เอ่อ นายจ้างทั้งหลายค่ะ? ดิฉันผิดเหรอค่ะที่จบมหาวิทยาลัยค่าเทอมแพง !!!

พอดีว่าเห็นกระทู้นี้ได้รับการแชร์ต่อๆ กันมามากในเฟสบุ๊ค

http://pantip.com/topic/31907934 (เมื่อนักศึกษาจบใหม่ที่กำลังจะเป็นมนุษย์เงินเดือนคนนึงระบายถึงความจริงอันโหดร้ายในสังคมไทย ต้องอ่าน!!!!!!!!)

เลยคลิกเข้ามาอ่านตามกระแส


อ่านไปฮาบ้าง เห็นด้วยบ้าง ไม่เห็นด้วยบ้าง

จนกระทั่งมาสะดุดกึ้กอย่างแรงกับความเห็นนี้








บางข้อเราเห็นด้วย

แต่ข้อที่สะดุดกึ้กมากๆ คือ "ค่าเทอมแพง แล้วไปเรียนทำไม สถาบันนั้น ไมไม่คิดว่าจบมาจะคุ้มกะที่เสียไปหรือเปล่า แค่ตุ้นทุนกับรายได้ แค่นี้ยังคิดไม่ออกหรอ"


ถามว่า คุณใช้สมองไตร่ตรองแล้วใช่ไหมค่ะก่อนจะพิมพ์ประโยคนี้

ดิฉันเรียนอยู่มหาวิทยาลัยที่ถ้าเรียงอันดับ 1-5 ดิฉันรับรองว่าว่ามหาวิทยาลัยดิฉันต้องติดทุกปี เพราะเป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ มีชื่อเสียง เปิดสอนมานานมาก

ค่าเทอมก็แพงค่ะ เพราะเรียนเป็นภาคอินเตอร์

ถามว่า คุณอยากได้คนพูดภาษาอังกฤษเป็น พูดภาษาจีน ญี่ปุ่นได้ยิ่งดี

แต่คุณจะให้เราเรียนมหาวิทยาลัยที่ "คำนวณค่าเทอมด้วยว่า พอจบออกมาแล้วจะไม่ขาดทุนกับที่เรียนลงทุนไป"

อย่างนี้มันจะสอบO-NET A-NET สารพัดเอ็นทรานซ์ แอดมิดชั่นกันให้วุ่นวายทำไม

จะมีการแย่งงาน บางทีรับแต่เด็ก ฬ เด็ก ธ เด็ก ม. เท่านั้นเหรอค่ะ ถ้าสิ่งพวกนี้มันไม่สำคัญ

ทุกคนก็อยากจะเรียนมหาวิทยาลัยดีๆ ดังๆ เพื่อการการันตีอนาคต

รวมถึงคนที่ส่งลูกหลานไปเรียนต่างประเทศ พวกเขาเหล่านั้นอยากให้ลูกหลานตัวเองได้เหล่าเรียนสิ่งดีๆ ค่ะ

เค้าคงไม่คิดว่าพอลูกหลานของตนจบออกมา จะต้องมาเจอเจ้านายที่ใจแคบ คิดว่าคุณเรียนแพงมามันก็เรื่องของคุณ ผมจะจ่ายเท่านี้แหละ รับไม่ได้ก็ไปซะ มีคนอีกเป็นร้อยๆ พันๆ ต้องการงานนี้

เขาก็อยากให้ลูกหลานตัวเองมีอนาคตที่ดีกันทั้งนั้น เค้าไม่ทันได้คำนวณความเสี่ยงกันหรอกค่ะ ว่าเออ ควรจะเรียนมหาวิทยาลัยที่ค่าเทอมประมาณนี้ เพราะจบออกมาทำงานแล้ว มันจะได้ได้กำไรนะ

-*-



"สถาบันที่เก็บค่าเล่าเรียนแพง เขาสอนทัศนะคติคุณได้แค่นี้ หรือว่าคุณไม่เอาถ่านเอง"

คุณเอามาตรฐานค่าเทอมของมหาวิทยาลัยนักศึกษา มาวัดเหรอค่ะว่าเค้าสอนทัศนะคตินักศึกษาดีหรือไม่ดี

คนที่เรียนมหาวิทยาลัยค่าเทอมแพง ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่เอาถ่าน เพราะคำนวณไม่ได้ ว่าเรียนค่าเทอมเท่านี้ 4 ปี จบออกมาทำงานแล้วไม่คุ้ม

เพราะถ้าคิดแบบนั้น ก็คงไม่ต้องเรียนหนังสือหนังหนากันหรอก


ไม่ทราบว่าคุณนายจ้างคนนี้ก่อนจะพิมพ์ ได้ไตร่ตรองรึเปล่า หรือด่าเอามัน?

บุคลิกภาพที่ดี มันก็ต้องประกอบกับหน้าตาด้วยทั้งนั้น

แล้วสมัยนี้ แว่บแรกวัดที่หน้าตา ญาติเราเคยไปคัดแอร์ของสายการบินตะวันออกกลางแห่งหนึ่ง

เค้ามีรอบ 3 วิ หรือ 10 วินี่ล่ะ

เข้าไปเรียงหน้ากระดาน ดูว่าใครถูกใจไม่ถูกใจ มองแล้วผ่านได้เข้ารอบ ไม่ผ่านไม่ได้เข้ารอบ

ถามว่าแบบนี้คือไม่วัดหน้าตาใช่มั้ยค่ะ? คือการบำรุงตัวเองไม่สำคัญ

ไหนจะเสื้อผ้า คุณคิดว่าเสื้อผ้าตลาดนัดควรใส่ไปสมัครงานมั้ย (ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่ามันไม่ดี ใส่ไม่ได้ เราเองก็ใส่อยู่บ้าน)

การไปสัมภาษณ์งาน มันก็ควรจะแต่งเนื้อแต่งตัวให้ดูบุคลิกภาพดี ถูกมั้ยค่ะ มันก็ต้องใช้ของดีหน่อยเพื่อภาพลักษณ์ ทั้งหมดนี้คือไม่ใช่การลงทุนเหรอ?


ข้าวจานล่ะ 50 บาทคุณก็อยู่ได้

แล้วมันมีบางทีมั้ยค่ะ ที่คุณอยากจะคิดอย่างอื่นนอกจากข้าวแกงถุงๆ

อยากจะกินก๋วยเตี๋ยว พิซซ่า ไส้กรอก อาหารญี่ปุ่น ฯลฯ

คือเด็กจบใหม่ต้องทำใจใช่มั้ยค่ะ ว่าคุณจะกินมันไม่ได้ เอาเงินที่พ่อแม่เคยให้มาคิดกลับกันไม่ได้

คือเราต้องกินกันแต่อาหารจานล่ะ 50 บาทเท่านั้น ทั้งๆ ที่อันตราเงินเดือนขั้นต่ำหมื่นห้า บางบริษัทยังให้เด็กจบใหม่ไม่ได้

ถ้ามนุษย์ไม่มีกิเลส จะทำงานหาเงินกันทำไม

เด็กจบใหม่ทุกคนคงไม่ได้หวังกินฟูจิ หรือเซนทุกมื้อ

แต่ก็คงไม่อยากกินข้าวแกงถุงๆ ทุกๆ วันตลอดปีจนกว่าจะได้ปรับเงินเดือนขึ้นหรอกค่ะ


ไหนทุกคนจะต้องมีพ่อแม่ที่ต้องเลี้ยงดู รอคอยเงินจากลูกที่เรียนจบป.ตรีแล้วได้ทำงาน

ลำพังเลี้ยงตัวเองอาจจะยังไม่ไหว ต้องให้พ่อแม่อีก

ได้คิดถึงตรงนี้บ้างมั้ยค่ะ?


สุดท้ายอยากฝากถึงผู้ใหญ่หรือนายจ้างหลายๆ คน

"อย่าคิดเอาแต่ได้" บางเรื่องเรายอมรับว่าคุณคิดถูก แต่โปรดเห็นใจใจเขาใจเราบ้างนะคะ