สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงพริทอเรีย ประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ว่า วันนี้(พุธ)บรรดาชาวแอฟริกาใต้ที่มีสิทธิ์ออกเสียงจะไปหย่อนบัตรลงคะแนนในการเลือกตั้งทั่วไปตามกระบวนการประชาธิปไตยเป็นครั้งที่5 ของประเทศนับตั้งแต่หมดยุคการแบ่งแยกสีผิวเมื่อปี2537 โดยจะมีการเปิดหน่วยเลือกตั้งทั้งสิ้น22,263 แห่งเป็นเวลาประมาณ14 ชั่วโมงซึ่งมีผู้สมัคร 8,652คนจากพรรคการเมือง 45พรรค แต่มีเพียง 29พรรคเท่านั้นที่ลงแข่งขันกันในระดับชาติ นอกจากนี้แอฟริกาใต้ส่งตำรวจหลายหมื่นนายเข้าประจำการตามจุดต่างๆ ซึ่งบางพื้นที่มีกำลังทหารคอยให้การสนับสนุน

             อย่างไรก็ตาม ชาวแอฟริกาใต้ที่อยู่ในต่างประเทศ27,000 คนได้ลงคะแนนเสียงล่วงหน้าไปแล้วในสถานทูตต่างๆของแอฟริกาใต้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนผลการเลือกตั้งจะประกาศภายใน7 วัน ทั้งนี้แอฟริกาใต้มีประชากร 25.39ล้านคนเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรที่ขึ้นทะเบียนมีสิทธิ์เลือกตั้ง
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครโจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อวันที่ 10 พ.ค.ว่าคณะกรรมการจัดการเลือกตั้งแอฟริกาใต้ออกแถลงการณ์รายงานผลการนับคะแนนเลือกตั้งทั่วไป ที่มีขึ้นเมื่อวันพุธที่ 7 พ.ค. ที่ผ่านมา ปรากฎว่าพรรคสมัชชาแห่งชาติแอฟริกา ( เอเอ็นซี ) เป็นผู้ชนะ ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุน 62.2% ทิ้งห่างแนวร่วมประชาธิปไตย ( ดีเอ ) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านอย่างขาดลอย โดยได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนเพียง 22.2% ขณะที่จำนวนผู้มาใช้สิทธิ์อยู่ที่ 73% จากจำนวนผู้มีสิทธิ์ออกเสียงราว 25 ล้านคน

ผลการเลือกตั้งที่ออกมาหมายความว่า ประธานาะบดีจาค็อบ ซูมา ผู้นำแอฟริกาใต้คนปัจจุบัน ซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเอเอ็นซีด้วย จะได้รับโอากาสให้ดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่ 2 ต่ออีก 5 ปี ทั้งนี้ พรรคเอเอ็นซีบริหารแอฟริกาใต้มานานต่อเนื่องตลอด 20 ปีที่ผ่านมา หรือตั้งแต่สมัยของประธานาธิบดีเนลสัน แมนเดลา ด้วยการชูหนึ่งในนโยบายหลักยกระดับสิทธิทางสังคมของชาวผิวสี ซึ่งยังคงได้รับความนิยมอย่างสูงในปัจจุบัน