ลอนดอน เมืองที่สองของโลก โดย : ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

กระทู้สนทนา
โดย : ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร  กรุงเทพธุรกิจออนไลน์




ผมเพิ่งกลับจากการไปเที่ยวลอนดอน หรือพูดให้ตรงกว่าก็คือ ไป “เยี่ยมเยือน” ลอนดอนอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ไปมาหลายครั้ง

เหตุที่ผมไปลอนดอนบ่อยกว่าอีกหลายๆ เมือง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะลูกสาวผมได้ไปเรียนปริญญาโทที่นั่น และผมก็เชื่อว่าคนไทยอีกหลาย ๆ คนที่ไปลอนดอนบ่อยกว่าไปเมืองอื่นก็คงมีเหตุผลคล้าย ๆ กับผมที่ว่าไปลอนดอนเพราะลูกเรียนหนังสืออยู่

แต่ลอนดอนไม่ได้ดึงดูดเฉพาะคนที่ไปเรียนและครอบครัวเท่านั้น ลอนดอนดึงดูดคนไปเยี่ยมเยือนหลากหลายมาก จนทำให้มันกลายเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในโลกแทนที่เมืองปารีสไปแล้ว ในการจัดอันดับปีล่าสุดที่ลอนดอนได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวประมาณ 17-18 ล้านคนถ้าเข้าใจไม่ผิด ในความรู้สึกของผม ลอนดอนและอาณาเขตรอบๆ ลอนดอนนั้น ไม่ใช่เป็นแค่เมืองที่น่าเที่ยวเท่านั้น แต่มันกำลังกลายเป็นหรือมีศักยภาพที่จะเป็น “เมืองที่สองของโลก”

ความหมายของเมืองที่สองของโลกก็คือคล้ายๆ กับ “บ้านที่สอง” ของเรา เราอาจจะอยู่กรุงเทพเป็นหลัก แต่มีอีกบ้านหนึ่งอยู่ที่เขาใหญ่หรือเชียงใหม่เรียกว่าเป็นบ้านที่สองที่เราจะไปพักเป็นบางโอกาส หรือในบางทีก็ไปอยู่เลยนานๆ และอาจจะกลายเป็น “บ้านที่หนึ่ง” หรือบ้านแรกเลยก็ได้เวลาเกษียณหรือต้องการ “หลบ” จากอะไรบางอย่าง หรือต้องการ “ลี้ภัย” ไปอยู่ในที่ปลอดภัย หรือปลอดจากสิ่งไม่พึงประสงค์

สำหรับผมแล้ว ลอนดอนมีคุณสมบัติที่จะเป็น “เมืองที่สอง” ของคนทั่วโลกมากกว่าเมืองอื่น ๆ อีกหลายเมืองเช่นเดียวกับที่มันเป็นเมืองยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก มาดูกันว่าทำไม?

เรื่องแรกคือภาษาของเมือง ที่เป็นภาษาอังกฤษที่เป็นภาษาสากลที่คนใช้กันทั่วโลก นี่ทำให้คนที่ไปเที่ยวหรือไปอยู่มีความสะดวกสบายในการติดต่อสื่อสารโดยไม่ต้องไปเรียนรู้อะไรใหม่ เราสามารถไปท่องเที่ยวได้เองโดยไม่ต้องอาศัยล่าม

คนในลอนดอนนั้นสามารถที่จะเข้าใจคำพูดของเรา แม้ว่าสำเนียงภาษาอังกฤษของเราจะไม่ดีนัก อาจจะเนื่องจากพวกเขาคุ้นเคยกับคนต่างชาติหลากหลายมาก

คนที่ให้บริการจำนวนมากก็เป็นคล้ายกับเรา คือเป็นชาวต่างชาติหรือมีเชื้อสายต่างชาติ ดังนั้นจึงไม่ค่อยรู้สึกว่าจะอึดอัดมากนัก ที่จะพูดภาษาอังกฤษในสำเนียงที่แปลกจากเจ้าของภาษา

เรื่องที่สองคือลอนดอนนั้นเป็นเมืองที่เป็น“นานาชาติ”มาก สังเกตได้จากคนที่อยู่ในรถไฟฟ้าใต้ดินที่มีคนที่มีหน้าตาและผิวพรรณหลากหลาย โดยเฉพาะที่เป็นชาวเอเชียใต้ เช่นอินเดียหรือปากีสถาน ที่เป็นเมืองในเครือจักรภพของอังกฤษเป็นจำนวนมาก

ในสถานที่อื่นๆ โดยเฉพาะในสถานที่ๆให้บริการเช่นร้านค้าต่างๆ ร้านสะดวกซื้อและร้านอาหารนั้น พนักงานก็มักเป็นคนที่มาจากคนเชื้อชาติอื่น ที่ไม่ใช่คนอังกฤษ ดังนั้น ความรู้สึก “แปลกแยก” ของคนจะมีน้อย ความรู้สึกประเภท “เหยียดผิว” ในลอนดอนเองนั้นก็แทบไม่เจอเลย

เหตุผลอย่างหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะคนอังกฤษและโดยเฉพาะคนในลอนดอนนั้นมีความ“ก้าวหน้า”มาก และพวกเขาได้ผ่านสภาวการณ์การเลวร้ายด้านเชื้อชาติมามาก และเข้าใจยอมรับการอยู่ร่วมกันของคนต่างเชื้อชาติสูง ดังนั้น นี่ทำให้การอยู่ในลอนดอนเราจะไม่รู้สึกว่าเป็น “ประชาชนชั้นสอง” เราได้รับการปฏิบัติเท่าเทียมกันกับคนอื่น ๆ

เรื่องที่สามคือสาธารณูปโภค โดยเฉพาะการเดินทางนั้น ลอนดอนน่าจะเป็นเมืองที่มีความสะดวกมากที่สุดแห่งหนึ่ง เหตุผลก็เพราะแทบทุกแห่งที่เราจะไปนั้นสามารถไปโดยรถไฟฟ้าใต้ดินได้โดยที่ไม่ต้องเดินมากนัก ค่าโดยสารก็ไม่แพงและสามารถตีตั๋วเป็นรายวันหรือรายสิบวันหรือรายเดือนได้ โดยที่เราจะสามารถไปได้ทุกแห่งที่กำหนด

ตั๋วนั้นนอกจากรถไฟใต้ดินแล้วยังใช้ร่วมกับรถเมลบนดินที่สะดวกสบายด้วย นอกจากนั้น แท็กซี่ในลอนดอนเองก็มีมาก สามารถเรียกได้ทุกแห่ง ประเด็นที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือ รถบนท้องถนนนั้นมีไม่มาก และไม่ติดแม้ในช่วงเร่งรีบ พูดง่ายๆ การเดินทางในลอนดอนนั้น ใช้เวลาค่อนข้างน้อยไม่ว่าจะไปที่ไหน ดังนั้นการอยู่ในลอนดอน ทำให้เรามีเวลาทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากเพราะไม่ต้องเสียเวลาไปกับการเดินทางมากนัก

เรื่องของการพักผ่อนหย่อนใจและความบันเทิงต่าง ๆ นั้น ลอนดอนมีไม่น้อยหน้ากว่าใคร เริ่มตั้งแต่ “ของฟรี” เช่น สวนสาธารณะเช่น ไฮด์ปาร์ค ที่ใหญ่โตและสวยงามเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่และทะเลสาบ ไปจนถึงพิพิธภัณฑ์ชั้นนำ เช่น พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ วิทยาศาสตร์ สงคราม ศิลปะและภาพวาด และอื่น ๆ ที่ไม่เก็บค่าผ่านประตู ซึ่งผมคิดว่าเป็นนโยบายที่ยอดเยี่ยมของอังกฤษ ที่จะส่งเสริมให้คนมาชมและศึกษาประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และความก้าวหน้าของประเทศและของโลกผ่านพิพิธภัณฑ์ที่ถูกสร้างขึ้นและดูแลอย่างดีเยี่ยมสุดยอด

ทุกครั้งที่ผมไปลอนดอน ผมมักจะต้องไปสวนและพิพิธภัณฑ์บางแห่ง นอกจากของฟรีแล้ว ลอนดอนยังมีสิ่งบันเทิงที่ดีระดับโลกเช่น การแสดงละครเพลงที่มีโรงละครระดับมาตรฐานจำนวนมาก นอกจากนั้น คนที่ชอบฟุตบอล ลอนดอนก็เป็น “สวรรค์”อีกแห่งหนึ่งของพวกเขา เพราะมีการแข่งขันของทีมดังในพรีเมียร์ลีกอยู่แทบจะตลอดปี

ความปลอดภัยซึ่งเป็นเรื่องสำคัญของการอยู่อาศัยและการท่องเที่ยวนั้น ลอนดอนเองก็เป็นเมืองที่มีความปลอดภัยสูงมาก การเดินอยู่ตามถนนแม้ว่าจะหลังเที่ยงคืนไปแล้วก็มักจะไม่มีปัญหาอะไร เช่นเดียวกับอันตรายจากรถยนต์เองก็ไม่สูงเหตุ เพราะว่าผู้ขับขี่มักจะจอดให้คนเดินข้ามถนนตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด โรคภัยจากอาหารหรืออากาศเป็นพิษนั้นก็ดูเหมือนว่าจะน้อย ว่าที่จริงผมไม่เคยท้องเสีย เพราะเรื่องของอาหารเลยในลอนดอน เช่นเดียวกับการเป็นหวัดเพราะติดเชื้อ

การศึกษาซึ่งเป็นเรื่องสำคัญของการอยู่อาศัยนั้น ในลอนดอนมีโรงเรียนและมหาวิทยาลัยที่ดีระดับโลกมากมาย ทั้งหมดสอนเป็นภาษาอังกฤษ อีกเรื่องหนึ่งก็คือ เรื่องของการเงินนั้น ลอนดอนเป็นศูนย์กลางทางการเงิน ทำให้มีความสะดวกมากในการโอนเงิน ฝาก ลงทุน และการถอนเงินมาใช้จ่ายไม่ว่าคุณจะเป็นคนจากประเทศไหน

ทั้งหมดข้างต้นนี้ ทำให้ลอนดอนเป็นเมืองที่น่าอยู่ และทำให้คนทั่วโลกถ้าเลือกได้มักจะอยากเลือกอยู่ลอนดอนเป็นบ้านที่สอง ที่อาจจะเป็นประเด็นอยู่บ้างก็คือเรื่องของค่าครองชีพที่ลอนดอนนั้นไม่ได้ถูกอย่างอีกหลายเมือง ค่าบ้านหรือค่าเช่าอพาร์ตเมนต์เช่นเดียวกับอีกหลาย ๆ อย่างมีราคาแพง แต่นี่ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับคนรวย

สถิติปัจจุบันก็คือ ลอนดอนนั้นมีคนรวยที่ติดระดับโลกสูงที่สุด พวกเขาบางส่วนมาจากหลายประเทศ คนดังฮอลลีวู้ดเช่น มาดอนน่าเลือกอยู่ลอนดอน เจ้าของห้างแฮร์รอดส์ที่ดังระดับโลกชาวอียิปต์ก็อยู่ลอนดอน ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ตอนหนีจากเมืองไทยสมัย 6 ต.ค.ปี 2519 ก็ไปอยู่เมืองใกล้ลอนดอน

ว่าที่จริงนักการเมืองไทยจำนวนไม่น้อยนั้นผมเชื่อว่ามี “เซฟเฮ้าส์” หรือบ้านอยู่ในหรือใกล้ลอนดอน และนักธุรกิจหรือคนรวยจำนวนไม่น้อยในเมืองไทยก็มีบ้านอยู่ในลอนดอน เหตุผลก็เพื่อเอาไว้ให้ลูกหลานอยู่เวลาไปเรียน และบางคนก็อาจจะซื้อไว้ลงทุน

คนเชื่อมั่นในประเทศอังกฤษที่ซึ่งระบบกฎหมายมีความแน่นอนชัดเจน มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่แข็งแรง เชื่อมั่นในคนอังกฤษที่มีความก้าวหน้าในเรื่องสิทธิมนุษยชน และความเท่าเทียมกันของคนทุกคน และทั้งหมดนี้ก็ทำให้ถนนของ “คนรวย” ทั่วโลกมุ่งสู่ลอนดอน
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  หน้าต่างโลก ลอนดอน
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่