ธรรมะกับการลงทุน
ผู้คนส่วนมากคิดว่าธรรมะจะเกี่ยวข้องการลงทุนได้อย่างไร เนื่องจากการลงทุนเป็นเรื่องของการซื้อให้ได้ราคาต่ำๆและขายให้ได้ราคาสูงๆ เหมือนกับการแข่งขัน ชิงไหวชิงพริบกันตลอดเวลา
ซึ่งในทางพระพุทธศาสนาสอนให้เรารู้จักเดินทางสายกลาง ไม่ตึงเกินไปและไม่หย่อนจนเกินไป แต่ถ้าเราลองคิดวิเคราะห์กันด้วยจิตใจที่สงบแล้ว จะพบว่ามีคำสอนของพระพุทธศาสนามากมายที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ และนำมาประยุกต์ใช้ในการลงทุนได้เป็นอย่างดี
ตัวอย่างหนึ่งซึ่งเห็นได้ชัดเจนคือ ความทุกข์ของมนุษย์ซึ่งประกอบไปด้วย ความโลภ โกรธ หลง ที่อยู่ในจิตใจของมนุษย์ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกสาขาอาชีพ "ไม่เว้นแม้แต่นักลงทุน" ทั้งรู้ตัวก็ดีและทั้งไมรู้ตัวก็ดี
ความโลภ ล้วนเกิดจากจิตใจที่ไม่รู้จักพอ เกิดจากการอยากมีอยากเป็น อยากเด่น และอยากดัง เมื่อความอยากมีมากจนล้น ก็จะกลายเป็นโลภ เห็นผู้อื่นได้ดี ก็จะเอาด้วย อยากจะดีไปเสียยิ่งกว่า คนที่โลภไปอีกขั้นนึง ก็จะมีแต่ความต้องการ และ ต้องการมากขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างไร้ขอบเขต จนทำได้ทุกอย่างเพื่อแลกกับมัน เปรียบกับการเล่นหุ้นก็เช่นเดียวกัน
เห็นคนอื่นได้กำไรมากมายก็เกิด "ความโลภ" อยากได้อยากมีกับเขาบ้าง อยากรวยเร็วหรืออยากรวยทางลัด เลยหันไปเล่นเก็งกำไรทั้งๆที่ยังไม่มีความรู้และประสบการณ์เพียงพอ สุดท้ายก็ติดดอยและขาดทุนในที่สุด
หรือนักลงทุนหน้าใหม่ (หรืออาจจะหน้าเก่าด้วย) พอลงทุนได้กำไรเยอะ ก็เริ่มคิดว่าตัวเองเก่ง รู้ทันตลาดไปเสียหมด จึงทุ่มสุดตัวใส่เงินเพื่อซื้อหุ้นหนักเข้าๆ ด้วยความโลภอยากได้กำไรเยอะๆ ถ้าได้กำไรก็ดีไป แต่ถ้าเหตุการณ์ไม่เป็นไปอย่างที่คิด หุ้นตัวนั้นราคาตกลงเรื่อยๆไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ สุดท้ายต้องตัดขาดทุน เสียเงินเสียทองในที่สุด หรือถ้าทำใจ cut loss ไม่ได้ก็ต้องนั่งเห็น Port ของตัวเองติดลบ ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่ถึงจะกลับมาเขียวได้
"ความโลภถือเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของนักลงทุน"
ความโกรธ เป็นอาการที่เกิดขึ้น เมื่อเกิดภาพหรือคำพูดที่บาดตาบาดใจ หรือ เกิดจากการกระทำที่ไม่ถูกใจ หรือไม่เป็นไปตามที่เราต้องการอยากให้เป็น ตัวอย่างเช่น นักลงทุนส่วนมากเมื่อขาดทุนมักจะมีความโกรธขึ้นมาในจิตใจ และเสียใจผิดหวังกับผลการขาดทุนครั้งนั้น และแน่นอนเมื่อมี "ความโกรธ" เกิดขึ้น ก็มักจะมีการ "เอาคืน" ตามมา ซึ่งการเอาคืนนี้เป็นอารมณ์ที่เกิดจากความโกรธ ทำให้นักลงทุนไม่ได้ใช้สติ ใช้ความรู้ที่ได้เรียนรู้มา แต่เป็นอารมณ์ล้วนๆในความต้องการที่จะเอาคืน ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเราใช้อารมณ์ในการเทรดผลของมันก็ไม่น่าจะเป็นผลดี ยิ่งถ้าทุ่มเงินซื้อหุ้นตัวนั้นคืนเพื่อหวังให้พลิกกลับมาเป็นกำไรอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าหุ้นตัวนั้นกลับตกลงๆอีก ก็มีแต่จะขาดทุนมากยิ่งขึ้นไปอีก
"ความโกรธเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้นักลงทุนไม่ประสบความสำเร็จ"
ความหลง คือการเอาจิตไปผูกกับสิ่งหนึ่งจนมากเกินไป หลงอยู่กับสิ่งที่เรารัก ที่เราชอบ ที่เราคิดว่าดีจนขาดสติ เปรียบกับการเล่นหุ้นก็เช่นกัน
ถ้าเราได้ทำการศึกษา วิเคราะห์ เพื่อเลือกซื้อหุ้นตัวหนึ่งเป็นอย่างดี และคิดเอาเองว่าเราได้ซื้อหุ้นที่ดีมากที่สุดแล้ว ต่อมาพื้นฐานกิจการของบริษัทนั้นเปลี่ยน ก็ไม่ยอมขาย เพราะเราได้ "หลง" กับหุ้นตัวนั้นซึ่งเราคิดว่าเป็นหุ้นที่ดี เป็นหุ้นที่เราได้เลือกมาเองกับมือ ซึ่งถ้าไม่ยอมขายก็ต้องยอมรับชะตากรรมด้วยการติดหุ้นนั้นไป
"ความหลงทำให้นักลงทุนเลือกที่จะไม่มองสภาพหุ้นนั้นตามความเป็นจริง"
พระพุทธศาสนาสอนว่า ความโลภ-โกรธ-หลง เกิดจาก "อวิชชา" หรือ ความไม่รู้ หรือเกิดจากกายกับใจ ที่ไม่ได้เจริญสติสัมปชัญญะในกาย และความรู้สึกในจิต และในธรรมชาติแห่งชีวิต ที่สัมผัสรับรู้ แล้วหลงผิด ไม่ศึกษาเรื่องชีวิต ว่าชีวิต คืออะไร
ดังนั้นเมื่อเรารู้อย่างนี้แล้ว นักลงทุนควรที่จะรู้เท่าทันจิตใจของตนเองต้องหัดมีสติ โดยการทำจิตให้สงบนิ่ง สวดมนต์ไหว้พระ ทำสมาธิ เป็นประจำเพื่อฝึกควบคุมจิตใจของตนให้ได้ ไม่ให้มีความโลภ โกรธ หลง มากจนเกินไป
Hybrid Investor
เขียนเมื่อ ขึ้น 15 ค่ำเดือน 6
Cr.
https://www.facebook.com/IamHybridInvestor
"""ธรรมะกับการลงทุน"""
ผู้คนส่วนมากคิดว่าธรรมะจะเกี่ยวข้องการลงทุนได้อย่างไร เนื่องจากการลงทุนเป็นเรื่องของการซื้อให้ได้ราคาต่ำๆและขายให้ได้ราคาสูงๆ เหมือนกับการแข่งขัน ชิงไหวชิงพริบกันตลอดเวลา
ซึ่งในทางพระพุทธศาสนาสอนให้เรารู้จักเดินทางสายกลาง ไม่ตึงเกินไปและไม่หย่อนจนเกินไป แต่ถ้าเราลองคิดวิเคราะห์กันด้วยจิตใจที่สงบแล้ว จะพบว่ามีคำสอนของพระพุทธศาสนามากมายที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ และนำมาประยุกต์ใช้ในการลงทุนได้เป็นอย่างดี
ตัวอย่างหนึ่งซึ่งเห็นได้ชัดเจนคือ ความทุกข์ของมนุษย์ซึ่งประกอบไปด้วย ความโลภ โกรธ หลง ที่อยู่ในจิตใจของมนุษย์ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกสาขาอาชีพ "ไม่เว้นแม้แต่นักลงทุน" ทั้งรู้ตัวก็ดีและทั้งไมรู้ตัวก็ดี
ความโลภ ล้วนเกิดจากจิตใจที่ไม่รู้จักพอ เกิดจากการอยากมีอยากเป็น อยากเด่น และอยากดัง เมื่อความอยากมีมากจนล้น ก็จะกลายเป็นโลภ เห็นผู้อื่นได้ดี ก็จะเอาด้วย อยากจะดีไปเสียยิ่งกว่า คนที่โลภไปอีกขั้นนึง ก็จะมีแต่ความต้องการ และ ต้องการมากขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างไร้ขอบเขต จนทำได้ทุกอย่างเพื่อแลกกับมัน เปรียบกับการเล่นหุ้นก็เช่นเดียวกัน
เห็นคนอื่นได้กำไรมากมายก็เกิด "ความโลภ" อยากได้อยากมีกับเขาบ้าง อยากรวยเร็วหรืออยากรวยทางลัด เลยหันไปเล่นเก็งกำไรทั้งๆที่ยังไม่มีความรู้และประสบการณ์เพียงพอ สุดท้ายก็ติดดอยและขาดทุนในที่สุด
หรือนักลงทุนหน้าใหม่ (หรืออาจจะหน้าเก่าด้วย) พอลงทุนได้กำไรเยอะ ก็เริ่มคิดว่าตัวเองเก่ง รู้ทันตลาดไปเสียหมด จึงทุ่มสุดตัวใส่เงินเพื่อซื้อหุ้นหนักเข้าๆ ด้วยความโลภอยากได้กำไรเยอะๆ ถ้าได้กำไรก็ดีไป แต่ถ้าเหตุการณ์ไม่เป็นไปอย่างที่คิด หุ้นตัวนั้นราคาตกลงเรื่อยๆไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ สุดท้ายต้องตัดขาดทุน เสียเงินเสียทองในที่สุด หรือถ้าทำใจ cut loss ไม่ได้ก็ต้องนั่งเห็น Port ของตัวเองติดลบ ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่ถึงจะกลับมาเขียวได้
"ความโลภถือเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของนักลงทุน"
ความโกรธ เป็นอาการที่เกิดขึ้น เมื่อเกิดภาพหรือคำพูดที่บาดตาบาดใจ หรือ เกิดจากการกระทำที่ไม่ถูกใจ หรือไม่เป็นไปตามที่เราต้องการอยากให้เป็น ตัวอย่างเช่น นักลงทุนส่วนมากเมื่อขาดทุนมักจะมีความโกรธขึ้นมาในจิตใจ และเสียใจผิดหวังกับผลการขาดทุนครั้งนั้น และแน่นอนเมื่อมี "ความโกรธ" เกิดขึ้น ก็มักจะมีการ "เอาคืน" ตามมา ซึ่งการเอาคืนนี้เป็นอารมณ์ที่เกิดจากความโกรธ ทำให้นักลงทุนไม่ได้ใช้สติ ใช้ความรู้ที่ได้เรียนรู้มา แต่เป็นอารมณ์ล้วนๆในความต้องการที่จะเอาคืน ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเราใช้อารมณ์ในการเทรดผลของมันก็ไม่น่าจะเป็นผลดี ยิ่งถ้าทุ่มเงินซื้อหุ้นตัวนั้นคืนเพื่อหวังให้พลิกกลับมาเป็นกำไรอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าหุ้นตัวนั้นกลับตกลงๆอีก ก็มีแต่จะขาดทุนมากยิ่งขึ้นไปอีก
"ความโกรธเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้นักลงทุนไม่ประสบความสำเร็จ"
ความหลง คือการเอาจิตไปผูกกับสิ่งหนึ่งจนมากเกินไป หลงอยู่กับสิ่งที่เรารัก ที่เราชอบ ที่เราคิดว่าดีจนขาดสติ เปรียบกับการเล่นหุ้นก็เช่นกัน
ถ้าเราได้ทำการศึกษา วิเคราะห์ เพื่อเลือกซื้อหุ้นตัวหนึ่งเป็นอย่างดี และคิดเอาเองว่าเราได้ซื้อหุ้นที่ดีมากที่สุดแล้ว ต่อมาพื้นฐานกิจการของบริษัทนั้นเปลี่ยน ก็ไม่ยอมขาย เพราะเราได้ "หลง" กับหุ้นตัวนั้นซึ่งเราคิดว่าเป็นหุ้นที่ดี เป็นหุ้นที่เราได้เลือกมาเองกับมือ ซึ่งถ้าไม่ยอมขายก็ต้องยอมรับชะตากรรมด้วยการติดหุ้นนั้นไป
"ความหลงทำให้นักลงทุนเลือกที่จะไม่มองสภาพหุ้นนั้นตามความเป็นจริง"
พระพุทธศาสนาสอนว่า ความโลภ-โกรธ-หลง เกิดจาก "อวิชชา" หรือ ความไม่รู้ หรือเกิดจากกายกับใจ ที่ไม่ได้เจริญสติสัมปชัญญะในกาย และความรู้สึกในจิต และในธรรมชาติแห่งชีวิต ที่สัมผัสรับรู้ แล้วหลงผิด ไม่ศึกษาเรื่องชีวิต ว่าชีวิต คืออะไร
ดังนั้นเมื่อเรารู้อย่างนี้แล้ว นักลงทุนควรที่จะรู้เท่าทันจิตใจของตนเองต้องหัดมีสติ โดยการทำจิตให้สงบนิ่ง สวดมนต์ไหว้พระ ทำสมาธิ เป็นประจำเพื่อฝึกควบคุมจิตใจของตนให้ได้ ไม่ให้มีความโลภ โกรธ หลง มากจนเกินไป
Hybrid Investor
เขียนเมื่อ ขึ้น 15 ค่ำเดือน 6
Cr. https://www.facebook.com/IamHybridInvestor