สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
เท่าที่อ่าน ผมเดาว่า น้องเขาเป็นคนมีความต้องการ ความโดดเด่น มากเป็นพิเศษ
งานที่เหมาะกับเขา ก็น่าจะเป็นงานสำคัญๆ ที่คนอื่นทำได้ยาก
สั่งงานแล้วให้เขาไปรับผิดชอบ ตามงานเฉพาะงานสำคัญๆ
ชมในสิ่งที่เขาทำได้ดี และ หากเขาทำผิดให้คุยกับเขาว่า คุณคิดว่า น่าจะทำอย่างนี้... เป็นต้น
ถ้าลักษณะนี้ ผมคงให้เขาติดต่อกับลูกค้า ใหญ่ๆ ยากๆ ใช้ภาษามากๆ
และเมื่อเชื่อมติด ก็หาคนเข้าไปประกบ แยกงานออกมา และ ให้เขารับงานใหม่ ใหญ่ขึ้น...
(แค่ความคิดเห็นส่วนบุคคล)
งานที่เหมาะกับเขา ก็น่าจะเป็นงานสำคัญๆ ที่คนอื่นทำได้ยาก
สั่งงานแล้วให้เขาไปรับผิดชอบ ตามงานเฉพาะงานสำคัญๆ
ชมในสิ่งที่เขาทำได้ดี และ หากเขาทำผิดให้คุยกับเขาว่า คุณคิดว่า น่าจะทำอย่างนี้... เป็นต้น
ถ้าลักษณะนี้ ผมคงให้เขาติดต่อกับลูกค้า ใหญ่ๆ ยากๆ ใช้ภาษามากๆ
และเมื่อเชื่อมติด ก็หาคนเข้าไปประกบ แยกงานออกมา และ ให้เขารับงานใหม่ ใหญ่ขึ้น...
(แค่ความคิดเห็นส่วนบุคคล)
ความคิดเห็นที่ 51
คนที่ไปว่าน้องมันอีคิวต่ำ ไม่ทราบว่าตัดสินจากอะไรหรือครับ
แค่คำพูดของ จขกท. ไม่กี่บรรทัดก็รีบตัดสินว่าเขาเป็นคน
อย่างนั้นซะแล้ว
อีคิวพวกคุณคงสูงน่าดู 55555.........
หรือว่าพวกคุณ ๆ ทั้งหลายมีปมในใจกันมาก่อน
ในมุมมองผม ผมให้ความสำคัญตรงเรื่องความก้าวร้าว ไม่มีสัมมาคารวะมากกว่า
ต่อให้เก่งแค่ไหน แต่ก้าวร้าว ผิดแล้วไม่ยอมรับผิด ผมก็ไม่เอาครับ
แต่นั่นต้องพิสูจน์ด้วยความเป็นกลางและเป็นธรรมด้วยนะครับ
เพราะบางที่ บางออฟฟิศพนักงานเลว ๆ มันก็อยู่เลียนายได้นานกว่า
พนักงานดี ๆ จนคนดี ๆ พากันลาออกหมดก็มีถมเถไป
สำคัญคนเป็นหัวหน้าอย่าทำตัวเลวซะเองล่ะกัน
ผมเห็นด้วยกับที่บอกว่า ม้าเก่งอาจจะมีพยศบ้าง (พยศนะครับ ไม่ใช่บ้า)
สิ่งสำคัญคือ จะทำอย่างไรที่จะเข้าถึงจิตใจและดึงศักยภาพของน้องเขา
ออกมาให้ได้ต่างหาก
ที่คนระดับผู้จัดการอย่างคุณ ๆ ต้องคิด
เคยเจอมั๊ยที่ต้องทำงานกับหัวหน้าที่ไม่มีวิสัยทัศน์
หรือรู้เนื้องานน้อยกว่าตัวเอง ลูกน้องจะปรึกษาก็ไม่ได้
แถมทำตัวเลวอีกต่างหาก
สุดท้าย ก็ไม่แปลกที่ลูกน้องจะลาออกไปหาที่ทำงานใหม่
สรุปว่า ถ้าจขกท. ไม่เข้าข่ายหัวหน้างี่เง่าอย่างที่ผมพูดไปข้างต้น
และคิดว่าตนเองมีความรู้ความสามารถพอที่จะสั่งสอนน้องคนนี้ได้
ก็รับไว้เถอะครับ ไม่งั้นเขาจะมีช่วงเวลาทดลองงานเอาไว้ทำไม
เผื่ออาจจะได้ม้าดี ๆ ไว้ในบริษัทนะครับ
คนดีและเป็นคนเก่ง หายากครับ
แค่คำพูดของ จขกท. ไม่กี่บรรทัดก็รีบตัดสินว่าเขาเป็นคน
อย่างนั้นซะแล้ว
อีคิวพวกคุณคงสูงน่าดู 55555.........
หรือว่าพวกคุณ ๆ ทั้งหลายมีปมในใจกันมาก่อน
ในมุมมองผม ผมให้ความสำคัญตรงเรื่องความก้าวร้าว ไม่มีสัมมาคารวะมากกว่า
ต่อให้เก่งแค่ไหน แต่ก้าวร้าว ผิดแล้วไม่ยอมรับผิด ผมก็ไม่เอาครับ
แต่นั่นต้องพิสูจน์ด้วยความเป็นกลางและเป็นธรรมด้วยนะครับ
เพราะบางที่ บางออฟฟิศพนักงานเลว ๆ มันก็อยู่เลียนายได้นานกว่า
พนักงานดี ๆ จนคนดี ๆ พากันลาออกหมดก็มีถมเถไป
สำคัญคนเป็นหัวหน้าอย่าทำตัวเลวซะเองล่ะกัน
ผมเห็นด้วยกับที่บอกว่า ม้าเก่งอาจจะมีพยศบ้าง (พยศนะครับ ไม่ใช่บ้า)
สิ่งสำคัญคือ จะทำอย่างไรที่จะเข้าถึงจิตใจและดึงศักยภาพของน้องเขา
ออกมาให้ได้ต่างหาก
ที่คนระดับผู้จัดการอย่างคุณ ๆ ต้องคิด
เคยเจอมั๊ยที่ต้องทำงานกับหัวหน้าที่ไม่มีวิสัยทัศน์
หรือรู้เนื้องานน้อยกว่าตัวเอง ลูกน้องจะปรึกษาก็ไม่ได้
แถมทำตัวเลวอีกต่างหาก
สุดท้าย ก็ไม่แปลกที่ลูกน้องจะลาออกไปหาที่ทำงานใหม่
สรุปว่า ถ้าจขกท. ไม่เข้าข่ายหัวหน้างี่เง่าอย่างที่ผมพูดไปข้างต้น
และคิดว่าตนเองมีความรู้ความสามารถพอที่จะสั่งสอนน้องคนนี้ได้
ก็รับไว้เถอะครับ ไม่งั้นเขาจะมีช่วงเวลาทดลองงานเอาไว้ทำไม
เผื่ออาจจะได้ม้าดี ๆ ไว้ในบริษัทนะครับ
คนดีและเป็นคนเก่ง หายากครับ
ความคิดเห็นที่ 6
จากที่2กับ4 ถ้าน้องเค้าเก่งจริง น้องเค้าจะปรับตัวได้ครับ
ที่3 ยอมไปทำทั้งที่รู้ว่า4ชม.ไปกลับ เพราะเงินดี
ทำกิจกรรมเยอะขนาดนั้น แปลว่าเค้าทำได้ดีในจุดที่เค้าอยู่ได้
ส่วนจุดที่เค้าอยู่ไม่ได้ เค้าจะไม่ปรับตัวแล้วไปหาที่อื่นทันที
โดยรวมผมให้คะแนนกลางๆครับ ถ้ามีคนอื่นที่ความสามารถน้อยกว่า
คือเก่งในระดับคนปกติ แต่ดูสงบกว่าผมเลือกคนอื่น
ตำแหน่งสำคัญรึเปล่าครับ ถ้า3เดือน5เดือนหายไปจะกระทบมั้ย
ถ้าไม่กระทบงาน ลองดูก็ได้ เผื่ออยู่นาน
ที่3 ยอมไปทำทั้งที่รู้ว่า4ชม.ไปกลับ เพราะเงินดี
ทำกิจกรรมเยอะขนาดนั้น แปลว่าเค้าทำได้ดีในจุดที่เค้าอยู่ได้
ส่วนจุดที่เค้าอยู่ไม่ได้ เค้าจะไม่ปรับตัวแล้วไปหาที่อื่นทันที
โดยรวมผมให้คะแนนกลางๆครับ ถ้ามีคนอื่นที่ความสามารถน้อยกว่า
คือเก่งในระดับคนปกติ แต่ดูสงบกว่าผมเลือกคนอื่น
ตำแหน่งสำคัญรึเปล่าครับ ถ้า3เดือน5เดือนหายไปจะกระทบมั้ย
ถ้าไม่กระทบงาน ลองดูก็ได้ เผื่ออยู่นาน
ความคิดเห็นที่ 2
รับสิครับ
ถ้ามีเงินจ้างแล้วคิดว่า เขาสามารถทำประโยชน์ให้ได้คุ้มค่า
ถ้าคนจ้าง ยังคิดไม่ออก ว่าจะทำยังไง
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่คนมาสมัครแล้วล่ะครับ
คนแบบนี้ถ้าเขาเลือกบริษัทคุณ แสดงว่าบริษัทคุณก็มีดี เขาจึงเลือกมาสมัคร
ส่วนทำงานไปแล้ว จะอยู่ได้นานแค่ไหน ตรงนั้นไม่มีใครตอบได้
เพราะยังมีปัจจัยแวดล้อมอีกมากมาย
คนเปลี่ยนงานบ่อย แบบไม่เอาถ่าน ไม่เอาแบต ก็มีเยอะแยะ
มิใช่รึ ?
ถ้ามีเงินจ้างแล้วคิดว่า เขาสามารถทำประโยชน์ให้ได้คุ้มค่า
ถ้าคนจ้าง ยังคิดไม่ออก ว่าจะทำยังไง
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่คนมาสมัครแล้วล่ะครับ
คนแบบนี้ถ้าเขาเลือกบริษัทคุณ แสดงว่าบริษัทคุณก็มีดี เขาจึงเลือกมาสมัคร
ส่วนทำงานไปแล้ว จะอยู่ได้นานแค่ไหน ตรงนั้นไม่มีใครตอบได้
เพราะยังมีปัจจัยแวดล้อมอีกมากมาย
คนเปลี่ยนงานบ่อย แบบไม่เอาถ่าน ไม่เอาแบต ก็มีเยอะแยะ
มิใช่รึ ?
แสดงความคิดเห็น
ถ้ามีเด็กคนนีงมีโปรไฟล์แบบนี้ เป็นคุณ คุณจะรับเค้าเข้าทำงานมั๊ยครับ
น้องคนนี้จบมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดัง ภาษาอังกฤษดีมาก(TOEIC 800+) ทำกิจกรรมเพียบ( เรียน 4 ปีทำกิจกรรมไป 30 กว่ากิจกรรม แต่ละกิจกรรมนี่คือไม่ใช่กิจกรรมเล็กๆนะครับ ไม่ใช่แบบรับน้อง ห้องเชียร์อะไรแบบนี้ พวกนั้นไม่นับ แต่กิจกรรมที่ว่านี่เป็นพวกงานสำคัญๆระดับมหาวิทยาลัย ระดับประเทศ มีระดับอาเซียนด้วยอีกต่างหาก) วิชาการก็ดี จบเกียรตินิยม ก่อนสัมภาษณ์มีทำ IQ test น้องเค้าได้ 141 !!! และเท่าที่สัมภาษณ์ เป็นคนที่ฉลาดมาก เก็ทเร็ว เรียนรู้ได้ไว รู้จักพูด เจรจาต่อรองเก่ง ตอบคำถามเป็น เรียกได้ว่าสกิลการพูดขั้นเทพอ่ะครับ มนุษสัมพันธ์ดี เพื่อนฝูงเยอะ แต่....
-ทำงานที่แรก ==> 2 เดือนออก เพราะได้ที่ที่สอง ซึ่งสมัครไปพร้อมกับที่แรกแต่เพิ่งมาเรียก และให้รายได้สูงกว่า บ.ใหญ่กว่า
-ทำงานที่สอง ==> 3 เดือนออก เพราะไม่ชอบงานที่ทำ
-ทำงานที่สาม ==> 5 เดือนออก เพราะที่ทำงานไกลบ้านมาก เดินทางไป-กลับเกือบสี่ชั่วโมง แต่ที่ตอนแรกเอาก็เพราะงานใช่ เงินเดือนดี
-ทำงานที่สี่ ==> 4 เดือนออก เพราะมีปัญหากับเจ้านายทุกวัน คือน้องเค้าเล่าว่า เจ้านายเป็นคนfix idea หัวโบราณ ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง ไม่ Challenge เผด็จการ จุกจิก คิดเล็กคิดน้อย ประมาณนั้น
คือผมก็ชื่นชมในความซื่อสัตย์ของน้องเค้านะครับ ที่กล้าบอกว่าเปลี่ยนงานบ่อยขนาดนี้ และบอกเหตุผลอย่างตรงไปตรงมา แต่ที่กลัวคือคนที่เก่งกาจขนาดนี้แต่เปลี่ยนงานบ่อยขนาดนี้ รับเข้ามานี่ไม่รู้จะยังไงเลยนะครับ คือตอนนี้ยังไม่อยากปฏิเสธน้องเค้าไป เพราะคนที่มี potential ขนาดนี้น่ารับเข้ามาแล้วให้ทำอะไรซักอย่าง คือบ.ผมทำด้านการให้บริการอ่ะครับ ไม่ได้มีสายการผลิต ไม่ได้มีผลิตภัณฑ์ มีคนนี่แหละครับที่เอาไว้ขาย (คงเข้าใจนะครับ) ซึ่งคนแบบนี้ถ้าได้ทำอะไรที่ถูกทาง น่าจะพาบ.ผมไปได้ไกลเลยนะ แต่ถ้าออกมาอีกทางนึงผมอาจจะเสียเงินจ้างไปซัก 4-5 เดือนโดยที่ไม่ได้อะไรกลับมา แถมต้องมีปัญหากระทบกระทั่งตามมากันอีกต่างหาก
คิดไม่ออกบอกไม่ถูกจริงๆครับ เพิ่งเคยเจอเคสแรกที่เป็นแบบนี้ เป็นท่านอื่นจะรับ/ไม่รับครับ เพราะอะไรครับ ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นครับ