล้ายๆ จีนหรือสิงค์โปร์ แม้การปกครองจะไม่เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ แต่เศรษฐกิจดี ประชาชนมีเงินมีทอง ก็ไม่มีใครมาสนใจการเมืองมาก
แต่พวกที่มีปัญหากันมากคือทำไปแล้วเศรษฐกิจยิ่งแย่ ประชาชนอดๆ อยากๆ ยากจน แบบนี้จะยิ่งออกมาประท้วงกัน
ปลายปีหน้าเปิด AEC แล้ว ผมเชื่อว่าเข้าล็อคพอดี ได้รัฐบาลใหม่ จากกลุ่มอำนาจใหม่ คราวนี้สารพัด Mega Project เชื่อผมเถอ มายาวเหยียดเป็นขบวนรถไฟแน่ๆ
และทุกอย่างจะเกิดเร็ว เสร็จเร็ว องค์การต่างๆ จะเงียบสนิท ยังไงก็ต้อง เงินลงทุนเยอะขนาดนั้น ดังนั้นนักลงทุนไม่ต้องกังวลเลย
แค่อำนาจเปลี่ยนขั้ว ผลประโยชน์ย้ายไปอยู่ฝ่ายที่มีอำนาจมากกว่าก็แค่นั้น เราเล่นหุ้นก็ทำตัวเป็นเหาฉลาม เกาะตามฉลามตัวใหม่ไปเรื่อยๆ