คำเตือน
การกระทำของจขกทเป็นเรื่องฝ่าฝืนกฏหมาย ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง จุดประสงค์ในเล่าเผยแพร่เพื่อความบันเทิง(ขำๆ)เท่านั้น
ห้ามลอกเลียนแบบ
สดๆร้อนๆเมื่อ10โมงวันนี้
สถานที่เกิดเหตุ ที่จ.พิษณุโลก ณ สี่แยกที่เป็นแลนด์มาร์คำสำคัญของจังหวัด "สี่แยกบ้านคลอง" คนจังหวัดใกล้เคียงที่เดินทางบ่อยๆอาจเคยได้ยิน เพราะเป็นสี่แยกทางผ่านข้ามจังหวัดอันสำคัญในแถบภาคเหนือตอนล่างนี้ จะขึ้นเหนือ ลงใต้ ออกอีสาน ก็ต้องขับผ่านสี่แยกนี้ แล้วเผอิญบ้านผมก็อยู่แถวๆนั้น
แผนที่อ้างอิงการปฏิบัติการ ต้องดูประกอบการบรรยายนะจ้ะ
ผมก็ใช้ชีวิตเยี่ยงปุถุชนทั่วไป ไม่ได้ดีเลิศ แต่ก็ไม่ถึงตกต่ำ รุ่งเช้าผมขับมอไซก๋องแก๋งออกไปหาข้าวเช้ากิน มอไซเจ้ากรรมน้ำมันใกล้จะหมด ผมจึงขับไปเติมน้ำมันที่ปั๊ม ซึ่งต้องขับผ่านสี่แยกเข้าไปในเมืองถึงจะเจอปั๊มที่ใลก้บ้านผมสุด แล้วผมก็ยูเทิร์นกลับมาเพื่อหาข้าวกินแถวๆสี่แยกบ้านคลองนั่นแหละ ตอนนั้นผมยังไม่ได้คิดว่าจะกินอะไดีด้วยซ้ำ ประมาณว่าขับไปคิดไป (ดูเส้นสีม่วงประกอบ)
ก่อนถึงสี่แยก จะมีทางเบี่ยงเข้าไปในตลาดเทศบาลแถวนั้น (สีเขียว) และแล้วก็มาถึงแดนประหาร..... "ด่านดักหมวก" เจ้าข้าเอ้ยยยย แถวคราวนี้ ไม่ใช่แค่โบกไถมอไซเท่านั้น เพราะเหล่าลูกเสือสองขามีการตั้งกรวยเพื่อ "ดักเข็มขัดนิรภัย" รถยนต์ด้วย โอววว แม้จ้าว ผมก็ไม่ได้ใส่หมวกซะด้วย ก็แค่ขับรถไปหาข้าวกินเองนี่หว่า (ดูเส้นสีน้ำตาล)
เย็นนี้ผมนัดเพื่อไปดูก็อดซิลล่า แถมเพิ่งซื้อ dark souls 2 ไปซะอีกนับว่าจนมากๆเดือนนี้ 300เป็นจำนวนเงินที่ผมคงไม่ยอมเสียเดินขาด หรือต่อให้รวยกว่านี้ ยังผมก็ไม่ยมอเสียค่าปรับแน่ๆ (อย่าเอาเยี่ยงอย่าง) แต่ปัญหาคือ กว่าผมจะรู้ตัวว่ามีด่าน มันก็ใกล้เกินไปซะแล้ว แถมที่สำคัญ ล่วงหน้าจากด่านไปอีกหน่อย มีพี่หัวปิงปองแกยืนดูลาดเลาคนนึง (ดูจุดสีน้ำตาล) ซึ่งผมก็ขี่ผ่านพี่แกไปแล้ว!!! แต่จะเดินหน้าต่อไป ก็โดนต้อนเข้าเล้าแน่ๆ แต่ถ้ากลับรถแล้วขับสวนเลนกลับออกไป พี่หัวปิงปองที่ดูลาดเลาแกต้องจับได้ว่าผมหนี แล้วก็โดนโบกอยู่ดีแหงมๆ เรียกได้ว่าผมกำลังติดอยู่ในคีมหนีบมรณะโดยแท้
ผมจึงไม่มีทางเลือกในเชิงยุทธวิธีในการออกจากสถานการณ์นี้ จึงได้แต่ "เตะถ่วง" ไว้ก่อน โชคดีที่ตรงนั้นมีร้านขายเครื่องเกษตรใหญ่ๆที่มีคนเข้าออกอยู่เยอะ ผมจึง "ทำตัว" เป็นคนแถวๆนั้น ขับรถขึ้นฟุตบาธแล้วไปจอดหน้าร้านเครื่องเกษตร ประหนึ่งว่าเป็นคนของร้านไๆม่ก็ลูกค้า ส่วนพี่หัวปิงปองที่ที่ดูลาดเลายังไม่ผิดสังเกตผม
เนื่องจากผมยังไม่กินข้าว จึงตัดสินใจว่าต้องหาข้าวกิน จิบน้ำเย็นๆซักหน่อยแล้วค่อยคิด จึงได้ "เดินเท้า" ไปหาร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อดังแถวนั้นเพื่อเติมพลังซะก่อน (ดูสีชมพู) ซึ่งแน่นอน ผมต้องเดินผ่านด่าน ขุ่นพระ บรรยากาศประมาณสาบลับแทรกซึมหลังแนวข้าศึกมากๆ ทั้งคนขับสองล้อและสี่ล้อผู้โชคร้าย ยืนต่อคิวเข้าหาโต๊ะจ่ายค่ากระทิงแดง....เอ้ยค่าปรับกันให้สลอน ผมก็เกือบต้องต่อแถวนี้ด้วยซะแล้ว
ต้องเดินเฉี่ยวไหล่เหล่าสีเลือดหมูคนแล้วคนเล่าพร้อมค่าหัว300ติดตัวนี่เป็นอะไรที่ระทึกมาก ประหนึ่งว่าตัวเองเป็นคนร้ายหนีคดีก็มิปาน..... เออตูก็หนีคดีอยู่จริงๆนี่หว่า ถ้าว่าตามกฏหมายอ่ะนะ เรือหายล่ะ เราเป็นอาชญากรไปซะแล้ว แต่ยังดีที่ไม่มีตำรวจคนไหนจับพิรุธผมได้
หมี่เหลืองหมูตุ๋นสองชาม น้ำเย็นๆ กับเวลาสิบกว่านาทีทำให้ผมค่อยคิดอะไรออก คือจริงๆแล้วเส้นทางอื่นที่จะกลับบ้านผมโดยไม่ผ่านสี่แยกมันก็มีเยอะแยะ แต่คำสำคัญมันไปอยู่ที่ "ต้องย้อนกลับไป" ทั้งหมด ดังนั้นหัวใจของปัญหาคือที่จะเอารถขับย้อนศรผ่านคนที่ดูลาดเลาไปได้ยังไง
ณ ตรงนี้ผมจึงได้หยิบเอาความสามารถที่ได้เรียนรู้จากวิดีโอเกมมาใช้ ใน Metal Gear Solid เมื่อคุณค้นพบศัตรู และจำเป็นต้องลักลอบฝ่าไป สิ่งแรกที่ "คุณต้องสังเกตพฤติกรรม" ของเป้าหมาย เพื่อเรียนรู้รูปแบบมุมมองตรวจจับและการเคลื่อนคนคนที่เฝ้าระวังก่อนจะหาช่องว่างแล้วแอบเข้าไป ผมไม่รู้ว่าคนดูลาดเลาคนนี้ เป็นลักษณะอยู่ยาม (Guard) หรือลาดตระเวน (Patrol) ถ้าเป็นลาดตระเวน ก็ย่อมมีการเคลื่อนที่ไปมา และเกิดจังหวะให้ผมพอจะชิงมอไซแล้วขับย้อนศรหนีออกมาได้ ผมจึงเคลื่อนกำลังแบบจับตาดูห่างๆ ด้วยการข้ามถนนไปอีกฟากแล้วเดินย้อนกลับไปยังจุดที่คนดูลาดเลาอยู่ แต่จำเป็นต้องอยู่อีกฟาก เพราะถ้าเดินย้อนกลับไปทางเดิมฟากเดิมอาจมีพิรุธได้ (ดูเส้นสีส้มต่อ)
ผมอยู่อีกฟากที่คนดูลาดเลาคนนั้นอยู่ (ดูกากบาทสีส้ม) และตัดสินใจเฝ้าดูว่าหัวปิงปองคนนี้อยู่ยามกับที่ไม่ไปไหน หรือมีการเคลื่อนที่สังเกตการณ์ไปมา การจับตามองข้าศึกเป็นงานอันตรายและต้องอาศัยความใจเย็น ถ้าเขาจำผมได้ตั้งแต่ตอนจอดรถทิ้งไว้ แล้วสังเกตเห็นผมที่ยืนดูจากอีกฟากถนนก็คงจบกัน แต่ในเชิงยุทธวิธี ฝ่ายที่จับจ้องไปที่ๆเดียว(โจมตี) ย่อมได้เปรียบกว่าฝ่ายที่ต้องจับตาดูรอบๆ(ป้องกัน) เขาคงไม่มีทางสังเกตเห็นผมง่ายๆ.....
ซึ่งขั้นตอนนี้ก็กินเวลาอยู่ อากาศก็โคตรร้อน โชคยังดีที่มีร้านขายของให้ผมไปซื้อน้ำมากินได้ เมาเท่นดิวขวดแรกหมดไป ผมจึงสังเกตเห็นได้ว่าคนดูลาดเลาคนนี้ มีการเดินกลับไปหาที่ด่านเป็นบางครั้ง จนเปิดช่องโหว่มากพอที่จะให้ผมชิงมอไซค์แล้วขับย้อนศรหนีออกมาได้โดยที่ไม่มีหัวปิงปองคนไหนเห็น แต่กระนั้นช่วงว่างก็ไม่ได้เปิดนานพอที่จะให้ผมวิ่งข้ามถนนกลับไปเอารถจากจุดที่ผมซุ่มดูอยู่ได้ ผมจึงตัดสินใจซื้อชเวปป์ กับ คาลปิส และเดินเยื้องลงไปเพื่อให้แน่ใจว่าพ้นการมองเห็นของคนดูลาดเลา แล้วข้ามถนนไป
ขั้นตอนสุดท้ายนี้อันตรายสุด คงอันตรายพอๆกับ ปฎิบัติการณ์ Red Wing เลย เพราะช่วงที่นายคนนี้เดินกลับไปที่ด่านไม่มีช่องว่างนานมาก ผมจึงต้องจุดออกตัวให้ใกล้รถที่ โดยที่คนดูลาดเลาคนนี้ต้องไม่เห็นผมด้วย ผมเลือก "ซุ้มไก่ย่างห้าดาว" เป็นจุดซุ่มสุดท้ายนี้ (ดูสีแดง) และคงต้องใช้เวลาซักพักก่อนที่ช่องว่างจะมาถึงอีก ชเวปป์ กับ คาลปิส ที่ผมซื้อจึงมีประโยชน์ตรงนี้
ชเวปป์หมดไป แม่ค้าขายไปไก่ห้าดาวที่เห็นผมยืนข้างๆร้านแกแต่ไปยอมซื้อะไร แถมมีท่าทีลับๆล่อๆแอบบมองตำรวจ ป้าแกก็ไม่ได้พูดอะไร ผมคงเดาว่าแกเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นอยู่ นี่ถ้าป้าแกเป็นสายตำรวจนะ บอกได้เลยว่าาผมโดนโบกไปจ่าย300ไปแล้ว นี่ผมไว้ใจป้าหมดใจเลยนะ
พอคาลปิสพร่องไปครึ่งขวด หัวปิงปองผู้ดูลาดเลาก็เดินกลับไปหาด่านอีกครั้ง ตรงนี้แหละ ระทึกสุด เพราะผมต้องแอบเดินตาม "ย้ำ" แอบเดินตามไป เพราถ้ารอให้พี่แกถึงด่านก่อน แกอาจจะเดินกลับมาทันทีเลยก็เป็นได้ ช่องว่างจะเหลือน้อยลง ผมจึงต้องย่อมตามหลังพี่แกไปเพื่อใช้เวลาของช่องว่านั้นเกิดประโยชนืที่สุด
ถึงรถแล้ว ผมโยนถุงที่ใส่ขวดน้ำที่ซื้อมาลงตะกร้าหน้าแล้วบิดกุญแจ อย่างเดียวที่ผมภาวนาตอนนั้น คือขอให้รถเครื่องฟิต สตาร์ทติดง่าย เหมือนใช้ไดเกีย ผมถีบคันสตาร์ทครั้งเดียว เครื่องติดเลย ผมยูรถออกมาแล้วขับย้อนศรแบบไม่คิดชิวิต ให้ไกลจากตรงนั้นที่สุด แต่ที่ตลกที่สุดรู้มั้ยคือะไร......
ผมไม่ได้เป็นคนเดียวที่อยู่ในสถานการ์นี้น่ะสิ!!!!
พอขับย้อนศรไป ผมเจอคนหลายคน ที่จอดรถข้างถนน ทักผมระหว่างทางที่ขับย้อนศรไปเรื่อยๆ ด้วยคำถามแบบเดียวกัน
"พี่ๆ มีด่านใช่ป่ะ?"
"น้องๆ ตำรวจเลิกด่านรึยัง?"
คนที่ขี่มอไซก็โชคดีไป พอได้ข่าวจากผม ก็ย้อนศรตามกันมาหมด เหลือไว้เพียงคนใช้รถยนต์ที่ต้องเผชิญชะตากรรมต่อไป ขอให้พระเจ้าเมตตาแก่พวกเขาเหล่าด้วยเถิด เอเมน
เวลาปฏิบัติการทั้งหมด ราวๆ หนึ่งชม.
กลับมาถึงบ้านแม่ถาม "เอ็งไปกินข้างถึงจังหวัดไหนมา?"
ข้อคิดสำหรับเรื่องนี้คือ สวมหมวกกันด้วยเน้อ....................... แต่shipหาย บางครั้งตูแค่ขับออกไปหาข้าวกินไปไม่ถึงกิโลฯเลย ร้อนตับแลบแบบนี้ตูขี้เกียจใส่หมวกว้อย อยากรับลม!!!!!
[Metal Gear] สวมบทเสนคในชีวิตจริง!!! ประสบการณ์ภารกิจจารชน ลอบเร้น แฝงกาย เสี่ยงต่อกฏหมายครั้งแรกของผม
การกระทำของจขกทเป็นเรื่องฝ่าฝืนกฏหมาย ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง จุดประสงค์ในเล่าเผยแพร่เพื่อความบันเทิง(ขำๆ)เท่านั้น
ห้ามลอกเลียนแบบ
สดๆร้อนๆเมื่อ10โมงวันนี้
สถานที่เกิดเหตุ ที่จ.พิษณุโลก ณ สี่แยกที่เป็นแลนด์มาร์คำสำคัญของจังหวัด "สี่แยกบ้านคลอง" คนจังหวัดใกล้เคียงที่เดินทางบ่อยๆอาจเคยได้ยิน เพราะเป็นสี่แยกทางผ่านข้ามจังหวัดอันสำคัญในแถบภาคเหนือตอนล่างนี้ จะขึ้นเหนือ ลงใต้ ออกอีสาน ก็ต้องขับผ่านสี่แยกนี้ แล้วเผอิญบ้านผมก็อยู่แถวๆนั้น
แผนที่อ้างอิงการปฏิบัติการ ต้องดูประกอบการบรรยายนะจ้ะ
ผมก็ใช้ชีวิตเยี่ยงปุถุชนทั่วไป ไม่ได้ดีเลิศ แต่ก็ไม่ถึงตกต่ำ รุ่งเช้าผมขับมอไซก๋องแก๋งออกไปหาข้าวเช้ากิน มอไซเจ้ากรรมน้ำมันใกล้จะหมด ผมจึงขับไปเติมน้ำมันที่ปั๊ม ซึ่งต้องขับผ่านสี่แยกเข้าไปในเมืองถึงจะเจอปั๊มที่ใลก้บ้านผมสุด แล้วผมก็ยูเทิร์นกลับมาเพื่อหาข้าวกินแถวๆสี่แยกบ้านคลองนั่นแหละ ตอนนั้นผมยังไม่ได้คิดว่าจะกินอะไดีด้วยซ้ำ ประมาณว่าขับไปคิดไป (ดูเส้นสีม่วงประกอบ)
ก่อนถึงสี่แยก จะมีทางเบี่ยงเข้าไปในตลาดเทศบาลแถวนั้น (สีเขียว) และแล้วก็มาถึงแดนประหาร..... "ด่านดักหมวก" เจ้าข้าเอ้ยยยย แถวคราวนี้ ไม่ใช่แค่โบกไถมอไซเท่านั้น เพราะเหล่าลูกเสือสองขามีการตั้งกรวยเพื่อ "ดักเข็มขัดนิรภัย" รถยนต์ด้วย โอววว แม้จ้าว ผมก็ไม่ได้ใส่หมวกซะด้วย ก็แค่ขับรถไปหาข้าวกินเองนี่หว่า (ดูเส้นสีน้ำตาล)
เย็นนี้ผมนัดเพื่อไปดูก็อดซิลล่า แถมเพิ่งซื้อ dark souls 2 ไปซะอีกนับว่าจนมากๆเดือนนี้ 300เป็นจำนวนเงินที่ผมคงไม่ยอมเสียเดินขาด หรือต่อให้รวยกว่านี้ ยังผมก็ไม่ยมอเสียค่าปรับแน่ๆ (อย่าเอาเยี่ยงอย่าง) แต่ปัญหาคือ กว่าผมจะรู้ตัวว่ามีด่าน มันก็ใกล้เกินไปซะแล้ว แถมที่สำคัญ ล่วงหน้าจากด่านไปอีกหน่อย มีพี่หัวปิงปองแกยืนดูลาดเลาคนนึง (ดูจุดสีน้ำตาล) ซึ่งผมก็ขี่ผ่านพี่แกไปแล้ว!!! แต่จะเดินหน้าต่อไป ก็โดนต้อนเข้าเล้าแน่ๆ แต่ถ้ากลับรถแล้วขับสวนเลนกลับออกไป พี่หัวปิงปองที่ดูลาดเลาแกต้องจับได้ว่าผมหนี แล้วก็โดนโบกอยู่ดีแหงมๆ เรียกได้ว่าผมกำลังติดอยู่ในคีมหนีบมรณะโดยแท้
ผมจึงไม่มีทางเลือกในเชิงยุทธวิธีในการออกจากสถานการณ์นี้ จึงได้แต่ "เตะถ่วง" ไว้ก่อน โชคดีที่ตรงนั้นมีร้านขายเครื่องเกษตรใหญ่ๆที่มีคนเข้าออกอยู่เยอะ ผมจึง "ทำตัว" เป็นคนแถวๆนั้น ขับรถขึ้นฟุตบาธแล้วไปจอดหน้าร้านเครื่องเกษตร ประหนึ่งว่าเป็นคนของร้านไๆม่ก็ลูกค้า ส่วนพี่หัวปิงปองที่ที่ดูลาดเลายังไม่ผิดสังเกตผม
เนื่องจากผมยังไม่กินข้าว จึงตัดสินใจว่าต้องหาข้าวกิน จิบน้ำเย็นๆซักหน่อยแล้วค่อยคิด จึงได้ "เดินเท้า" ไปหาร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อดังแถวนั้นเพื่อเติมพลังซะก่อน (ดูสีชมพู) ซึ่งแน่นอน ผมต้องเดินผ่านด่าน ขุ่นพระ บรรยากาศประมาณสาบลับแทรกซึมหลังแนวข้าศึกมากๆ ทั้งคนขับสองล้อและสี่ล้อผู้โชคร้าย ยืนต่อคิวเข้าหาโต๊ะจ่ายค่ากระทิงแดง....เอ้ยค่าปรับกันให้สลอน ผมก็เกือบต้องต่อแถวนี้ด้วยซะแล้ว
ต้องเดินเฉี่ยวไหล่เหล่าสีเลือดหมูคนแล้วคนเล่าพร้อมค่าหัว300ติดตัวนี่เป็นอะไรที่ระทึกมาก ประหนึ่งว่าตัวเองเป็นคนร้ายหนีคดีก็มิปาน..... เออตูก็หนีคดีอยู่จริงๆนี่หว่า ถ้าว่าตามกฏหมายอ่ะนะ เรือหายล่ะ เราเป็นอาชญากรไปซะแล้ว แต่ยังดีที่ไม่มีตำรวจคนไหนจับพิรุธผมได้
หมี่เหลืองหมูตุ๋นสองชาม น้ำเย็นๆ กับเวลาสิบกว่านาทีทำให้ผมค่อยคิดอะไรออก คือจริงๆแล้วเส้นทางอื่นที่จะกลับบ้านผมโดยไม่ผ่านสี่แยกมันก็มีเยอะแยะ แต่คำสำคัญมันไปอยู่ที่ "ต้องย้อนกลับไป" ทั้งหมด ดังนั้นหัวใจของปัญหาคือที่จะเอารถขับย้อนศรผ่านคนที่ดูลาดเลาไปได้ยังไง
ณ ตรงนี้ผมจึงได้หยิบเอาความสามารถที่ได้เรียนรู้จากวิดีโอเกมมาใช้ ใน Metal Gear Solid เมื่อคุณค้นพบศัตรู และจำเป็นต้องลักลอบฝ่าไป สิ่งแรกที่ "คุณต้องสังเกตพฤติกรรม" ของเป้าหมาย เพื่อเรียนรู้รูปแบบมุมมองตรวจจับและการเคลื่อนคนคนที่เฝ้าระวังก่อนจะหาช่องว่างแล้วแอบเข้าไป ผมไม่รู้ว่าคนดูลาดเลาคนนี้ เป็นลักษณะอยู่ยาม (Guard) หรือลาดตระเวน (Patrol) ถ้าเป็นลาดตระเวน ก็ย่อมมีการเคลื่อนที่ไปมา และเกิดจังหวะให้ผมพอจะชิงมอไซแล้วขับย้อนศรหนีออกมาได้ ผมจึงเคลื่อนกำลังแบบจับตาดูห่างๆ ด้วยการข้ามถนนไปอีกฟากแล้วเดินย้อนกลับไปยังจุดที่คนดูลาดเลาอยู่ แต่จำเป็นต้องอยู่อีกฟาก เพราะถ้าเดินย้อนกลับไปทางเดิมฟากเดิมอาจมีพิรุธได้ (ดูเส้นสีส้มต่อ)
ผมอยู่อีกฟากที่คนดูลาดเลาคนนั้นอยู่ (ดูกากบาทสีส้ม) และตัดสินใจเฝ้าดูว่าหัวปิงปองคนนี้อยู่ยามกับที่ไม่ไปไหน หรือมีการเคลื่อนที่สังเกตการณ์ไปมา การจับตามองข้าศึกเป็นงานอันตรายและต้องอาศัยความใจเย็น ถ้าเขาจำผมได้ตั้งแต่ตอนจอดรถทิ้งไว้ แล้วสังเกตเห็นผมที่ยืนดูจากอีกฟากถนนก็คงจบกัน แต่ในเชิงยุทธวิธี ฝ่ายที่จับจ้องไปที่ๆเดียว(โจมตี) ย่อมได้เปรียบกว่าฝ่ายที่ต้องจับตาดูรอบๆ(ป้องกัน) เขาคงไม่มีทางสังเกตเห็นผมง่ายๆ.....
ซึ่งขั้นตอนนี้ก็กินเวลาอยู่ อากาศก็โคตรร้อน โชคยังดีที่มีร้านขายของให้ผมไปซื้อน้ำมากินได้ เมาเท่นดิวขวดแรกหมดไป ผมจึงสังเกตเห็นได้ว่าคนดูลาดเลาคนนี้ มีการเดินกลับไปหาที่ด่านเป็นบางครั้ง จนเปิดช่องโหว่มากพอที่จะให้ผมชิงมอไซค์แล้วขับย้อนศรหนีออกมาได้โดยที่ไม่มีหัวปิงปองคนไหนเห็น แต่กระนั้นช่วงว่างก็ไม่ได้เปิดนานพอที่จะให้ผมวิ่งข้ามถนนกลับไปเอารถจากจุดที่ผมซุ่มดูอยู่ได้ ผมจึงตัดสินใจซื้อชเวปป์ กับ คาลปิส และเดินเยื้องลงไปเพื่อให้แน่ใจว่าพ้นการมองเห็นของคนดูลาดเลา แล้วข้ามถนนไป
ขั้นตอนสุดท้ายนี้อันตรายสุด คงอันตรายพอๆกับ ปฎิบัติการณ์ Red Wing เลย เพราะช่วงที่นายคนนี้เดินกลับไปที่ด่านไม่มีช่องว่างนานมาก ผมจึงต้องจุดออกตัวให้ใกล้รถที่ โดยที่คนดูลาดเลาคนนี้ต้องไม่เห็นผมด้วย ผมเลือก "ซุ้มไก่ย่างห้าดาว" เป็นจุดซุ่มสุดท้ายนี้ (ดูสีแดง) และคงต้องใช้เวลาซักพักก่อนที่ช่องว่างจะมาถึงอีก ชเวปป์ กับ คาลปิส ที่ผมซื้อจึงมีประโยชน์ตรงนี้
ชเวปป์หมดไป แม่ค้าขายไปไก่ห้าดาวที่เห็นผมยืนข้างๆร้านแกแต่ไปยอมซื้อะไร แถมมีท่าทีลับๆล่อๆแอบบมองตำรวจ ป้าแกก็ไม่ได้พูดอะไร ผมคงเดาว่าแกเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นอยู่ นี่ถ้าป้าแกเป็นสายตำรวจนะ บอกได้เลยว่าาผมโดนโบกไปจ่าย300ไปแล้ว นี่ผมไว้ใจป้าหมดใจเลยนะ
พอคาลปิสพร่องไปครึ่งขวด หัวปิงปองผู้ดูลาดเลาก็เดินกลับไปหาด่านอีกครั้ง ตรงนี้แหละ ระทึกสุด เพราะผมต้องแอบเดินตาม "ย้ำ" แอบเดินตามไป เพราถ้ารอให้พี่แกถึงด่านก่อน แกอาจจะเดินกลับมาทันทีเลยก็เป็นได้ ช่องว่างจะเหลือน้อยลง ผมจึงต้องย่อมตามหลังพี่แกไปเพื่อใช้เวลาของช่องว่านั้นเกิดประโยชนืที่สุด
ถึงรถแล้ว ผมโยนถุงที่ใส่ขวดน้ำที่ซื้อมาลงตะกร้าหน้าแล้วบิดกุญแจ อย่างเดียวที่ผมภาวนาตอนนั้น คือขอให้รถเครื่องฟิต สตาร์ทติดง่าย เหมือนใช้ไดเกีย ผมถีบคันสตาร์ทครั้งเดียว เครื่องติดเลย ผมยูรถออกมาแล้วขับย้อนศรแบบไม่คิดชิวิต ให้ไกลจากตรงนั้นที่สุด แต่ที่ตลกที่สุดรู้มั้ยคือะไร......
ผมไม่ได้เป็นคนเดียวที่อยู่ในสถานการ์นี้น่ะสิ!!!!
พอขับย้อนศรไป ผมเจอคนหลายคน ที่จอดรถข้างถนน ทักผมระหว่างทางที่ขับย้อนศรไปเรื่อยๆ ด้วยคำถามแบบเดียวกัน
"พี่ๆ มีด่านใช่ป่ะ?"
"น้องๆ ตำรวจเลิกด่านรึยัง?"
คนที่ขี่มอไซก็โชคดีไป พอได้ข่าวจากผม ก็ย้อนศรตามกันมาหมด เหลือไว้เพียงคนใช้รถยนต์ที่ต้องเผชิญชะตากรรมต่อไป ขอให้พระเจ้าเมตตาแก่พวกเขาเหล่าด้วยเถิด เอเมน
เวลาปฏิบัติการทั้งหมด ราวๆ หนึ่งชม.
กลับมาถึงบ้านแม่ถาม "เอ็งไปกินข้างถึงจังหวัดไหนมา?"
ข้อคิดสำหรับเรื่องนี้คือ สวมหมวกกันด้วยเน้อ....................... แต่shipหาย บางครั้งตูแค่ขับออกไปหาข้าวกินไปไม่ถึงกิโลฯเลย ร้อนตับแลบแบบนี้ตูขี้เกียจใส่หมวกว้อย อยากรับลม!!!!!