เห็นภาพโฆษณานี้แล้ว ต้องบอกเลยครับว่า 2 ค่ายนี้ เขาซัดกันสนุกจริงๆ ครับ มาลองดูกัน…
ต้องขอบคุณภาพนี้จาก 9Gag.com ด้วยนะครับ ที่เอามาเปรียบเทียบกันแบบใกล้ชิด
จากภาพนี้ถ้าจะมองกันผ่านๆ ก็อาจคิดว่ามันไม่ได้แตกต่างอะไรกันแต่อย่างใด
แต่เชื่อไหมครับว่า ทั้ง 2 ค่ายนี้ ใช้เทคนิคแก้เกมกันนิดเดียว
แต่ความหมายของภาพกลับเปลี่ยนไปคนละขั้วเลย
มาดูกันครับ ภาพแรกเริ่มจากทางฝั่งของ Pepsi
เป็นภาพของ Pepsi ที่ใส่ผ้าคลุมลาย Coke
และมีข้อความว่า
“We wish you a scary Halloween!”
อารมณ์ประมาณว่า คุณต้องสยองแน่ๆ เมื่อ Pepsi ต้องกลายไปเป็น Coke
COKE มีหรือจะยอม?
แต่พอมาดูทางฝั่งของ Coke เอาคืนบ้าง
ซึ่งเขาใช้รูปภาพเดียวกันเลย องค์ประกอบเดียวกัน
แต่เปลี่ยนข้อความในภาพเป็น
“Everybody wants to be Hero!”
เกมพลิกครับ จากที่แฟนๆ Pepsi จะสยองกับการโดนกลายสภาพเป็น Coke
กลายเป็นแฟนๆ ของ Coke ต้องมาแสดงความสงสารกับ Pepsi
ที่อยากจะทำตัวเองให้กลายเป็น ฮีโร่ในใจผู้คนแทน!!!
กลายเป็นคนละเรื่องเลย!!!
แม้จะใช้ภาพเดียวกัน องค์ประกอบเดียวกัน แต่การเปลี่ยนข้อความเพียงเล็กน้อย
กลับทำให้อารมณ์ ความรู้สึก หรือแม้แต่ความคิด เปลี่ยนแปลงไปคนละเรื่องเลย
และผมจะบอกว่า คุณสามารถสร้างผลลัพธ์ในชีวิตที่ดีขึ้นได้
ด้วยเทคนิคที่ทั้ง 2 บริษัทนี้ ใช้ด้วยครับ !!!!
เทคนิคที่คุณเอาไปใช้ในชีวิตได้
เทคนิคนี้เรียกว่าการ Reframe หรือการเปลี่ยนกรอบใหม่
ซึ่งการเปลี่ยนกรอบจะทำให้ความหมายที่เราได้รับ มันเปลี่ยนแปลงไป
ตัวอย่างของคำพูดที่คุณคงเคยได้ยินมาบ่อยๆ ก็คือ
จะมีความแตกต่างกันระหว่างคนที่พูดว่า…..
“มีน้ำอยู่แค่ครึ่งแก้ว” กับ “มีน้ำอยู่อีกตั้งครึ่งแก้ว”
คน 2 คนนี้ก็จะมีมุมมอง และความรู้สึกต่อน้ำครึ่งแก้วนั้น แตกต่างกัน
เริ่มทำทันที
ครับผม และในชีวิตของเราล่ะครับ!!!
หลายเรื่องที่เรามองว่ามันเป็นเรื่องที่แย่มากๆ
ถ้าเราเปลี่ยนคำพูดใหม่ เพียงไม่กี่คำ เรื่องนั้นก็อาจเป็นเรื่องเล็กๆ ได้ในพริบตา
เหตุการณ์เดียวกัน ใช้คำพูดต่างกัน ส่งผลให้มีความคิดที่แตกต่างกัน
และแน่นอน ย่อมนำไปสู่การลงมือทำที่แตกต่างกันอีกด้วย
เมื่อได้ความรู้นี้ไปแล้ว ลองนำเอาไปใช้กับชีวิตของคุณตั้งแต่วันนี้เลยครับ
รับรอง คุณจะตื่นเต้นกับผลลัพธ์สุดมหัศจรรย์ ที่เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายแน่ๆ ครับ
บทเรียนชีวิตจากโฆษณา COKE VS PEPSI
ต้องขอบคุณภาพนี้จาก 9Gag.com ด้วยนะครับ ที่เอามาเปรียบเทียบกันแบบใกล้ชิด
จากภาพนี้ถ้าจะมองกันผ่านๆ ก็อาจคิดว่ามันไม่ได้แตกต่างอะไรกันแต่อย่างใด
แต่เชื่อไหมครับว่า ทั้ง 2 ค่ายนี้ ใช้เทคนิคแก้เกมกันนิดเดียว
แต่ความหมายของภาพกลับเปลี่ยนไปคนละขั้วเลย
มาดูกันครับ ภาพแรกเริ่มจากทางฝั่งของ Pepsi
เป็นภาพของ Pepsi ที่ใส่ผ้าคลุมลาย Coke
และมีข้อความว่า “We wish you a scary Halloween!”
อารมณ์ประมาณว่า คุณต้องสยองแน่ๆ เมื่อ Pepsi ต้องกลายไปเป็น Coke
COKE มีหรือจะยอม?
แต่พอมาดูทางฝั่งของ Coke เอาคืนบ้าง
ซึ่งเขาใช้รูปภาพเดียวกันเลย องค์ประกอบเดียวกัน
แต่เปลี่ยนข้อความในภาพเป็น “Everybody wants to be Hero!”
เกมพลิกครับ จากที่แฟนๆ Pepsi จะสยองกับการโดนกลายสภาพเป็น Coke
กลายเป็นแฟนๆ ของ Coke ต้องมาแสดงความสงสารกับ Pepsi
ที่อยากจะทำตัวเองให้กลายเป็น ฮีโร่ในใจผู้คนแทน!!!
กลายเป็นคนละเรื่องเลย!!!
แม้จะใช้ภาพเดียวกัน องค์ประกอบเดียวกัน แต่การเปลี่ยนข้อความเพียงเล็กน้อย
กลับทำให้อารมณ์ ความรู้สึก หรือแม้แต่ความคิด เปลี่ยนแปลงไปคนละเรื่องเลย
และผมจะบอกว่า คุณสามารถสร้างผลลัพธ์ในชีวิตที่ดีขึ้นได้
ด้วยเทคนิคที่ทั้ง 2 บริษัทนี้ ใช้ด้วยครับ !!!!
เทคนิคที่คุณเอาไปใช้ในชีวิตได้
เทคนิคนี้เรียกว่าการ Reframe หรือการเปลี่ยนกรอบใหม่
ซึ่งการเปลี่ยนกรอบจะทำให้ความหมายที่เราได้รับ มันเปลี่ยนแปลงไป
ตัวอย่างของคำพูดที่คุณคงเคยได้ยินมาบ่อยๆ ก็คือ
จะมีความแตกต่างกันระหว่างคนที่พูดว่า…..
“มีน้ำอยู่แค่ครึ่งแก้ว” กับ “มีน้ำอยู่อีกตั้งครึ่งแก้ว”
คน 2 คนนี้ก็จะมีมุมมอง และความรู้สึกต่อน้ำครึ่งแก้วนั้น แตกต่างกัน
เริ่มทำทันที
ครับผม และในชีวิตของเราล่ะครับ!!!
หลายเรื่องที่เรามองว่ามันเป็นเรื่องที่แย่มากๆ
ถ้าเราเปลี่ยนคำพูดใหม่ เพียงไม่กี่คำ เรื่องนั้นก็อาจเป็นเรื่องเล็กๆ ได้ในพริบตา
เหตุการณ์เดียวกัน ใช้คำพูดต่างกัน ส่งผลให้มีความคิดที่แตกต่างกัน
และแน่นอน ย่อมนำไปสู่การลงมือทำที่แตกต่างกันอีกด้วย
เมื่อได้ความรู้นี้ไปแล้ว ลองนำเอาไปใช้กับชีวิตของคุณตั้งแต่วันนี้เลยครับ
รับรอง คุณจะตื่นเต้นกับผลลัพธ์สุดมหัศจรรย์ ที่เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายแน่ๆ ครับ