กว่า 2 ปีที่ไม่ได้มารีวิวที่ pantip วันนี้ขออนุญาต กลับมาประจำการรีวิวที่นี่อีกครั้งนะครับ ช่วงที่หายไปก็ไปดูแลสมาชิกใหม่ของครอบครัว จนถึงวันที่พร้อมจะพาเค้าออกท่องเที่ยวสู่โลกกว้าง ^^
จากทริปเดินทางของเราสองคน (login เดิม bank113) มาถึงวันที่เปิดบันทึกการเดินทางบทใหม่ของเราสามคนแทน จึงขอเปลี่ยน log in เป็น The Journey of B&L Family มาร่วมติดตามการเดินทางของครอบครัวเรา (ปะป๊าแบงค์ หม่าม้าเล้ง และ หนูเบลล่า) กับทริปการเดินทางของเด็กน้อยขวบครึ่ง ไม่มีรถเข็น ไม่มีเป้อุ้ม ไม่ใช้สลิง ไม่มีตัวแสดงแทน ตะลุยญี่ปุ่น จะสนุกสนานขนาดไหน ทริปต่างประเทศครั้งแรกของเราสามคน จะเป็นอย่างไร มาติดตามลุ้นกันนะครับ ^^
รบกวนขอฝากเวบเพจของผมด้วยนะครับ
https://www.facebook.com/BLJourney ขอบคุณครับ
จากความตั้งใจจะพาเจ้าหนูเบลล่าออกทริปต่างประเทศ หลังจากซ้อมในประเทศมาเรียบร้อยแล้ว ญี่ปุ่น คือประเทศแรกที่นึกถึง ทั้งจากความสวยงาม ความเป็นระเบียบ ความสะอาด การเดินทางสะดวก อาหารอร่อย ญี่ปุ่นจึงมาวินอย่างไม่ต้องสงสัย ^^
ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สองของครอบครัวเราที่ไปญี่ปุ่นกันเอง
ครั้งแรกเมื่อประมาณ4ปีที่แล้ว กับทริปโตเกียว โอซากา แบบขำๆ ขอฝากรีวิวเก่าๆไว้ด้วยนะครับ
http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2010/01/E8717467/E8717467.html
http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2010/01/E8719243/E8719243.html
สิ่งพิเศษในครั้งนี้คือมีสมาชิกตัวน้อยผู้ร่วมทริปมาด้วยอีกหนึ่งคน ซึ่งเป็นผู้กำหนดทิศทาง ตารางการเดินทางทั้งหมดของทริปนี้กันเลย มาติดตามกันดูนะครับ แล้วคุณจะรู้ว่าการพาเด็กน้อยขวบครึ่งไปญี่ปุ่นไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย ^^
ญี่ปุ่น ในช่วงปลายปีที่แล้ว อากาศเย็นมาเร็วกว่าที่กำหนด ทำให้มีการคาดว่าซากุระจะบานเร็วขึ้น 2-3สัปดาห์ เราจึงกะว่าจะเดินทางช่วงกลางเดือนมีนาคม เผื่อจะได้สัมผัสความงามของซากุระไปด้วยเลยในทริปนี้ การเดินทางออกต่างประเทศครั้งแรกของเราสามคน จึงต้องมีการวางตารางการเดินทางที่เผื่อสมาชิกตัวน้อยผู้ร่วมทริปมากๆ
ในการจัดทริปพาเด็กน้อยวัยขวบครึ่งไปด้วยนี้ มีสิ่งที่ผมต้องนำมาใช้ในการวางแผนจัดเตรียมทริปนี้อยู่หลายอย่างเลยทีเดียวครับ เกร็ดเล็กๆน้อยๆในการจัดทริปคร่าวๆของผมมีดังนี้ครับ
- สภาพอากาศ สถานที่ที่จะไปต้องไม่หนาวเกินสำหรับเด็กเล็ก เพราะเด็กเล็กๆจะไม่สามารถทนต่อสภาพอากาศที่หนาวเย็นได้นานๆ เกิดเจ็บป่วยไม่สบายตอนอยู่ต่างประเทศคงลำบากแน่ๆ
- เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของเด็ก ในช่วงที่คาดว่าจะไปอากาศน่าจะอยู่ราวๆไม่เกิน15องศา เสื้อผ้าของเบลล่าส่วนใหญ่ผมจะใช้ของUniqlo เสื้อ กางเกงแบบฮีทเทค แล้วก็เสื้อแหนมของเด็กๆ เอาอยู่ครับกับอากาศระดับนี้ แต่ปัญหานิดหน่อยของการหาเสื้อผ้าฮีทเทคของUniqloในไทย อาจจะมีปัญหาเรื่องไซส์ไม่ครบบ้าง ต้องลองหาหลายๆสาขาครับ
- อาหารและนม ผมว่าช่วงที่เหมาะในการเริ่มพาเด็กไปต่างประเทศควรเป็นช่วงที่เค้าทานอาหารหยาบๆแบบของผู้ใหญ่ได้บ้างแล้วครับ สักขวบกว่าๆกำลังโอเค จะได้ทานอาหารตามร้านได้ เพราะคงไม่สะดวกถ้าต้องเอาอาหารแช่แข็งไปอุ่นที่นั่น หรืออาจพกอาหารสำเร็จรูปเช่นพวก พีชชี่ ไฮนซ์ ไปสลับๆบ้างก็พอไหวครับ สำหรับเบลล่านั้นสามารถทานอาหารแบบผู้ใหญ่ได้ และโชคดีที่ไม่แพ้อาหารอะไรเลยไม่ได้เตรียมอาหารไป แต่จะเอาพวกขนมที่ชอบติดไปแทน ส่วนเรื่องนมนั้น เบลล่ายังกินเต้าอยู่จึงทุ่นตรงส่วนนี้ไปได้บ้าง แต่ก็ติดนมแม่สต๊อคไปนิดหน่อย แล้วไปหาซื้อนมกล่องที่นั่นแทน ซึ่งเบลล่าชอบนมกล่องที่ญี่ปุ่นมากๆ
- การเดินทางแต่ละสถานที่ ผมมีแนวทางง่ายๆประมาณนี้ครับ
• การเดินทางพยายามเปลี่ยนสายรถไฟให้น้อยที่สุด นั่งอ้อมได้แต่อย่าขึ้นลงบ่อย
• หลีกเลี่ยง rush hour 7-9โมงเช้า โดยเด็ดขาด เพราะจากคราวที่แล้วที่ได้ไปสัมผัสบรรยากาศปลากระป๋องยามเช้ามาคงไม่สนุกแน่ถ้าต้องพาเบลล่าไปด้วย ส่วน rush hour ช่วงเย็นก็ยังไม่หนักเท่าตอนเช้า
• ตารางการเดินทางหลวมๆ ต้องเผื่อเวลาเบลล่าจะนอน1-2ชั่วโมงในแต่ละวัน เวลาป้อนข้าวมื้อละ30-40นาที
• ร้านอาหารที่จะไป ต้องมีเมนูที่เด็กกินได้ เด็กเล็กยังต้องหลีกเลี่ยงอาหารพวกปลาดิบ อาหารรสเผ็ด อยู่
- สถานที่เที่ยวที่อยากไป ตอนเริ่มจัดทริปก็พยายามกำหนดคร่าวๆมาก่อนครับว่าอยากไปไหน เดินทางอย่างไร มีเด็กไปด้วยสะดวกมั้ย ซึ่งสถานที่ที่ผมกำหนดไว้ในทริปนี้ก็คร่าวๆดังนี้ครับ Disneyland, วัดเซ็นโซจิ, Tokyo Sky Tree, Toy R Us ที่โอไดบะ, Yokohama Hakkeijima Sea Paradise และฟูจิซัง
- โรงแรมที่พัก พยายามอย่าเปลี่ยนหลายที่ มีที่หลักซักที่จะเหมาะกว่า เก็บกระเป๋าเข้าออกทุกคืน เพลียกันแน่ๆครับ อีกอย่างเวลาเช็คอินแต่ละที่จะอยู่ราวๆบ่ายสามโมง ส่วนเช็คเอาท์ก็สิบโมงถึงเที่ยง จะมีช่วงเวลาที่ต่างกันถ้าจะย้ายโรงแรมก็ต้องเอากระเป๋าไปฝากไว้ก่อน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่ควรนำมาตัดสินใจนะครับ
• เดินทางสะดวก
• ใกล้ร้านสะดวกซื้อก็ดีครับ(น้ำ นม ขนม แพมเพิส จะได้หาซื้อได้ง่ายๆ)
• มีบริการรับฝากกระเป๋าไว้ได้ เวลาที่อาจต้องไปค้างที่อื่นบ้างบางคืน ต้องดูดีๆนะครับบางที่รับฝากจริงแต่จะให้วางไว้เฉยๆที่มุมล๊อบบี้ไม่มีใบรับฝากใดๆ ซึ่งอาจเกิดการสูญหายหรือสับเปลี่ยนได้นะครับ
• เรื่องควันบุหรี่หรือกลิ่นบุหรี่ซึ่งจะไม่เหมาะแน่ๆในการพาเด็กเล็กไป โรงแรมบางที่จะปลอดบุหรี่ บางที่จะแบ่งโซนห้อง เวลาจองก็ควรดูดีๆนะครับ
• เครื่องซักผ้า อบผ้า ถ้ามีก็จะสะดวกมากขึ้นในการเตรียมเสื้อผ้า ตลอดจน การเก็บกระเป๋ากลับ
- การจัดกระเป๋า ก่อนอื่นควรเช็คกับสายการบินให้แน่ใจนะครับว่าเราสามารถนำไปได้กี่ใบ ใบละกี่กิโล จะได้วางแผนในการจัดของ
ซื้อของในขากลับได้
• ถุงสูญญากาศ ช่วยในการจัดกระเป๋าได้เยอะเลยครับ เพราะช่วยลดพื้นที่ของเสื้อผ้าแต่ละชุดที่จะใส่ลงกระเป็า ทำให้ใส่ได้มากขึ้น ซึ่งสามารถหาซื้อได้ง่ายๆครับ ตามร้านไดโซะ60บาทก็มีครับ มีให้เลือหลายขนาดตามความเหมาะสมเลยครับ
• ถ้าจะต้องไปพักที่อื่นระหว่างทริปแล้วกลับมาอีกครั้ง แนะนำให้จัดเสื้อผ้าที่จะต้องไปที่อื่นใส่กระเป๋าเล็กไว้ครับ แล้วฝากกระเป๋าใหญ่ไว้ที่โรงแรม นำแต่ใบเล็กติดตัวไป จะสะดวกกว่าครับ
• ถุงพลาสติก นอกเหนือจากนำไปใส่เสื้อผ้าเก่าแล้ว ควรนำถุงใบเล็กๆสำหรับใส่แพมเพิสใช้แล้วก่อนทิ้งถังขยะก็จะดีครับ
• กระเป๋าสำรอง ติดไปใช้เผื่อกระเป๋าจะออกลูกในขากลับนะครับ อันนี้แล้วแต่เทคนิคแต่ละคนเลยครับ จะเอาใบเล็กใส่ใบใหญ่ไป หรือ โหลดกระเป๋าไปต่างหากใช้โควต้ากระเป๋าให้เต็มที่ ^^ ส่วนตัวผมใช้ถุงสายรุ้งครับ ถ้านึกไม่ออกว่าเป็นอย่างไรก็คือถุงที่จะเห็นแม่ค้าใส่ของไปขายกันครับ ถุงใหญ่ๆสีสดๆ ปัจจุบันมีทั้งลายคลาสิค ลายการ์ตูน ให้หาซื้อกันครับ ถ้าไม่รู้จะซื้อที่ไหนที่แมคโครมีนะครับใบใหญ่ประมาณ190บาท
• แพมเพิส ติดไปเผื่อเหลือเผื่อขาดดีๆครับ ของผมตอนแรกเอาไปแบบพอดีๆ กะว่าจะไปหาซื้อที่นู่นเพราะน่าจะถูกกว่า แต่เอาเข้าจริงๆต้องซื้อแพคใหญ่ถึงจะถูก และหาซื้อไม่ง่ายเลยครับ ตามร้านสะดวกซื้อมีบ้างไม่มีบ้างนะครับ แพคเล็กๆราคาก็แพงอยู่
ส่วนอุปกรณ์ที่ต้องจัดเตรียมไปนะครับ ขอเอา check list ของคุณอินมาไว้ให้ตรวจสอบกันตกหล่นกันนะครับ
http://www.2madames.com/checklist-pack-bag
ส่วนเฉพาะเจาะจงของผมนอกเหนือจากที่จัดตามปกติก็มี
• เอกสารการจองโรงแรม รถไฟ รถบัส โรงแรม
• คูปองส่วนลด
• แผนที่รถไฟในโตเกียวหลายใบหน่อย เยินทุกวันเลย
http://www.tokyometro.jp/en/subwaymap/pdf/routemap_en.pdf
• แผนที่โรงแรม(คราวที่แล้วพลาด ลืมเอาไปเดินหา งง เลย)
• ลายแทงร้านอาหาร แหล่งช๊อปปิ้ง
• ประกันภัยการเดินทาง
• ยาที่จำเป็นต่างๆ อีนนี้สำคัญมากๆนะครับ ของผู้ใหญ่ก็แก้ไข้ แก้ท้องเสีย แก้แพ้อากาศ ลดน้ำมูก คลายกล้ามเนื้อ ประมาณนี้ ส่วนของเด็กก็ ยาลดไข้ ยาหยดจมูก แอร์เอ็กซ์ ยาแก้ไอ เกลือแร่ซอง ชุดล้างจมูก
• ปรอทวัดไข้ แล้วแต่สะดวกเลยนะครับ ใครมีแบบไหน ยังไง ส่วนตัวผมใช้แบบวัดทางหู วัดได้รวดเร็วกว่า สะดวกกว่า
• ที่ดูดน้ำมูกไฟฟ้า แรงดูดจะสม่ำเสมอ ไม่ระคายเคืองจมูกเท่าใช้คัตต้อนบัต
• ตัวเสียบรูปลั๊กครับ ไปกับเด็กเล็กๆเผลอไม่ได้กันเลยที่เดียว พกไปติดไว้เพื่อความปลอดภัยดีกว่าครับ
• รถเข็น เป้อุ้ม ตามสะดวกครับ น้องๆยอมใช้แบบไหนก็จัดกันไป แต่เบลล่าไม่ยอมสักอย่างก็ไม่ต้องอาไป ^^
• ข้อนี้เป็นoption เสริมครับ เก้าอี้เด็ก ช่วยให้เวลากินข้าวสะดวกขึ้นเยอะเลยครับ ยิ่งถ้าไปกันแค่สามคน เวลากินข้าว อย่าไปคาดหวังว่าทุกร้านจะมีเก้าอี้เด็ก และเก้าอี้เด็กบางร้านก็ไม่มีสายรัด ถ้าเอาติดไปได้โดยเราก็ต้องหัดให้เค้าใช้ให้ชินก่อนด้วยนะครับจะช่วยเวลากินข้าวได้ดีมากๆ ไม่งั้นได้จับ อุ้ม วิ่งไล่ ป้อน กันสนุกแน่ๆ ^^ บางร้านมีเก้าอี้เด็กก็จริงแต่ไม่มีเข็มขัดรัด ดังนั้นถ้าพอเอาไปไหวก็เอาไปครับ ผมใช้รุ่นที่เป็นกระเป๋าใส่ของได้ด้วยครับ ตามรูปเลยครับ กระเป๋าสีส้มๆ

• สายจูง สำหรับน้องๆหนูที่เริ่มเดินเริ่มวิ่ง ใช้สายจูงช่วยจะสะดวกและปลอดภัยมากขึ้นนะครับ ไม่ต้องสนใจใครจะมองว่าเหมือนอะไร ยังไง ถ้าเกิดเราคลาดสายตาแค่ชั่วขณะหรือเผลอลูกหายไป จะมาโทษใครคงไม่ได้ จึงอยากให้มีการป้องกันไว้ก่อน
[CR] The Journey of B&L Family ตอน กระเตงเด็กน้อยวัยขวบครึ่งตะลุยญี่ปุ่น
จากทริปเดินทางของเราสองคน (login เดิม bank113) มาถึงวันที่เปิดบันทึกการเดินทางบทใหม่ของเราสามคนแทน จึงขอเปลี่ยน log in เป็น The Journey of B&L Family มาร่วมติดตามการเดินทางของครอบครัวเรา (ปะป๊าแบงค์ หม่าม้าเล้ง และ หนูเบลล่า) กับทริปการเดินทางของเด็กน้อยขวบครึ่ง ไม่มีรถเข็น ไม่มีเป้อุ้ม ไม่ใช้สลิง ไม่มีตัวแสดงแทน ตะลุยญี่ปุ่น จะสนุกสนานขนาดไหน ทริปต่างประเทศครั้งแรกของเราสามคน จะเป็นอย่างไร มาติดตามลุ้นกันนะครับ ^^
รบกวนขอฝากเวบเพจของผมด้วยนะครับ https://www.facebook.com/BLJourney ขอบคุณครับ
จากความตั้งใจจะพาเจ้าหนูเบลล่าออกทริปต่างประเทศ หลังจากซ้อมในประเทศมาเรียบร้อยแล้ว ญี่ปุ่น คือประเทศแรกที่นึกถึง ทั้งจากความสวยงาม ความเป็นระเบียบ ความสะอาด การเดินทางสะดวก อาหารอร่อย ญี่ปุ่นจึงมาวินอย่างไม่ต้องสงสัย ^^
ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สองของครอบครัวเราที่ไปญี่ปุ่นกันเอง
ครั้งแรกเมื่อประมาณ4ปีที่แล้ว กับทริปโตเกียว โอซากา แบบขำๆ ขอฝากรีวิวเก่าๆไว้ด้วยนะครับ
http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2010/01/E8717467/E8717467.html
http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2010/01/E8719243/E8719243.html
สิ่งพิเศษในครั้งนี้คือมีสมาชิกตัวน้อยผู้ร่วมทริปมาด้วยอีกหนึ่งคน ซึ่งเป็นผู้กำหนดทิศทาง ตารางการเดินทางทั้งหมดของทริปนี้กันเลย มาติดตามกันดูนะครับ แล้วคุณจะรู้ว่าการพาเด็กน้อยขวบครึ่งไปญี่ปุ่นไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย ^^
ญี่ปุ่น ในช่วงปลายปีที่แล้ว อากาศเย็นมาเร็วกว่าที่กำหนด ทำให้มีการคาดว่าซากุระจะบานเร็วขึ้น 2-3สัปดาห์ เราจึงกะว่าจะเดินทางช่วงกลางเดือนมีนาคม เผื่อจะได้สัมผัสความงามของซากุระไปด้วยเลยในทริปนี้ การเดินทางออกต่างประเทศครั้งแรกของเราสามคน จึงต้องมีการวางตารางการเดินทางที่เผื่อสมาชิกตัวน้อยผู้ร่วมทริปมากๆ
ในการจัดทริปพาเด็กน้อยวัยขวบครึ่งไปด้วยนี้ มีสิ่งที่ผมต้องนำมาใช้ในการวางแผนจัดเตรียมทริปนี้อยู่หลายอย่างเลยทีเดียวครับ เกร็ดเล็กๆน้อยๆในการจัดทริปคร่าวๆของผมมีดังนี้ครับ
- สภาพอากาศ สถานที่ที่จะไปต้องไม่หนาวเกินสำหรับเด็กเล็ก เพราะเด็กเล็กๆจะไม่สามารถทนต่อสภาพอากาศที่หนาวเย็นได้นานๆ เกิดเจ็บป่วยไม่สบายตอนอยู่ต่างประเทศคงลำบากแน่ๆ
- เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของเด็ก ในช่วงที่คาดว่าจะไปอากาศน่าจะอยู่ราวๆไม่เกิน15องศา เสื้อผ้าของเบลล่าส่วนใหญ่ผมจะใช้ของUniqlo เสื้อ กางเกงแบบฮีทเทค แล้วก็เสื้อแหนมของเด็กๆ เอาอยู่ครับกับอากาศระดับนี้ แต่ปัญหานิดหน่อยของการหาเสื้อผ้าฮีทเทคของUniqloในไทย อาจจะมีปัญหาเรื่องไซส์ไม่ครบบ้าง ต้องลองหาหลายๆสาขาครับ
- อาหารและนม ผมว่าช่วงที่เหมาะในการเริ่มพาเด็กไปต่างประเทศควรเป็นช่วงที่เค้าทานอาหารหยาบๆแบบของผู้ใหญ่ได้บ้างแล้วครับ สักขวบกว่าๆกำลังโอเค จะได้ทานอาหารตามร้านได้ เพราะคงไม่สะดวกถ้าต้องเอาอาหารแช่แข็งไปอุ่นที่นั่น หรืออาจพกอาหารสำเร็จรูปเช่นพวก พีชชี่ ไฮนซ์ ไปสลับๆบ้างก็พอไหวครับ สำหรับเบลล่านั้นสามารถทานอาหารแบบผู้ใหญ่ได้ และโชคดีที่ไม่แพ้อาหารอะไรเลยไม่ได้เตรียมอาหารไป แต่จะเอาพวกขนมที่ชอบติดไปแทน ส่วนเรื่องนมนั้น เบลล่ายังกินเต้าอยู่จึงทุ่นตรงส่วนนี้ไปได้บ้าง แต่ก็ติดนมแม่สต๊อคไปนิดหน่อย แล้วไปหาซื้อนมกล่องที่นั่นแทน ซึ่งเบลล่าชอบนมกล่องที่ญี่ปุ่นมากๆ
- การเดินทางแต่ละสถานที่ ผมมีแนวทางง่ายๆประมาณนี้ครับ
• การเดินทางพยายามเปลี่ยนสายรถไฟให้น้อยที่สุด นั่งอ้อมได้แต่อย่าขึ้นลงบ่อย
• หลีกเลี่ยง rush hour 7-9โมงเช้า โดยเด็ดขาด เพราะจากคราวที่แล้วที่ได้ไปสัมผัสบรรยากาศปลากระป๋องยามเช้ามาคงไม่สนุกแน่ถ้าต้องพาเบลล่าไปด้วย ส่วน rush hour ช่วงเย็นก็ยังไม่หนักเท่าตอนเช้า
• ตารางการเดินทางหลวมๆ ต้องเผื่อเวลาเบลล่าจะนอน1-2ชั่วโมงในแต่ละวัน เวลาป้อนข้าวมื้อละ30-40นาที
• ร้านอาหารที่จะไป ต้องมีเมนูที่เด็กกินได้ เด็กเล็กยังต้องหลีกเลี่ยงอาหารพวกปลาดิบ อาหารรสเผ็ด อยู่
- สถานที่เที่ยวที่อยากไป ตอนเริ่มจัดทริปก็พยายามกำหนดคร่าวๆมาก่อนครับว่าอยากไปไหน เดินทางอย่างไร มีเด็กไปด้วยสะดวกมั้ย ซึ่งสถานที่ที่ผมกำหนดไว้ในทริปนี้ก็คร่าวๆดังนี้ครับ Disneyland, วัดเซ็นโซจิ, Tokyo Sky Tree, Toy R Us ที่โอไดบะ, Yokohama Hakkeijima Sea Paradise และฟูจิซัง
- โรงแรมที่พัก พยายามอย่าเปลี่ยนหลายที่ มีที่หลักซักที่จะเหมาะกว่า เก็บกระเป๋าเข้าออกทุกคืน เพลียกันแน่ๆครับ อีกอย่างเวลาเช็คอินแต่ละที่จะอยู่ราวๆบ่ายสามโมง ส่วนเช็คเอาท์ก็สิบโมงถึงเที่ยง จะมีช่วงเวลาที่ต่างกันถ้าจะย้ายโรงแรมก็ต้องเอากระเป๋าไปฝากไว้ก่อน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่ควรนำมาตัดสินใจนะครับ
• เดินทางสะดวก
• ใกล้ร้านสะดวกซื้อก็ดีครับ(น้ำ นม ขนม แพมเพิส จะได้หาซื้อได้ง่ายๆ)
• มีบริการรับฝากกระเป๋าไว้ได้ เวลาที่อาจต้องไปค้างที่อื่นบ้างบางคืน ต้องดูดีๆนะครับบางที่รับฝากจริงแต่จะให้วางไว้เฉยๆที่มุมล๊อบบี้ไม่มีใบรับฝากใดๆ ซึ่งอาจเกิดการสูญหายหรือสับเปลี่ยนได้นะครับ
• เรื่องควันบุหรี่หรือกลิ่นบุหรี่ซึ่งจะไม่เหมาะแน่ๆในการพาเด็กเล็กไป โรงแรมบางที่จะปลอดบุหรี่ บางที่จะแบ่งโซนห้อง เวลาจองก็ควรดูดีๆนะครับ
• เครื่องซักผ้า อบผ้า ถ้ามีก็จะสะดวกมากขึ้นในการเตรียมเสื้อผ้า ตลอดจน การเก็บกระเป๋ากลับ
- การจัดกระเป๋า ก่อนอื่นควรเช็คกับสายการบินให้แน่ใจนะครับว่าเราสามารถนำไปได้กี่ใบ ใบละกี่กิโล จะได้วางแผนในการจัดของ
ซื้อของในขากลับได้
• ถุงสูญญากาศ ช่วยในการจัดกระเป๋าได้เยอะเลยครับ เพราะช่วยลดพื้นที่ของเสื้อผ้าแต่ละชุดที่จะใส่ลงกระเป็า ทำให้ใส่ได้มากขึ้น ซึ่งสามารถหาซื้อได้ง่ายๆครับ ตามร้านไดโซะ60บาทก็มีครับ มีให้เลือหลายขนาดตามความเหมาะสมเลยครับ
• ถ้าจะต้องไปพักที่อื่นระหว่างทริปแล้วกลับมาอีกครั้ง แนะนำให้จัดเสื้อผ้าที่จะต้องไปที่อื่นใส่กระเป๋าเล็กไว้ครับ แล้วฝากกระเป๋าใหญ่ไว้ที่โรงแรม นำแต่ใบเล็กติดตัวไป จะสะดวกกว่าครับ
• ถุงพลาสติก นอกเหนือจากนำไปใส่เสื้อผ้าเก่าแล้ว ควรนำถุงใบเล็กๆสำหรับใส่แพมเพิสใช้แล้วก่อนทิ้งถังขยะก็จะดีครับ
• กระเป๋าสำรอง ติดไปใช้เผื่อกระเป๋าจะออกลูกในขากลับนะครับ อันนี้แล้วแต่เทคนิคแต่ละคนเลยครับ จะเอาใบเล็กใส่ใบใหญ่ไป หรือ โหลดกระเป๋าไปต่างหากใช้โควต้ากระเป๋าให้เต็มที่ ^^ ส่วนตัวผมใช้ถุงสายรุ้งครับ ถ้านึกไม่ออกว่าเป็นอย่างไรก็คือถุงที่จะเห็นแม่ค้าใส่ของไปขายกันครับ ถุงใหญ่ๆสีสดๆ ปัจจุบันมีทั้งลายคลาสิค ลายการ์ตูน ให้หาซื้อกันครับ ถ้าไม่รู้จะซื้อที่ไหนที่แมคโครมีนะครับใบใหญ่ประมาณ190บาท
• แพมเพิส ติดไปเผื่อเหลือเผื่อขาดดีๆครับ ของผมตอนแรกเอาไปแบบพอดีๆ กะว่าจะไปหาซื้อที่นู่นเพราะน่าจะถูกกว่า แต่เอาเข้าจริงๆต้องซื้อแพคใหญ่ถึงจะถูก และหาซื้อไม่ง่ายเลยครับ ตามร้านสะดวกซื้อมีบ้างไม่มีบ้างนะครับ แพคเล็กๆราคาก็แพงอยู่
ส่วนอุปกรณ์ที่ต้องจัดเตรียมไปนะครับ ขอเอา check list ของคุณอินมาไว้ให้ตรวจสอบกันตกหล่นกันนะครับ
http://www.2madames.com/checklist-pack-bag
ส่วนเฉพาะเจาะจงของผมนอกเหนือจากที่จัดตามปกติก็มี
• เอกสารการจองโรงแรม รถไฟ รถบัส โรงแรม
• คูปองส่วนลด
• แผนที่รถไฟในโตเกียวหลายใบหน่อย เยินทุกวันเลย http://www.tokyometro.jp/en/subwaymap/pdf/routemap_en.pdf
• แผนที่โรงแรม(คราวที่แล้วพลาด ลืมเอาไปเดินหา งง เลย)
• ลายแทงร้านอาหาร แหล่งช๊อปปิ้ง
• ประกันภัยการเดินทาง
• ยาที่จำเป็นต่างๆ อีนนี้สำคัญมากๆนะครับ ของผู้ใหญ่ก็แก้ไข้ แก้ท้องเสีย แก้แพ้อากาศ ลดน้ำมูก คลายกล้ามเนื้อ ประมาณนี้ ส่วนของเด็กก็ ยาลดไข้ ยาหยดจมูก แอร์เอ็กซ์ ยาแก้ไอ เกลือแร่ซอง ชุดล้างจมูก
• ปรอทวัดไข้ แล้วแต่สะดวกเลยนะครับ ใครมีแบบไหน ยังไง ส่วนตัวผมใช้แบบวัดทางหู วัดได้รวดเร็วกว่า สะดวกกว่า
• ที่ดูดน้ำมูกไฟฟ้า แรงดูดจะสม่ำเสมอ ไม่ระคายเคืองจมูกเท่าใช้คัตต้อนบัต
• ตัวเสียบรูปลั๊กครับ ไปกับเด็กเล็กๆเผลอไม่ได้กันเลยที่เดียว พกไปติดไว้เพื่อความปลอดภัยดีกว่าครับ
• รถเข็น เป้อุ้ม ตามสะดวกครับ น้องๆยอมใช้แบบไหนก็จัดกันไป แต่เบลล่าไม่ยอมสักอย่างก็ไม่ต้องอาไป ^^
• ข้อนี้เป็นoption เสริมครับ เก้าอี้เด็ก ช่วยให้เวลากินข้าวสะดวกขึ้นเยอะเลยครับ ยิ่งถ้าไปกันแค่สามคน เวลากินข้าว อย่าไปคาดหวังว่าทุกร้านจะมีเก้าอี้เด็ก และเก้าอี้เด็กบางร้านก็ไม่มีสายรัด ถ้าเอาติดไปได้โดยเราก็ต้องหัดให้เค้าใช้ให้ชินก่อนด้วยนะครับจะช่วยเวลากินข้าวได้ดีมากๆ ไม่งั้นได้จับ อุ้ม วิ่งไล่ ป้อน กันสนุกแน่ๆ ^^ บางร้านมีเก้าอี้เด็กก็จริงแต่ไม่มีเข็มขัดรัด ดังนั้นถ้าพอเอาไปไหวก็เอาไปครับ ผมใช้รุ่นที่เป็นกระเป๋าใส่ของได้ด้วยครับ ตามรูปเลยครับ กระเป๋าสีส้มๆ
• สายจูง สำหรับน้องๆหนูที่เริ่มเดินเริ่มวิ่ง ใช้สายจูงช่วยจะสะดวกและปลอดภัยมากขึ้นนะครับ ไม่ต้องสนใจใครจะมองว่าเหมือนอะไร ยังไง ถ้าเกิดเราคลาดสายตาแค่ชั่วขณะหรือเผลอลูกหายไป จะมาโทษใครคงไม่ได้ จึงอยากให้มีการป้องกันไว้ก่อน
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น