ทำงานเงินเดือน 30000-40000 หรือลาออกมาทำธุรกิจส่วนตัวดีครับ

ทำงานเป็นลูกจ้างบริษัทเอกชนรายรับต่อเดือน30000-40000บาท รู้สึกว่าอิ่มตัวกับการเป็นลูกจ้างจะลาออกมาทำธุรกิจด้านอาหารกินเล่น ขนมปังและเครื่องดื่ม คิดว่าเสี่ยงมั้ยครับ

- เงินลงทุน 200,000 บาท ( มีเงินเย็นลงทุนเพิ่มได้อีกแต่ไม่อยากลงเงินเกิน 200000-300000 ครับ )
- ทำเลดีอยู่ต่างจังหวัด แต่ขายได้เฉพาะช่วงเย็น 4โมงเย็น-เที่ยงคืน เพราะกลางวันค่อนข้างเงียบ กลางคืนคนเยอะ
- อาหารกินเล่นและขนมปัง กำไรต่อชิ้น 200-300% / เครื่องดื่มกำไรเกิน 200% ต่อแก้ว
- อุปกรณ์การทำขนม ตู้เย็น ตู้แช่ ตู้กดน้ำ วัตถุดิบ เบ็ดเสร็จประมาณ 110000 บาท
ตู้เย็น 20000
ตู้แช่  10000
ตู้กดน้ำมือสองแบบใน 7-11 เป๊ะๆราคา 25000 บาท แบบ 4 หัวกด จำนวน 2 เครื่อง = 50000
อุปกรณ์การทำขนมย่อยๆ+เตาไฟฟ้าให้ความร้อนใช้อุ่นน้ำร้อนทำเครื่องดื่ม 10000
วัตถุดิบการทำขนม 20000
- ค่าเช่าตึกแถวเดือนละ 20000 ยังไม่รวมค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าที่พักไม่เสียเพราะเป็นการเช่าทั้งตึกสามารถพักชั้น2ได้
- ค่าใช้จ่ายเรื่องลูกจ้าง = ไม่มี เพราะกะลุยทำกับแม่แค่ 2 คน
- ค่าตกแต่งร้านกั้นกระจกห้องแอร์ กั้นหน้า กั้นหลัง ตึกแถวหน้ากว้าง 4.5 เมตร ความสูง 2.5 เมตร ตึกใหม่ยังไม่มีคนเข้าอาศัย = ค่าใช้จ่ายตรงนี้ยังไม่ทราบ ใครพอประมาณได้ช่วยบอกด้วยครับ กะว่าจะกั้นเป็นกระจกอลูมิเนียมขอบสีขาว
- ค่าติดตั้งแอร์ขนาด 25000btu+ค่าขนส่งย้ายแอร์จากที่บ้านไปติดที่ร้านน่าจะ 5000
- ค่าโต๊ะเก้าอี้ 20000
- LCD 50นิ้ว +จานดาวเทียม เปิดหนัง+บอล+เพลง ให้ลูกค้าดู
- Free wifi
- นอกนั้นกันงบไว้เป็นค่าตกแต่งร้าน คิดว่าช่วงแรกจะแต่งแบบเล็กๆน้อยๆไปก่อน ถ้าขายดีจะแต่งร้านแบบทำให้ครบๆ
ดูแล้วพอไหวมั้ยครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
- ค่าใช้จ่ายเรื่องลูกจ้าง = ไม่มี เพราะกะลุยทำกับแม่แค่ 2 คน

ตรงนี้ต้องคิดใหม่ครับ คือคิดเงินเดือนของคุณและคุณแม่ลงไปด้วย เช่น คุณอาจให้เงินเดือนตัวเอง 40000 แม่ 20000 ดังนั้น 60000 จะต้องคิดรวมเป็นต้นทุนด้วยเวลาคิดว่าทำแล้วจะกำไรมั้ย แล้วคุ้มที่จออกมาทำหรือเปล่า

ที่ต้องคิดแบบนี้เพราะ
1 คุณขาดรายได้จากงานประจำ 40000
2 หากแม่คุณไม่สามารถทำได้(ด้วยเหตุใดก็ตาม) คุณต้องจ้างลูกจ้างใหม่ 1-2 คนมาทดแทน

ลองคิดเล่นๆว่าคุณจะขายของราคาเท่าไร ลูกค้าโดยเฉลี่ย 1 คนจะซื้อเท่าไร ยอดขายหักต้นทุนวัตถุดิบ(ซึ่งแปรผันตามยอดขาย)
เช่นลูกค้าหนึ่งคนเฉลี่ยน่าจะซื้อของราวๆ 45 บาท กำไรหักต้นทุนวัตถุดิบเหลือ 30 บาท

แล้วต่อมามาคิดรายจ่ายที่คงที่ไม่ว่ายอดขายเท่าไรเช่น ค่าไฟ ค่าแอร์ ค่าแรง(คุณและแม่) ค่าเช่า และ ค่าเสื่อมราคาของวัสดุอุปรกรณ์ต่างๆที่ใช้
เช่น
ค่าเช่า 20000
ค่าแรง 60000
ค่าไฟ(และอื่นๆเช่นอินเตอร์เน็ต เคเบิ้ล) 10000
ค่าเสื่อมของ 5000
ดังนั้นคุณอาจมีต้นทุนคงที่ 95000 หรือตีง่ายๆว่า 100000 บาทต่อเดือน

ดังนั้นหากคุณพอใจที่จะลาออกมาแล้วได้เงินเพิ่มขึ้น(จากการทำงานประจำ) 20000 บาทต่อเดือน คุณต้องมีกำไร 120000 บาทต่อเดือน

หรือเท่ากับ ต้องมีลูกค้าอย่างต่ำ 133 คนต่อวัน ถ้าวันธรรมดาและวันหยุดจะมีลูกค้าไม่เท่ากันเช่นเมืองท่องเที่ยวจะมีลูกค้าเยอะหน่อยวันหยุดเท่านั้น จะต้องคิดเป้นต่อสัปดาห์หรือสัปดาห์ละประมาณ 1000 คน หากคิดว่าในอนาคตไม่มีทางได้ลูกค้ามากขนาดนั้น อย่าทำดีกว่าครับ

นอกจากนี้ต้องคิดถึงจุดที่จะเริ่มมีกำไรคือ กำไรได้มาถึง 100000 บาทต่อเดือน หรือลูกค้าเฉลี่ย 777 คนต่อสัปดาห์ว่าจะต้องใช้เวลาเท่าไร โดยมากจะใช้เวลา 6-12 เดือนในการที่ลูกค้าจะเริ่มจดจำได้และหมุนเวียนเข้ามา คุณมีเงินสำรองมากพอหรือยัง?


และสุดท้ายเนื่องจากธุรกิจมันทำง่าย ลองคิดดูว่าหากใกล้ๆกันไม่เกิน 50 เมตรมีอีกร้านเปิดขึ้นมา ลูกค้าจะหายไปครึ่งหนึ่งคุณยังจะสามารถไปถึงเป้าหมายที่วางไว้หรือเปล่า


ปล.ตัวเลขทั้งหมดสมมุติขึ้นนะครับ "คุณ" ที่คิดจะทำธุรกิจเองควรประเมินค่าใช้จ่ายเองในระดับที่น่าจะเป็นจริง + 20% (เพื่อให้ว่าแม้จะเกิดเหตุการณ์แย่ๆเล็กน้อยก็ยงไม่หลุดไปจากการคำนวน - หากธุรกิจมันเสี่ยงมากคุณอาจต้อง +  % ตรงนี้มากหน่อย)
ความคิดเห็นที่ 4
ถ้าลองทำโดย คุณยังไม่ออกจากงาน
ให้คุณแม่ทำไปก่อนและจ้างลูกจ้างแทน ว่าแนวโน้มเป็นยังไง
อย่างน้อยถ้าไม่ดี คุณก็ยังไม่เจ็บตัวมาก
(ถ้าร้านไม่ค่อยดี คุณก็ยังมีเงินเดือนแต่ละเดือนที่นำมาเป็นเงินทุนช่วยต่อให้สายป่านยาว)

ค่าเช่า 20000 บาท/เดือน เราว่าก็สูงนะคะ

เคยอ่านบทความ... ถ้าทำธุรกิจต้องคิดค่าแรงให้ตัวเองด้วยค่ะ อย่าคิดว่าไม่มีค่าแรง
ต้องแยกบัญชีให้ดีด้วย เงินธุรกิจห้ามมาใช้เงินส่วนตัวปนกัน ไม่งั้นยุ่ง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่