ก่อนอื่นนี่เป็นรูปแต่ง Celerio ที่ผมคิดล่าสุดคับ
ปากของเจ้าซาริโอ้มีร่องต่ออยู่แล้ว แปะสติ๊กเกอร์สีดำให้ลงมาสุด ทำให้หน้าดูใหญ่ขึ้น ดุดันขึ้น
เสาบีควรติดสีดำอยู่แล้ว ติดเข้าไป
ซุ้มล้อเล็กมาก เล็กกว่ารถล้อ 15 ปกติๆ ทำขอบซุ้มล้อเป็นสีดำ จะทำให้ใหญ่ดูพอดี
ไฟท้ายนี้ ยากมากที่จะแก้ไข ทรงเดิมๆ ดูแย่มากตาม คหสต. จัดการเปลี่ยนรูปทรงด้วยสติ๊กเกอร์สีดำ
แล้วรมโคมดำให้กลมกลืน ตอนแรกจะต่อเส้นให้เข้ามาด้านข้างตัวถัง แต่ไม่เวิร์คเพราะเส้นหลักข้าง
ตัวถังมันนูนออกมา ต่อเส้นแล้วมันจะดูไม่ตรงเวลามองเฉียงๆ (แต่มองตรงๆ จะตรง)
พอต่อเส้นไฟท้ายมาบนฝากระโปรง โดยการไล่ตามรอยนูนบนฝากระโปรงหลังพอดี
ทำให้ไม่ไปขัดกับเส้นตัวถัง แล้วก็ต่อเส้นมาจากด้านกรอบไฟเลี้ยว/ไฟถอย พอดี
ทำให้กลายเป็นไฟท้ายรูปทรง L ทันสมัยกว่าเดิม
หรือจะสั้นลงหน่อย ให้ดูเข้ากับรูปทรงของรถมากขึ้น
ความน่าสนใจของ Celerio ในขณะนี้คือ
มันเร็วใช้ได้ เท่าๆ กับ Eco car 1.2, มันประหยัดกว่า Mirage และอาจจะประหยัดกว่า Hybrid
อัตราสิ้นเปลืองของ Eco car ปกติคือ 20 กม./ลิตร (ขับได้นะ ถ้าเท้าเบาๆ) แต่ของ Celerio
อาจจะอยู่ที่ 25-26 กม./ลิตร เทียบจากสื่ออินเดีย สื่อไทย สำหรับสื่อไทย (เว็บ H) Eco car 1.2 ขับจริง
ประหยัดอยู่ที่ประมาณ 17 กม./ลิตร อย่างmirage 17.6 แต่ทดสอบตามเกณฑ์มาตรฐานได้ 22
Celerio ที่ประหยัดอยู่ที่ 19.57 ที่การขับนิ่งๆ 110 กม./ชม. น่าจะเทียบได้กับความประหยัดประมาณ 26 กม./ลิตร
ตามที่สื่ออินเดียเคลมได้จริง ในขณะที่ Prius ประหยัดที่ประมาณ 23-24 กม./ลิตร
Celerio น่าสนใจตรงที่ เป็นเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร ธรรมดาๆ ไม่ต้องเสียค่าบำรุงรักษา ค่าเปลี่ยนแบ็ตที่แพงมาก
อย่างรถ Hybrid ซึ่งในการขับรถแบบเท้าเบาๆ ตามจังหวะเนิบๆ ของ CVT การทำอัตราสิ้นเปลืองให้ดีกว่า 20 กม./ลิตร
นั้นทำได้ไม่ยาก เพียงแต่รถห้ามติด อย่างในเมืองคงไม่มีทางถึง แต่ถ้าชานเมือง เช่นศรีนครินทร์แถวบ้านผม
หรือออกไป ตจว. เลย ทำได้สบายๆ ดังนั้น ถ้าเจ้าซาริโอ้จะมาพร้อมการเคลมอัตราสิ้นเปลือง 26 กม./ลิตร
ตามมาตรฐานในห้องทดสอบ ผมคิดว่าในการใช้งานจริง ก็สามารถเหยียบให้ได้ตามนั้นสบายๆ
ที่จริงจะมากกว่า 26 กม./ลิตร ก็น่าจะได้ไม่ยาก ถ้าเหยียบระหว่าง 60-70-80 แล้วเลี้ยงรอบดีๆ
อย่าขับกระชาก ถ้าใช้โซฮอล 91 ราคา 38 บาท ราคาน้ำมันก็ประมาณ 1.4-1.5 บาทต่อกิโลเมตร
เทียบได้กับรถติดแก๊สอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ต้องเสียเวลาบำรุงรักษา เพราะเป็นรถกินน้ำมันปกติ
ถ้าขับเกียร์ธรรมดาได้ ก็น่าจะประหยัดมากกว่านั้นอีกสัก 1-2 กม./ลิตร
ราคาที่เดาๆ เอาอยู่ที่ 3.4 แสน ถึง 4.4 แสน ถ้าเลือกเอารุ่นกลางๆ ก็ถือว่าไม่แพง
ราคาระดับนี้ก็จะไปชนกับราคาของรถญี่ปุ่นมือสองที่ยังใหม่ๆ อยู่เช่น Jazz 1.5 รุ่นปัจจุบัน แล้วก็
ได้ March รุ่นท๊อป Jazz นี่แหล่ะน่าสน เพราะถ้าเป็นรุ่นก่อนไมเนอร์ ยังสามารถติด Cruise control
ได้อีกต่างหาก แต่ความประหยัดของเจ้าซาริโอ้ก็ประมาทไม่ได้ แต่จะแพ้ก็แค่เรื่องภาพลักษณ์เท่านั้น
เชื่อว่าเรื่องภาพลักษณ์ยังเป็นเรื่องสำคัญของคนหลายคน ทำให้ยอมกัดฟันไปซื้อรถ eco car 1.2 ที่
ดูใหญ่กว่า หรือรถ 1.5 รุ่นล่าง แต่ถ้าไม่สนเรื่องนี้ เจ้าซาริโอ้น่าสนใจมาก
ด้านการขับขี่ที่เว็บ H บอกว่า มันดีใช้ได้ แต่พวงมาลัยเบาไปนิด คงเป็นเพราะล้อเล็กๆ ขนาด
14 นิ้วของมัน ซึ่งคงจะไปแก้ไขอะไรต่อไม่ได้ เพราะถ้าจะใส่ล้อใหญ่เพื่อให้ดูดีขึ้น อัตราสิ้นเปลือง
ก็จะแย่ลง คนที่ชอบเจ้าซาริโอ้ ก็จะเป็นคนที่รักในอัตราสิ้นเปลืองที่ประหยัดจริงๆ ให้ค่าตรงนี้เยอะ
แต่คนที่ชอบความคุ้มค่า น่าจะหันไปทาง Jazz มือสองที่ติด LPG มากกว่า ซึ่งสามารถอัดได้เต็มที่
แต่ก็ยังประหยัดค่าเชื้อเพลิง
เท่าที่ผมนึกได้ Celerio อาจจะเหมาะกับผู้หญิงหรือผู้ชาย ที่ต้องการรถมือหนึ่งเพื่อใช้งานจริงๆ
ใช้รถไม่มาก แต่พาไปไหนมาไหนได้ เน้นใช้ในเมือง ชอบความประหยัดมัธยัส ไม่ชอบใช้รถแก๊ส
เพราะกลัวความยุ่งยาก ราคาไม่แพงมาก เพราะน่าจะเป็นคนที่ใช้เงินกับเรื่องอื่นๆ มากกว่าเรื่องรถ
ซึ่งผมคิดว่าคนที่มีวิธีคิดในการใช้เงินมีแบบนี้มากพอสมควร แต่สภาพเศรษฐกิจก็เป็นอุปสรรคสำคัญ
ในการที่จะทำให้คนกลุ่มนี้ออกมาใช้เงิน แต่ถ้าไม่มีปัญหาด้านการเมือง Celerio ก็มีสิทธิ์รุ่งได้นะ
ตอนนี้ Suzuki คงหัวปั่นกันน่าดู ว่าจะทำยังไงให้ Celerio ฮิตขึ้นมาอย่างที่เคยคาดหวัง
เพราะถ้ามันแป้กแบบ Brio ล่ะก็ จบกันเลย และ Suzuki จะสามารถตั้งราคาได้เหมาะสมที่
สุดที่เท่าไหร่ ที่จะไม่ถูกซะจนได้แต่ต้นทุนกลับคือ และไม่สูงซะจนขายไม่ออก ส่วนตัวผมคิดว่า
Suzuki ควรจะวางราคาให้หนีจาก Mirage ให้มากสุดเท่าที่จะทำได้ หรือมีอะไรที่สามารถกลบ
ความน่าสนใจที่จะทำให้คนจะเลือก Mirage แทนได้
แต่ผมก็เชื่อว่า ในสภาพเศรษฐกิจย่ำแย่แบบนี้ ก็น่าจะทำให้คนหลายๆ คน ยอมถอยตัวเลือกลงมา
สัก 1 segment เช่น ถ้าเดิมมอง C segment ก็อาจจะถอยลงมาเป็น B segment หรือถ้าเดิม
มอง B segment ก็อาจจะถอยลงมาดูพวก Eco car และคนที่มอง Eco car 1.2 อยู่ ก็น่าจะมอง
Celerio (คนรวยที่ซื้อรถ D segment คงจะไม่เปลี่ยนเป็น segment ที่เล็กลงมา)
ถ้า Suzuki มองแบบเข้าข้างตัวเอง อาจจะมองว่า คนซื้อในตลาดอาจจะย่อความต้องการลง
มาซื้อรถเล็กที่ประหยัดที่สุดอย่าง Celerio แต่ Suzuki ก็ต้องทำการตลาดให้ดีกว่าสมัย Swift
ต้องโปรโมทอย่างมืออาชีพมากๆ อย่างการที่ให้เว็บ H เขียนรีวิว ดึงคุณงามความดีออกมา ก่อน
การเปิดตัว นี่ก็ถือว่าทำถูกต้อง แต่ในสื่ออื่นๆ Suzuki จะทำให้คุณงามความดีแสดงออกมาได้มาก
น้อยแค่ไหนล่ะ ?
ผมว่าสื่อทาง TV ปัจจุบัน ยังคงเป็นสื่อที่สำคัญมาก เพราะมันเป็นสื่อแบบสะกดจิต เห็นซ้ำๆ
ซากๆ จนทำให้คนฝังจำมันได้ แต่เป็นสื่อที่แพงที่สุด แล้วก็ใช้งานยากที่สุดด้วย โฆษณายังไง
ถึงจะทำให้มันออกมาโดนล่ะ ??? รถบางคันสื่อออกมาง่ายๆ ก็โดนใจ แต่รถบางคัน ดึงความน่าสนใจ
ออกมายากมาก Celerio มันมีมุมไหน ช่วงไหน คุณสมบัติใด ที่จะดึงออกมาให้โดนในโฆษณาที่มี
อยู่แว่บเดียว ยากโคตรๆ ยิ่งรูปลักษณ์ที่ดูเฉยๆ (แต่ถ้าแต่งแล้วน่าจะดี) ยิ่งดึงความน่าสนใจยากมากครับ
เว็บ H ถึงฟันธงว่ามันจะไม่เปรี้ยง Celerio คงเป็นรถที่ต้องอาศัยรีวิวแบบปากต่อปาก
เยอะกันมากสักหน่อย แบบที่ Nissan ทำไว้กับ Teana และ Nissan ก็มีแอมบาสเดอร์ (ผมเรียกเอง)
อย่างคุณเบียร์ที่โปรโมททุกซอกทุกมุมให้รถ Nissan แทบทุกรุ่นอย่างที่ไม่มีใครทำได้ ในทุกสื่อ online
Suzuki ต้องการแฟนพันธ์แท้แบบนั้นน่ะแหล่ะ (ซึ่ง Nissan ตอนนั้น ได้มาเพราะ March เปิดตัวเป็น Eco car คันแรก)
ผมคิดว่า Suzuki ควรจะลงมาทำกิจกรรมกับพวกเว็บคลับเยอะๆ ทั้ง Swift และ Celerio เพราะสร้างกลุ่ม
แฟนพันธ์แท้ขึ้นมาให้ได้ ไม่ใช่กลุ่มแฟนพันธ์ด่า ที่คอยก่นด่าการบริการ การ service ของทางค่าย
สำหรับผมที่มีครอบครัวเล็กๆ ข้อดีของ Celerio อยู่ที่ว่า มันถูกและประหยัด
ผมอาจจะเคยมองรถยนต์ 7 ที่นั่ง หรือแม้กระทั่งรถใหญ่ไปเลยราคาเป็นล้าน
แต่ด้วยเงินที่มีน้อย มันจะดีกว่าถ้าเก็บเงินล้าน ไว้ซื้อหุ้นเล่นยาวทิ้งไว้สัก 20 ปี หรือ
เก็บไว้เป็นค่าส่งเสีย ค่าเลี้ยงดูลูก ปกติมีลูกคนนึง ก็ควรจะมีเงินถุงเงินถังสัก 1 ล้าน
ยิ่งถ้าผมจะมีสองคน ก็ต้องมีเงินเย็นๆ 2 ล้าน ประกอบกับเป็นคนใช้รถน้อย (ติดแก็สไม่คุ้ม)
ไปต่างจังหวัดก็น้อย จึงทำให้ Celerio ดูโดดเด่นขึ้นมา แต่ที่จริงประหยัดที่สุด คือการไม่ซื้อรถเพิ่ม 555
แต่ถ้ารวยก็ไปหาแน่นอน Mazda 3, Teana 555
Suzuki Celerio ซูซูกิซาริโอ้ (ซันริโอ้)
ปากของเจ้าซาริโอ้มีร่องต่ออยู่แล้ว แปะสติ๊กเกอร์สีดำให้ลงมาสุด ทำให้หน้าดูใหญ่ขึ้น ดุดันขึ้น
เสาบีควรติดสีดำอยู่แล้ว ติดเข้าไป
ซุ้มล้อเล็กมาก เล็กกว่ารถล้อ 15 ปกติๆ ทำขอบซุ้มล้อเป็นสีดำ จะทำให้ใหญ่ดูพอดี
ไฟท้ายนี้ ยากมากที่จะแก้ไข ทรงเดิมๆ ดูแย่มากตาม คหสต. จัดการเปลี่ยนรูปทรงด้วยสติ๊กเกอร์สีดำ
แล้วรมโคมดำให้กลมกลืน ตอนแรกจะต่อเส้นให้เข้ามาด้านข้างตัวถัง แต่ไม่เวิร์คเพราะเส้นหลักข้าง
ตัวถังมันนูนออกมา ต่อเส้นแล้วมันจะดูไม่ตรงเวลามองเฉียงๆ (แต่มองตรงๆ จะตรง)
พอต่อเส้นไฟท้ายมาบนฝากระโปรง โดยการไล่ตามรอยนูนบนฝากระโปรงหลังพอดี
ทำให้ไม่ไปขัดกับเส้นตัวถัง แล้วก็ต่อเส้นมาจากด้านกรอบไฟเลี้ยว/ไฟถอย พอดี
ทำให้กลายเป็นไฟท้ายรูปทรง L ทันสมัยกว่าเดิม
หรือจะสั้นลงหน่อย ให้ดูเข้ากับรูปทรงของรถมากขึ้น
ความน่าสนใจของ Celerio ในขณะนี้คือ
มันเร็วใช้ได้ เท่าๆ กับ Eco car 1.2, มันประหยัดกว่า Mirage และอาจจะประหยัดกว่า Hybrid
อัตราสิ้นเปลืองของ Eco car ปกติคือ 20 กม./ลิตร (ขับได้นะ ถ้าเท้าเบาๆ) แต่ของ Celerio
อาจจะอยู่ที่ 25-26 กม./ลิตร เทียบจากสื่ออินเดีย สื่อไทย สำหรับสื่อไทย (เว็บ H) Eco car 1.2 ขับจริง
ประหยัดอยู่ที่ประมาณ 17 กม./ลิตร อย่างmirage 17.6 แต่ทดสอบตามเกณฑ์มาตรฐานได้ 22
Celerio ที่ประหยัดอยู่ที่ 19.57 ที่การขับนิ่งๆ 110 กม./ชม. น่าจะเทียบได้กับความประหยัดประมาณ 26 กม./ลิตร
ตามที่สื่ออินเดียเคลมได้จริง ในขณะที่ Prius ประหยัดที่ประมาณ 23-24 กม./ลิตร
Celerio น่าสนใจตรงที่ เป็นเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร ธรรมดาๆ ไม่ต้องเสียค่าบำรุงรักษา ค่าเปลี่ยนแบ็ตที่แพงมาก
อย่างรถ Hybrid ซึ่งในการขับรถแบบเท้าเบาๆ ตามจังหวะเนิบๆ ของ CVT การทำอัตราสิ้นเปลืองให้ดีกว่า 20 กม./ลิตร
นั้นทำได้ไม่ยาก เพียงแต่รถห้ามติด อย่างในเมืองคงไม่มีทางถึง แต่ถ้าชานเมือง เช่นศรีนครินทร์แถวบ้านผม
หรือออกไป ตจว. เลย ทำได้สบายๆ ดังนั้น ถ้าเจ้าซาริโอ้จะมาพร้อมการเคลมอัตราสิ้นเปลือง 26 กม./ลิตร
ตามมาตรฐานในห้องทดสอบ ผมคิดว่าในการใช้งานจริง ก็สามารถเหยียบให้ได้ตามนั้นสบายๆ
ที่จริงจะมากกว่า 26 กม./ลิตร ก็น่าจะได้ไม่ยาก ถ้าเหยียบระหว่าง 60-70-80 แล้วเลี้ยงรอบดีๆ
อย่าขับกระชาก ถ้าใช้โซฮอล 91 ราคา 38 บาท ราคาน้ำมันก็ประมาณ 1.4-1.5 บาทต่อกิโลเมตร
เทียบได้กับรถติดแก๊สอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ต้องเสียเวลาบำรุงรักษา เพราะเป็นรถกินน้ำมันปกติ
ถ้าขับเกียร์ธรรมดาได้ ก็น่าจะประหยัดมากกว่านั้นอีกสัก 1-2 กม./ลิตร
ราคาที่เดาๆ เอาอยู่ที่ 3.4 แสน ถึง 4.4 แสน ถ้าเลือกเอารุ่นกลางๆ ก็ถือว่าไม่แพง
ราคาระดับนี้ก็จะไปชนกับราคาของรถญี่ปุ่นมือสองที่ยังใหม่ๆ อยู่เช่น Jazz 1.5 รุ่นปัจจุบัน แล้วก็
ได้ March รุ่นท๊อป Jazz นี่แหล่ะน่าสน เพราะถ้าเป็นรุ่นก่อนไมเนอร์ ยังสามารถติด Cruise control
ได้อีกต่างหาก แต่ความประหยัดของเจ้าซาริโอ้ก็ประมาทไม่ได้ แต่จะแพ้ก็แค่เรื่องภาพลักษณ์เท่านั้น
เชื่อว่าเรื่องภาพลักษณ์ยังเป็นเรื่องสำคัญของคนหลายคน ทำให้ยอมกัดฟันไปซื้อรถ eco car 1.2 ที่
ดูใหญ่กว่า หรือรถ 1.5 รุ่นล่าง แต่ถ้าไม่สนเรื่องนี้ เจ้าซาริโอ้น่าสนใจมาก
ด้านการขับขี่ที่เว็บ H บอกว่า มันดีใช้ได้ แต่พวงมาลัยเบาไปนิด คงเป็นเพราะล้อเล็กๆ ขนาด
14 นิ้วของมัน ซึ่งคงจะไปแก้ไขอะไรต่อไม่ได้ เพราะถ้าจะใส่ล้อใหญ่เพื่อให้ดูดีขึ้น อัตราสิ้นเปลือง
ก็จะแย่ลง คนที่ชอบเจ้าซาริโอ้ ก็จะเป็นคนที่รักในอัตราสิ้นเปลืองที่ประหยัดจริงๆ ให้ค่าตรงนี้เยอะ
แต่คนที่ชอบความคุ้มค่า น่าจะหันไปทาง Jazz มือสองที่ติด LPG มากกว่า ซึ่งสามารถอัดได้เต็มที่
แต่ก็ยังประหยัดค่าเชื้อเพลิง
เท่าที่ผมนึกได้ Celerio อาจจะเหมาะกับผู้หญิงหรือผู้ชาย ที่ต้องการรถมือหนึ่งเพื่อใช้งานจริงๆ
ใช้รถไม่มาก แต่พาไปไหนมาไหนได้ เน้นใช้ในเมือง ชอบความประหยัดมัธยัส ไม่ชอบใช้รถแก๊ส
เพราะกลัวความยุ่งยาก ราคาไม่แพงมาก เพราะน่าจะเป็นคนที่ใช้เงินกับเรื่องอื่นๆ มากกว่าเรื่องรถ
ซึ่งผมคิดว่าคนที่มีวิธีคิดในการใช้เงินมีแบบนี้มากพอสมควร แต่สภาพเศรษฐกิจก็เป็นอุปสรรคสำคัญ
ในการที่จะทำให้คนกลุ่มนี้ออกมาใช้เงิน แต่ถ้าไม่มีปัญหาด้านการเมือง Celerio ก็มีสิทธิ์รุ่งได้นะ
ตอนนี้ Suzuki คงหัวปั่นกันน่าดู ว่าจะทำยังไงให้ Celerio ฮิตขึ้นมาอย่างที่เคยคาดหวัง
เพราะถ้ามันแป้กแบบ Brio ล่ะก็ จบกันเลย และ Suzuki จะสามารถตั้งราคาได้เหมาะสมที่
สุดที่เท่าไหร่ ที่จะไม่ถูกซะจนได้แต่ต้นทุนกลับคือ และไม่สูงซะจนขายไม่ออก ส่วนตัวผมคิดว่า
Suzuki ควรจะวางราคาให้หนีจาก Mirage ให้มากสุดเท่าที่จะทำได้ หรือมีอะไรที่สามารถกลบ
ความน่าสนใจที่จะทำให้คนจะเลือก Mirage แทนได้
แต่ผมก็เชื่อว่า ในสภาพเศรษฐกิจย่ำแย่แบบนี้ ก็น่าจะทำให้คนหลายๆ คน ยอมถอยตัวเลือกลงมา
สัก 1 segment เช่น ถ้าเดิมมอง C segment ก็อาจจะถอยลงมาเป็น B segment หรือถ้าเดิม
มอง B segment ก็อาจจะถอยลงมาดูพวก Eco car และคนที่มอง Eco car 1.2 อยู่ ก็น่าจะมอง
Celerio (คนรวยที่ซื้อรถ D segment คงจะไม่เปลี่ยนเป็น segment ที่เล็กลงมา)
ถ้า Suzuki มองแบบเข้าข้างตัวเอง อาจจะมองว่า คนซื้อในตลาดอาจจะย่อความต้องการลง
มาซื้อรถเล็กที่ประหยัดที่สุดอย่าง Celerio แต่ Suzuki ก็ต้องทำการตลาดให้ดีกว่าสมัย Swift
ต้องโปรโมทอย่างมืออาชีพมากๆ อย่างการที่ให้เว็บ H เขียนรีวิว ดึงคุณงามความดีออกมา ก่อน
การเปิดตัว นี่ก็ถือว่าทำถูกต้อง แต่ในสื่ออื่นๆ Suzuki จะทำให้คุณงามความดีแสดงออกมาได้มาก
น้อยแค่ไหนล่ะ ?
ผมว่าสื่อทาง TV ปัจจุบัน ยังคงเป็นสื่อที่สำคัญมาก เพราะมันเป็นสื่อแบบสะกดจิต เห็นซ้ำๆ
ซากๆ จนทำให้คนฝังจำมันได้ แต่เป็นสื่อที่แพงที่สุด แล้วก็ใช้งานยากที่สุดด้วย โฆษณายังไง
ถึงจะทำให้มันออกมาโดนล่ะ ??? รถบางคันสื่อออกมาง่ายๆ ก็โดนใจ แต่รถบางคัน ดึงความน่าสนใจ
ออกมายากมาก Celerio มันมีมุมไหน ช่วงไหน คุณสมบัติใด ที่จะดึงออกมาให้โดนในโฆษณาที่มี
อยู่แว่บเดียว ยากโคตรๆ ยิ่งรูปลักษณ์ที่ดูเฉยๆ (แต่ถ้าแต่งแล้วน่าจะดี) ยิ่งดึงความน่าสนใจยากมากครับ
เว็บ H ถึงฟันธงว่ามันจะไม่เปรี้ยง Celerio คงเป็นรถที่ต้องอาศัยรีวิวแบบปากต่อปาก
เยอะกันมากสักหน่อย แบบที่ Nissan ทำไว้กับ Teana และ Nissan ก็มีแอมบาสเดอร์ (ผมเรียกเอง)
อย่างคุณเบียร์ที่โปรโมททุกซอกทุกมุมให้รถ Nissan แทบทุกรุ่นอย่างที่ไม่มีใครทำได้ ในทุกสื่อ online
Suzuki ต้องการแฟนพันธ์แท้แบบนั้นน่ะแหล่ะ (ซึ่ง Nissan ตอนนั้น ได้มาเพราะ March เปิดตัวเป็น Eco car คันแรก)
ผมคิดว่า Suzuki ควรจะลงมาทำกิจกรรมกับพวกเว็บคลับเยอะๆ ทั้ง Swift และ Celerio เพราะสร้างกลุ่ม
แฟนพันธ์แท้ขึ้นมาให้ได้ ไม่ใช่กลุ่มแฟนพันธ์ด่า ที่คอยก่นด่าการบริการ การ service ของทางค่าย
สำหรับผมที่มีครอบครัวเล็กๆ ข้อดีของ Celerio อยู่ที่ว่า มันถูกและประหยัด
ผมอาจจะเคยมองรถยนต์ 7 ที่นั่ง หรือแม้กระทั่งรถใหญ่ไปเลยราคาเป็นล้าน
แต่ด้วยเงินที่มีน้อย มันจะดีกว่าถ้าเก็บเงินล้าน ไว้ซื้อหุ้นเล่นยาวทิ้งไว้สัก 20 ปี หรือ
เก็บไว้เป็นค่าส่งเสีย ค่าเลี้ยงดูลูก ปกติมีลูกคนนึง ก็ควรจะมีเงินถุงเงินถังสัก 1 ล้าน
ยิ่งถ้าผมจะมีสองคน ก็ต้องมีเงินเย็นๆ 2 ล้าน ประกอบกับเป็นคนใช้รถน้อย (ติดแก็สไม่คุ้ม)
ไปต่างจังหวัดก็น้อย จึงทำให้ Celerio ดูโดดเด่นขึ้นมา แต่ที่จริงประหยัดที่สุด คือการไม่ซื้อรถเพิ่ม 555
แต่ถ้ารวยก็ไปหาแน่นอน Mazda 3, Teana 555