การโจรกรรมข้อมูลมันร้ายแรงมากเหรอครับ ขนาด USA ยังลงโทษจำคุกตลอดชีวิต โทษหนักจนไม่น่าเชื่อว่านี่คือแดนประชาธิปไตย

กระทู้คำถาม
ผมว่าโทษจำคุกตลอดชีวิตฐานโจรกรรมข้อมูล น่าจะมีแต่ในประเทศเผด็จการมากกว่านะ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ลิเบอร์แมนอ้างว่า อิสราเอล "ได้รับบทเรียนแล้ว" จากคดีของ โจนาธาน พอลลาร์ด
นักวิเคราะห์ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่ถูกจับกุมในกรุงวอชิงตันเมื่อปี 1985
และถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตโทษฐานโจรกรรมข้อมูลลับของอเมริกาไปให้อิสราเอล

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

นิวสวีกแฉ อิสราเอล อาศัยความใกล้ชิด สอดแนมล้วงความลับสหรัฐฯ ยิ่งกว่าชาติพันธมิตรอื่นใด

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์     9 พฤษภาคม 2557

เอเอฟพี - อิสราเอลดำเนินการสอดแนมสืบความลับของสหรัฐอเมริกา มากยิ่งกว่าพันธมิตรชาติอื่นใดทั้งหมดกระทำกับสหรัฐฯ โดยที่กิจกรรมเช่นนี้ดำเนินไปอย่างใหญ่โตกว้างขวางถึงระดับที่น่าเป็นห่วง ทั้งนี้เป้าหมายสำคัญที่สุดคือ ข้อมูลลับด้านอุตสาหกรรมและเทคนิคของสหรัฐฯ นิตยสาร “นิวสวีก” รายงานเมื่อวันอังคาร (6 พ.ค.) ที่ผ่านมา
       
       รายงานของนิวสวีกชิ้นนี้อ้างอิงการบรรยายสรุปที่กระทำอย่างเป็นความลับ ของหลายๆ หน่วยงานของสหรัฐฯ ในระหว่างที่มีการพิจารณาออกกฎหมายฉบับหนึ่ง ซึ่งมีหลักการที่จะเปิดทางสะดวกให้พลเมืองของอิราเอล สามารถได้วีซ่าเข้าสหรัฐฯได้ง่ายขึ้น
       
       นิวสวีกระบุว่า เจ้าหน้าที่รัฐสภาผู้หนึ่งซึ่งคุ้นเคยกับการบรรยายสรุปเหล่านี้ที่กระทำกันเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้พูดถึงการให้ปากคำคราวนั้นว่า กระทำกันอย่าง “สุขุมจริงจัง … น่าตระหนกตกใจ … และกระทั่งน่าขนลุกเหลือเกิน” นอกจากนั้นยังอ้างอิงเจ้าหน้าที่รัฐสภาอีกผู้หนึ่งที่กล่าวว่า พฤติกรรมของอิสราเอลนั้น “กำลังก่อให้เกิดความเสียหาย”
       
       “ไม่มีประเทศที่ใกล้ชิดสหรัฐฯรายอื่นๆ อีกเลย ที่ยังคงล้ำเส้นในเรื่องการสอดแนมอย่างต่อเนื่องเหมือนที่พวกอิสราเอลทำ” นิวสวีกอ้างคำพูดของอดีตเจ้าหน้าที่รัฐสภาผู้หนึ่ง ผู้ซึ่งได้เข้าร่วมการบรรยายสรุปอีกหนหนึ่งที่จัดขึ้นเมื่อปลายปี 2013
       
       นิตยสารชั้นนำเมืองลุงแซมฉบับนี้ระบุว่า การบรรยายสรุปดังกล่าวนี้ เป็นหนึ่งในหลายๆ ครั้งซึ่งมีขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยหน่วยงานที่มาบรรยายสรุปมีทั้งกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ, กระทรวงการต่างประเทศ, สำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ), และกรมต่อต้านงานข่าวกรองแห่งชาติ
       
       อดีตเจ้าหน้าที่รัฐสภาที่อ้างไว้ข้างต้น บอกกับนิวสวีกว่า ในการให้ปากคำ พวกหน่วยงานข่าวกรองไม่ได้ชี้เฉพาะเจาะจงใดๆ แต่มีการอ้างอิงถึง "การจารกรรมทางอุตสาหกรรม” ในลักษณะต่างๆ เป็นต้นว่า มีพวกสายลับเดินทางสู่อเมริกาโดยปะปนมากับคณะเจรจาทางการค้าหรือมากับบริษัทอิสราเอลที่ร่วมงานกับบริษัทอเมริกัน หรือเป็นสายลับของหน่วยงานข่าวกรองที่ดำเนินการโดยรัฐบาลอิสราเอลโดยตรง ซึ่งอดีตเจ้าหน้าที่ผู้นี้สันนิษฐานว่า น่าที่จะหมายความว่า สายลับเหล่านี้ได้รับการสั่งการจากทางสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอล
       
       รายงานของนิวสวีกบอกว่า พวกเจ้าหน้าที่ต่อต้านการข่าวกรอง ได้ให้ปากคำกับคณะกรรมาธิการยุติธรรมและคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศ ของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ว่า ไม่มีชาติพันธมิตรของสหรัฐฯรายอื่นใด ไม่ว่าจะเป็นเยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ หรือญี่ปุ่น ที่อาศัยความสัมพันธ์ใกล้ชิดเพื่อทำการสอดแนมอเมริกาเท่ากับอิสราเอลอีกแล้ว
       
       “ผมไม่คิดว่าจะมีใครประหลาดใจอะไรหรอกจากการเปิดโปงเหล่านี้” นิวสวีกอ้างคำพูดของอดีตเจ้าหน้าที่รัฐสภาผู้นี้ “กระนั้นเมื่อคุณถอยออกมาและได้ยินได้ฟัง … ว่าไม่มีประเทศอื่นใดอีกแล้วที่ฉวยใช้การมีความสัมพันธ์ทางด้านความมั่นคงกับเรา เพื่อวัตถุประสงค์ในการจารกรรมเหมือนอย่างที่ฝ่ายอิสราเอลกระทำ มันก็ยังชวนให้รู้สึกช็อกอยู่ดี”
       
       ทางด้าน เอวิกดอร์ ลิเบอร์แมน รัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอล ได้ออกมาแถลงปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านี้ โดยบอกปัดว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นการป้ายสี ไม่มีหลักฐานรองรับ และว่า อิสราเอลไม่เกี่ยวข้องกับการสอดแนมรูปแบบใดๆ ต่อวอชิงตันทั้งโดยตรงและโดยอ้อม
       
       ลิเบอร์แมนอ้างว่า อิสราเอล “ได้รับบทเรียนแล้ว” จากคดีของ โจนาธาน พอลลาร์ด นักวิเคราะห์ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่ถูกจับกุมในกรุงวอชิงตันเมื่อปี 1985 และถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตโทษฐานโจรกรรมข้อมูลลับของอเมริกาไปให้อิสราเอล
       
       คดีนี้นำไปสู่วิกฤตความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ซึ่งคลี่คลายลงด้วยการที่อิสราเอลให้สัญญาว่า จะยุติกิจกรรมการสอดแนมในอเมริกาทั้งหมด
       
       ยูวาล สไตนิตซ์ รัฐมนตรีข่าวกรองและกิจการยุทธศาสตร์ของอิสราเอล ก็ขานรับว่า อิสราเอลยังคงยึดมั่นในคำสัญญานั้น และบอกว่า ในวันพฤหัสบดี (8) เขาจะเข้าร่วมการหารือเชิงยุทธศาสตร์ระดับสูงระหว่างสหรัฐฯ-อิสราเอล กับ ซูซาน ไรซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ผู้ที่ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู และประธานาธิบดีชิมอน เปเรซ ของอิสราเอลไปแล้วเมื่อวันพุธ

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000051408
แก้ไขข้อความเมื่อ
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่