ยิ่งลักษณ์ ยิ้มเย้ยยุทธจักร ตอน ความอ่อนโยน คือ ดาบเล่มหนึ่ง ( สิบ ) จุดจบสุเทพ ผู้ไม่รู้ที่สูง ที่ต่ำ

ท่านที่เคารพรักครับ  นับเวลาถอยหลังจุดจบกบฏ ที่มวลชนสนับสนุนน้อยลงอย่างน่าใจหาย การดิ้นรนเฮือกสุดท้ายอย่างลุกลี้ ลุกลนจึงเกิดขึ้น ซึ่งพจนานุกรม แปลคำนี้ว่า

ลุกลี้ ลุกลน  หมายถึง การเร่งรีบ อย่างไม่เป็นระเบียบ

ก่อนอื่นขอขยายความสักนิดครับว่า สุเทพ ที่ผู้เขียนกำลังเอ่ยถึงคือ สุเทพ ที่มีลูกชายชื่อ แทน ซึ่งแทนกำลังอยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีบุกรุกเขาแพง อ.เกาะสมุย  ลูกชายมีคดี

สุเทพก็มีคดี เช่น คดีทุจริตก่อสร้างโรงพักทั่วประเทศ  คดีประชาชนตาย 99 ศพ บาดเจ็บอีกเกือบ 2000 คน และ คดีที่ ป.ป.ช. ชี้มูลว่าสุเทพ สมัยทำหน้าที่รองนายกรัฐมนตรี กระทำการขัดรัฐธรรมนูญ ที่ได้ส่ง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ไปช่วยราชการที่กระทรวงวัฒนธรรม เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2552

เมื่อ ป.ป.ช. มีมติว่าสุเทพมีพฤติการณ์ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ จึงส่งเรื่องไปยังประธานวุฒิสภา เพื่อพิจารณา “ถอดถอน” ซึ่งหากถูกถอดถอน สุเทพจะต้องถูก “เว้นวรรค” ทางการเมือง 5 ปี  นี่คือประวัติ" กำนัน " เพียงนิดๆหน่อยๆ  แต่อาจจะทำให้เราเข้าใจได้บ้างว่า

ทำไมสุเทพจึง " ขยัน " เป็นพิเศษใน หกเดือนที่ผ่านมา เพราะสุเทพและตระกูลกำลังเดินมาสุดถนนของคำว่า " นักการเมือง "แล้ว
สุเทพใกล้จะจบอย่างเจ็บปวดเต็มไปด้วยรอยแผลด่างพร้อยเต็มตัว

ไม่ต้องเสแสร้งเล่นละครว่าปฏิรูปการเมืองแล้วจะหยุดเล่นการเมือง เพราะความเป็นจริง สุเทพต้องเว้นวรรค 5 ปีอยู่แล้วอย่างต่ำ ไม่รวมคดีความอื่นๆอีกที่จะตามมา

สุเทพหากเทียบกับ ชวน บัญญัติ สองเกลอหัวแข็งในพรรคที่เรียนกฏหมาย   ชวน บัญญัติมีบุคลิกของคน " หัวหมอ " มากกว่า
ไม่เหมือนสุเทพผู้มีพฤติกรรมโฉ่งฉ่างและกร่างแบบกำนันบ้านนอกผู้มีอิทธิพลไปไหนมาไหน มีลูกสมุนตามเป็นโหล เพื่อประดับบารมี

ที่ผ่านมาประวัติการทำงานสุเทพจะออกแนวหมิ่นเหม่ คาบลูกคาบดอกความถูกต้องทั้งกฏหมาย และคุณธรรมตลอดมาเช่น เรื่อง ส.ป.ก.4-01เช่นเรื่องการกระชับพื้นที่ราชประสงค์


และเวลานี้ กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา " กบฏ " เริ่มจากองค์ประกอบที่บุกเข้ายึดทีวีช่องต่างๆ  บุกเข้ายึดทำเนียบ แถลงข่าวประกาศที่ตึกสันติไมตรีและบังคับให้ถ่ายทอดหน้าสุเทพออกทีวีทุกช่อง

สร้างความรู้สึกกับประชาชนว่า " ได้ยึดอำนาจแล้ว "

และวันอังคารที่ 13นี้  วุฒิสภาจะต้อง " เป็นธุระในการตั้งนายกฯคนกลาง " ให้ได้ ตามคำพูดสุเทพ
นั่นคือ วุฒิสภาต้องมีรายชื่อ นายกฯคนกลางขึ้นมาให้ได้  

สร้างความรู้สึกกับประชาชนว่า " ได้นายกฯคนกลางแล้ว "

อนึ่งคำว่าได้ " คนกลาง " สำเร็จสัมฤทธิ์ผลใกล้เคียงมากกับคำว่าได้ " ของกลาง " ซึ่งพจนานุกรม แปลคำนี้ว่า

ของกลาง หมายถึง ของที่ทําหรือมีไว้เป็นความผิด หรือ  ที่ได้มาโดยได้กระทําความผิด  ( ฮา )


ซึ่ง กระบวนการวุฒิสภาเวลานี้ ส.ว. ไพบูลย์ แถสุดชีวิตว่า พระราชดำรัส บอกว่าขอนายก ม. 7 ไม่ได้  พวกมันก็ต้องเลือกกันเองแล้วทูลเกล้าให้ลงพระปรมาภิไธย

และสำคัญมากตรงนี้ครับ  คาดว่าสุเทพ จะเป็น " องค์รัฏฐาธิปัตย์ " ตามที่เคยพูดไว้เมื่อเดือน เมษา ซึ่งตามสำนวนท่านโกวเล้ง ก็ต้องพูดว่า
สุเทพโยนก้อนหินถามทาง มาหนึ่งเดือนแล้ว ปรากฏว่า โดนประชาชนด่าเละ ไม่มีชิ้นดี

ซึ่งไคลแม็กซ์ของเรื่องภาค 1 ถือว่าจบอย่างนี้   ลำบากลำบนมาหกเดือน หนังภาค 1 จบอย่างนี้ครับ


ขอให้ท่านผู้ชมจับตาดูเรื่องตื่นเต้นระทึกขวัญภาค 2 ซึ่งสงครามกลางเมืองจะเกิดขึ้นหรือไม่ น่าจับตาวิเคราะห์ด้วยความเป็นห่วงยิ่งนัก

แต่ก่อนอื่น ขอนำสืบย้อนไปถึงคำพูดเมื่อเดือน เมษาของเอกนัฎ  ลูกเลี้ยงสุเทพที่อธิบายคำ " องค์รัฏฐาธิปัตย์" ว่า

" นายสุเทพปราศรัยเรื่องนี้โดยมาจากกรณีหากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่ารัฐบาลสิ้นสภาพจากการโยกย้ายนายถวิล
ขัดต่อรัฐธรรมนูญ อำนาจอธิปไตยก็จะตกอยู่ที่ประชาชนตามมาตรา 3 ในรัฐธรรมนูญ เมื่อถึงขณะนั้นก็เหลืออำนาจฝ่ายนิติบัญญัติคือวุฒิสภาทำหน้าที่เสนอทูลเกล้าฯ นายกรัฐมนตรีและรับสนองพระบรมราชโองการตามมาตรา 7 แต่ถ้าวุฒิสภาไม่รับก็อาจจะต้องเป็นอำนาจของประชาชนตามมาตรา 3 โดยวิธีประชาธิปไตยทางตรงที่จะทูลเกล้าฯ นายกฯ และสนองพระบรมราชโองการ จะใช้คำว่าปฏิวัติ อภิวัฒน์ ประชาภิวัฒน์ หรือรัฏฐาธิปัตย์ก็เป็นวาทกรรมที่ใครจะใช้
แต่กระบวนการทั้งหมดก็อยู่ในกระบวนการรัฐธรรมนูญมาตรา 7 อยู่ดี แต่วิธีที่ราบรื่นคงอยู่ที่กระบวนการของวุฒิสภา "

จะเห็นได้ว่า ทุกคำพูดของลูกเลี้ยงสุเทพ บทหนังเรื่องนี้ โดนเขียนมาล่วงหน้าเป็นเดือนแล้ว   ซึ่งเมื่อวุฒิสภาได้รายชื่อนายกฯคนกลาง ตามมาตรา 7  หนังภาค 1 ก็จบ


ทิ้งปริศนาให้คนดู เอาไปขบคิดเวลากลับบ้านสี่เรื่องคือ

หนึ่ง สอดแทรกเรื่องเลือกนายสุรชัย ว่าที่ประธานวุฒิสภาถูกต้องหรือไม่ ?

สอง ประธานวุฒิ ยังไม่ได้รับการนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้า ถือว่าเป็นประธานเถื่อนใช่หรือไม่ ?

สาม ถ้ายังไม่มีการโปรดเกล้าฯ ผู้ที่ได้รับเลือกเป็นประธานฯก็ไม่สามารถเรียกเปิดประชุมวุฒิสภาเพื่อดำเนินการต่างๆได้ แล้วที่ปรากฏการประชุมเลือกนายกฯ เพื่อนำขึ้นทูลเกล้านี้ มีกฏหมายใดรองรับหรือไม่ ?

สี่ สุเทพคือองค์รัฏฐาธิปัตย์ จะกระทำตามนัยคำพูด ที่พูดใน การประชุมแกนนำ กปปส.ครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2557 ที่สุเทพพูดว่า

“การเดินทางมาครั้งนี้เราจะยึดอำนาจประเทศไทย เพราะอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนชาวไทย ดังนั้น วันที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยรัฐบาลจะไม่สามารถกอดอำนาจไว้อีกต่อไป ซึ่ง กปปส.จะประกาศว่า อำนาจอธิปไตยกลับมาเป็นของประชาชนแล้ว และจะถือเป็นวันที่เราจะประกาศความเป็น รัฏฐาธิปัตย์ ได้อย่างเหมาะสม และคำสั่งของคนเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ก็จะถือเป็นกฎหมาย ซึ่งเรายืนยันว่า เมื่อเป็นรัฏฐาธิปัตย์ เราจะสั่งยึดทรัพย์คนในตระกูลชินวัตร และห้ามคนในตระกูลชินวัตร รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องออกนอกประเทศ และให้มารายงานตัวกับประชาชน

.. อีกทั้งเราจะออกคำสั่งแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เป็นของประชาชน จากนั้นจะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อให้ได้รัฐบาลของประชาชน โดยตนจะเป็นผู้ลงนามสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีด้วยตนเอง ............”


ปริศนาข้อนี้ สุเทพบังอาจและจาบจ้วงหรือไม่ ?

ซึ่งพจนานุกรม ให้ความหมายไว้ดังนี้ครับ

บังอาจ หมายถึง กล้าละเมิดกฎหมายทําด้วยทะนงใจหรือฮึกเหิม โดยไม่ยําเกรงหรือไม่รู้จักที่สูง ที่ตํ่า



สุเทพ เหิมเกริม โอหัง บังอาจ ไม่รู้จักที่สูง ที่ต่ำมากเกินไปแล้วครับพี่น้องประชาชน

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่