จากกระทู้ดรีมทีม
http://pantip.com/topic/32024866
ผมเองก็ชอบทีมชาติไทยนะ เชียร์บอลไทยมากกว่าบอลนอก
แต่ไม่ถึงขนาดแฟนพันธ์แท้ เลยตั้งกระทู้ทบทวนความทรงจำของตัวเอง
เกี่ยวกับบอลไทยซะหน่อย เป็นความจำล้วนๆ อาจจะผิดบ้าง
ยังไงก็รบกวนติติงได้นะครับ
ผมขอแบ่งเป็นยุคๆแล้วกันจะได้อธิบายง่าย จำเปีพ.ศไม่แม่น
1 ยุคอัฉริยะ
ผมเกิดมาในยุคที่ปิยะพงษ์เรืองอำนาจ ตอนนั้นฟุตยอลไทยไม่มีใครเกิน
ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ดังขนาดที่ว่าน้องชายผมก็ชื่อปิยะพงษ์ ตอนนั้นทีมชาติไทยเตะ
เมื่อไหร่สนามแตก คนดูเยอะมาก และทีวีก็ถ่ายทอดทีมชาติเตะตลอด
ยุคนี้มาเสื่อมเมื่อตอนแพ้มาเลเซียในซีเกม ตอนนั้นปิยพงษ์ต้องไปสาบานหน้า
พระแก้วมรกตว่าไม่ได้ล้มบอล ศรัพธาแฟนบอลก็เริ่มซา ประกอบกับนักเตะ
เริ่มโรยรา เริ่มมีเสียงบ่นทีมชาติไม่ฟิต วิ่งไม่ครบ 90 นาที ซึ่งมันก็จริงแหละ
ในยุคนั้นนักเตะเราเก่งเยอะนะ แต่ตัวเล็ก และไม่ได้เป็นฟุตบอลอาชีพเท่าไหร่
2 ยุคดรีมทีม (ผมขอเรียกยุคเด็กเส้น)
พอปิยะพงษ์เริ่มโรยรา เราก็เริ่มหานักเตะหน้าใหม่มาทดแทน โดยเปลี่ยนแปรง
การเก็บตัวใหม่ด้วย คือไม่สังกัดสโมสร กินอยู่ในแค้มทีมชาติเลย การคัดนักเตะ
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถ แต่ขึ้นอยุ่กับความพอใจของบิ๊กหอย นั่นคือที่มาของ
ดรีมทีม สาเหตุที่ตั้งชื่อว่าดรีมทีม เพราะโอลิมปิคประกาศให้นักบาสอาชีพสามารถ
ลงแข่งในโอลิมปิคได้ เราจึงได้เห็นนักบาสดังๆในสหรัฐที่ปกติอยู่คนละทีมเข้ามารวมทีม
กันในทีมชาติสหรัฐ เป็นชื่อที่ฟีเวอร์มากในสมัยนั้น เราก็เลยเอากะเค้าด้วยจะได้ไม่ตกยุค
จริงๆแล้วดรีมทีมมีดีแค่การตลาดเท่านั้น อวยกันเองจนเก่งเวอร์ สมัยนั้นไม่มีเน็ต
ให้ค้นข้อมูลแบบสมัยนี้ ทีมชาติต่างๆที่มาแข่งด้วย ก็ไม่รู้ทีมชาติจริงๆรึเปล่า
จะเห็นได้ว่าเราจะเก่งแต่ในคิงห์คัพ แต่พอเตะระดับเอเชียจริงๆก็เป็นตัวแจกแต้มตลอด
ยุคนี้มีข้อดีคือเด็กขยันวิ่ง กับขยันโปรโมทตามทีวี แต่ข้อเสียคือคนที่เก่งจริงๆไม่ติดทีมชาติ
เพราะบิ๊กหอยแกไม่ปลื้มใครนอกจากเด็กตัวเอง จนโดนญี่ปุ่นมาสอนบอลในบ้าน 5-0
นั่นก็ถึงการจบยุคเด็กเส้น
3 ยุคปีเตอร์วิท
หลังจากดรีมทีม หรือทีมแห่งความฝันกลายสภาพเป็นทีมฝันกลางวัน ฟุตบอลไทยก็เริ่มตกต่ำ
แต่เหมือนเทพีแห่งโชคจะเข้าข้างเราอยู่บ้าง ตอนนั้นอังกฤษเสนอตัวเป็นเจ้าภาพบอลโลก
ต้องการคะแนนเสียงจากประเทศไหย เลยส่งโค้ชนามปีเตอร์วิทมาให้เป็นของขวัญ
ปีเตอร์วิท แกเป็นโค้ชสไตร์อังฤษแท้ๆ เข้ามาปรับทีมของบิ๊กหอยใหม่ โล๊ะของเก่าออกจน
เกือบหมด แล้วดึงนักเตะฝีเท้าดีเข้ามา เราเริ่มเห็นนักบอลชื่อแปลกๆตอนยุคปีเตอร์วิทนี่แหละ
คือจะไม่ฟิกว่าใครจะติดทีมชาติเหมือนเก่า เป็นยุคที่บอลทีมชาติเก่งที่สุด เพราะมีการเข้าทำ
ที่แน่นอน คือสไตร์โยนแล้วกองหน้าวิ่งชาร์ต และมีตัวฟรีคิกที่เด็ดขาด แต่ขณะที่บอลไทย
กำลังจะรุ่งเรื่องก็ต้องล่มไปซะก่อนเนื่องจากปีเตอร์วิทแกไม่กินเส้นกับสมาคมฟุตบอลไทย
ประกอบกับอังกฤษไม่ได้เป็นเจ้าภาพบอลโลก เลยต้องลาจากกันไม่ค่อยดีนัก
4 ยุคมืด
หลังจากสมาคมฟุตบอลไทยปลดปีเตอร์วิทได้สมใจด้วยข้อหากกากๆ(ผมไม่อยากเอ่ยถึง อุบาทย์เกินจะพิมพ์)
สมาคมเห็นแล้วว่าโค้ชที่เหมาะกับฟุตบอลไทยต้องเป็นคนไทย(จะได้ไม่ต้องมาหือเหมือนปีเตอร์วิท)
จึงแต่งตั้งโค้ชชาญวิทย์ โค้ชมหัศจรรย์ ผู้ที่สามารถทำให้เด็กอายุ 20+ ลงแข่งในบอลเยาวชนอายุไม่เกิน 16
ได้ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม เจ้าของประโยคคลาสสิค "เรามาถูกทางแล้ว" ซึ่งคาดว่า
แกน่าจะหมายถึงทางลงนรก เพราะอันดับฟีฟ่าของไทยเริ่มดิ่งเหว แฟนบอลเริ่มถดถอย หมอลำซิ่งแถวบ้านยัง
มีคนดูมากกว่าบอลทีมชาติ สมาคมเห็นท่าจะไม่ดีจึงเปลี่ยนเป็นโค้ชชาวต่างชาติที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อม
เช่นสมาคมสามารถก้าวก่ายงานได้ 100% ห้ามเถียงสมาคม ห้ามให้ข่าวทางลบแก่สมาคมเป็นต้น
ถ้าใครฝ่าฝีนโดนเด้งทันทีเช่นวินฟริด เชพเฟอร์เป็นต้น
5 ยุคไทยลีค
ยุคนี้พึ่งเริ่มมาได้ไม่กี่ปี คนไทยเบื่อหน่ายกับทีมชาติเพราะแข่งทีไรมีแต่แพ้ ประกอบกับอินเตอร์เน็ต
เข้ามามีบทบาท การจะสั่งทีมชาติมั่วๆมาสร้างกระแสแบบยุคดรีมทีมก็ทำไม่ได้ ทีมชาติไทยจึงไม่
ต่างอะไรกับทีม อบต. คือแข่งเองเชียร์เองไม่มีใครดู แต่คนไทยก็ยังบ้าฟุตบอลอยู่ เมื่อทีมชาติ
ไม่ได้ดั่งใจ งั้นมาเชียร์ทีมลีคดีกว่า ต้องขอบคุณ AFC ที่ลงยาแรงให้สโมศรของไทยมีมาตฐาน
ระดับสากล ทีมในไทยลีคพัฒนาขึ้นเร็วมาก จากเมื่อก่อนมีทีมใหญ่ๆ 2-3 ทีม แต่ปัจจุบันทีมใหญ่ๆ
เริ่มจะมีมากขึ้น และการแข่งขันในลีคสนุกกว่าทีมชาติแข่งซะอีก แถมนักเตะไม่กระสันอยากจะติด
ทีมชาติเหมือนเมื่อก่อน จะเห็นว่านักเตะเก่งๆหลายคนเจ็บตอนทีมชาติแข่งตลอด อาจจะเพราะฟุตบอล
สามารถสร้างรายได้มากกว่าที่จะไปง้อสมาคมเหมือนแต่ก่อน หรือจะเพราะสมาคมกับทีมในลีค
ไม่กินเส้นกันก็แล้วแต่ แต่ก็เป็นยุคตั้งไข่ของฟุตบอลไทยสมัยใหม่
ใครจะว่าผมฝันผมเพ้อยังไงก็ได้ ผมเชื่อว่าถ้าไทยลีคยังคงบูมอย่างต่อเนื่อง เราน่าจะได้ไปบอลโลก
อีกใน 3 สมัยข้างหน้าอย่างแน่นอน ถึงในทีมชาติจะอยู่ในยุคมืด แต่เรายังมียุคไทยลีคที่ส่อง
ประกาย เรายังมีหลังอยู่แน่นอน
ฟุตบอลไทยในความทรงจำของผม
ผมเองก็ชอบทีมชาติไทยนะ เชียร์บอลไทยมากกว่าบอลนอก
แต่ไม่ถึงขนาดแฟนพันธ์แท้ เลยตั้งกระทู้ทบทวนความทรงจำของตัวเอง
เกี่ยวกับบอลไทยซะหน่อย เป็นความจำล้วนๆ อาจจะผิดบ้าง
ยังไงก็รบกวนติติงได้นะครับ
ผมขอแบ่งเป็นยุคๆแล้วกันจะได้อธิบายง่าย จำเปีพ.ศไม่แม่น
1 ยุคอัฉริยะ
ผมเกิดมาในยุคที่ปิยะพงษ์เรืองอำนาจ ตอนนั้นฟุตยอลไทยไม่มีใครเกิน
ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ดังขนาดที่ว่าน้องชายผมก็ชื่อปิยะพงษ์ ตอนนั้นทีมชาติไทยเตะ
เมื่อไหร่สนามแตก คนดูเยอะมาก และทีวีก็ถ่ายทอดทีมชาติเตะตลอด
ยุคนี้มาเสื่อมเมื่อตอนแพ้มาเลเซียในซีเกม ตอนนั้นปิยพงษ์ต้องไปสาบานหน้า
พระแก้วมรกตว่าไม่ได้ล้มบอล ศรัพธาแฟนบอลก็เริ่มซา ประกอบกับนักเตะ
เริ่มโรยรา เริ่มมีเสียงบ่นทีมชาติไม่ฟิต วิ่งไม่ครบ 90 นาที ซึ่งมันก็จริงแหละ
ในยุคนั้นนักเตะเราเก่งเยอะนะ แต่ตัวเล็ก และไม่ได้เป็นฟุตบอลอาชีพเท่าไหร่
2 ยุคดรีมทีม (ผมขอเรียกยุคเด็กเส้น)
พอปิยะพงษ์เริ่มโรยรา เราก็เริ่มหานักเตะหน้าใหม่มาทดแทน โดยเปลี่ยนแปรง
การเก็บตัวใหม่ด้วย คือไม่สังกัดสโมสร กินอยู่ในแค้มทีมชาติเลย การคัดนักเตะ
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถ แต่ขึ้นอยุ่กับความพอใจของบิ๊กหอย นั่นคือที่มาของ
ดรีมทีม สาเหตุที่ตั้งชื่อว่าดรีมทีม เพราะโอลิมปิคประกาศให้นักบาสอาชีพสามารถ
ลงแข่งในโอลิมปิคได้ เราจึงได้เห็นนักบาสดังๆในสหรัฐที่ปกติอยู่คนละทีมเข้ามารวมทีม
กันในทีมชาติสหรัฐ เป็นชื่อที่ฟีเวอร์มากในสมัยนั้น เราก็เลยเอากะเค้าด้วยจะได้ไม่ตกยุค
จริงๆแล้วดรีมทีมมีดีแค่การตลาดเท่านั้น อวยกันเองจนเก่งเวอร์ สมัยนั้นไม่มีเน็ต
ให้ค้นข้อมูลแบบสมัยนี้ ทีมชาติต่างๆที่มาแข่งด้วย ก็ไม่รู้ทีมชาติจริงๆรึเปล่า
จะเห็นได้ว่าเราจะเก่งแต่ในคิงห์คัพ แต่พอเตะระดับเอเชียจริงๆก็เป็นตัวแจกแต้มตลอด
ยุคนี้มีข้อดีคือเด็กขยันวิ่ง กับขยันโปรโมทตามทีวี แต่ข้อเสียคือคนที่เก่งจริงๆไม่ติดทีมชาติ
เพราะบิ๊กหอยแกไม่ปลื้มใครนอกจากเด็กตัวเอง จนโดนญี่ปุ่นมาสอนบอลในบ้าน 5-0
นั่นก็ถึงการจบยุคเด็กเส้น
3 ยุคปีเตอร์วิท
หลังจากดรีมทีม หรือทีมแห่งความฝันกลายสภาพเป็นทีมฝันกลางวัน ฟุตบอลไทยก็เริ่มตกต่ำ
แต่เหมือนเทพีแห่งโชคจะเข้าข้างเราอยู่บ้าง ตอนนั้นอังกฤษเสนอตัวเป็นเจ้าภาพบอลโลก
ต้องการคะแนนเสียงจากประเทศไหย เลยส่งโค้ชนามปีเตอร์วิทมาให้เป็นของขวัญ
ปีเตอร์วิท แกเป็นโค้ชสไตร์อังฤษแท้ๆ เข้ามาปรับทีมของบิ๊กหอยใหม่ โล๊ะของเก่าออกจน
เกือบหมด แล้วดึงนักเตะฝีเท้าดีเข้ามา เราเริ่มเห็นนักบอลชื่อแปลกๆตอนยุคปีเตอร์วิทนี่แหละ
คือจะไม่ฟิกว่าใครจะติดทีมชาติเหมือนเก่า เป็นยุคที่บอลทีมชาติเก่งที่สุด เพราะมีการเข้าทำ
ที่แน่นอน คือสไตร์โยนแล้วกองหน้าวิ่งชาร์ต และมีตัวฟรีคิกที่เด็ดขาด แต่ขณะที่บอลไทย
กำลังจะรุ่งเรื่องก็ต้องล่มไปซะก่อนเนื่องจากปีเตอร์วิทแกไม่กินเส้นกับสมาคมฟุตบอลไทย
ประกอบกับอังกฤษไม่ได้เป็นเจ้าภาพบอลโลก เลยต้องลาจากกันไม่ค่อยดีนัก
4 ยุคมืด
หลังจากสมาคมฟุตบอลไทยปลดปีเตอร์วิทได้สมใจด้วยข้อหากกากๆ(ผมไม่อยากเอ่ยถึง อุบาทย์เกินจะพิมพ์)
สมาคมเห็นแล้วว่าโค้ชที่เหมาะกับฟุตบอลไทยต้องเป็นคนไทย(จะได้ไม่ต้องมาหือเหมือนปีเตอร์วิท)
จึงแต่งตั้งโค้ชชาญวิทย์ โค้ชมหัศจรรย์ ผู้ที่สามารถทำให้เด็กอายุ 20+ ลงแข่งในบอลเยาวชนอายุไม่เกิน 16
ได้ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม เจ้าของประโยคคลาสสิค "เรามาถูกทางแล้ว" ซึ่งคาดว่า
แกน่าจะหมายถึงทางลงนรก เพราะอันดับฟีฟ่าของไทยเริ่มดิ่งเหว แฟนบอลเริ่มถดถอย หมอลำซิ่งแถวบ้านยัง
มีคนดูมากกว่าบอลทีมชาติ สมาคมเห็นท่าจะไม่ดีจึงเปลี่ยนเป็นโค้ชชาวต่างชาติที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อม
เช่นสมาคมสามารถก้าวก่ายงานได้ 100% ห้ามเถียงสมาคม ห้ามให้ข่าวทางลบแก่สมาคมเป็นต้น
ถ้าใครฝ่าฝีนโดนเด้งทันทีเช่นวินฟริด เชพเฟอร์เป็นต้น
5 ยุคไทยลีค
ยุคนี้พึ่งเริ่มมาได้ไม่กี่ปี คนไทยเบื่อหน่ายกับทีมชาติเพราะแข่งทีไรมีแต่แพ้ ประกอบกับอินเตอร์เน็ต
เข้ามามีบทบาท การจะสั่งทีมชาติมั่วๆมาสร้างกระแสแบบยุคดรีมทีมก็ทำไม่ได้ ทีมชาติไทยจึงไม่
ต่างอะไรกับทีม อบต. คือแข่งเองเชียร์เองไม่มีใครดู แต่คนไทยก็ยังบ้าฟุตบอลอยู่ เมื่อทีมชาติ
ไม่ได้ดั่งใจ งั้นมาเชียร์ทีมลีคดีกว่า ต้องขอบคุณ AFC ที่ลงยาแรงให้สโมศรของไทยมีมาตฐาน
ระดับสากล ทีมในไทยลีคพัฒนาขึ้นเร็วมาก จากเมื่อก่อนมีทีมใหญ่ๆ 2-3 ทีม แต่ปัจจุบันทีมใหญ่ๆ
เริ่มจะมีมากขึ้น และการแข่งขันในลีคสนุกกว่าทีมชาติแข่งซะอีก แถมนักเตะไม่กระสันอยากจะติด
ทีมชาติเหมือนเมื่อก่อน จะเห็นว่านักเตะเก่งๆหลายคนเจ็บตอนทีมชาติแข่งตลอด อาจจะเพราะฟุตบอล
สามารถสร้างรายได้มากกว่าที่จะไปง้อสมาคมเหมือนแต่ก่อน หรือจะเพราะสมาคมกับทีมในลีค
ไม่กินเส้นกันก็แล้วแต่ แต่ก็เป็นยุคตั้งไข่ของฟุตบอลไทยสมัยใหม่
ใครจะว่าผมฝันผมเพ้อยังไงก็ได้ ผมเชื่อว่าถ้าไทยลีคยังคงบูมอย่างต่อเนื่อง เราน่าจะได้ไปบอลโลก
อีกใน 3 สมัยข้างหน้าอย่างแน่นอน ถึงในทีมชาติจะอยู่ในยุคมืด แต่เรายังมียุคไทยลีคที่ส่อง
ประกาย เรายังมีหลังอยู่แน่นอน