ก.ล.ต.รับไม่มีอำนาจสอบโนเบิล

ก.ล.ต.รับไม่มีอำนาจตรวจสอบโนเบิล หลังผู้ถือหุ้นร้องเพิ่มทุนแบบเจาะจงอาจไม่โปร่งใส ชี้เป็นกฎหมายมหาชน กระทรวงพาณิชย์เป็นดูแล

นายธวัชชัย พิทยโสภณ ผู้อำนวยการ ฝ่ายกฎหมายและพัฒนา รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายงานเลขาธิการ สำนักงานกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีกระแสข่าวการร้องเรียนของผู้ถือหุ้น บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ ถึงการมีเสนอวาระการเพิ่มทุน แบบเจาะจง ระหว่างการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2557 จนเกิดความเสียหาย ปัจจุบันมีผู้ถือหุ้นจำนวนหนึ่งมาร้องเรียนที่ ก.ล.ต.ถึงปัญหาดังกล่าวแล้ว โดยกรณีนี้ตามปกติ การเสนอวาระการประชุมสามารถทำได้ หากผู้ถือหุ้นมีหุ้นมากกว่า 1 ใน 3 ของหุ้นทั้งหมด

"ตามปกติการเสนอวาระในการประชุมผู้ถือหุ้น จะสามารถเสนอวาระระหว่างการประชุมได้ โดยต้องมีจำนวนหุ้น 1 ใน 3 ของหุ้นที่มีอยู่ทั้งหมด เป็นไปตามกฎหมายบริษัทมหาชน จึงต้องไปดูว่า การเสนอวาระดังกล่าว ผู้เสนอมีจำนวนหุ้นจำนวนดังกล่าวหรือไม่ โดยจากการแจ้งข่าวของบริษัทชี้แจงว่า มติดังกล่าวได้รับการเห็นชอบจากผู้ถือหุ้น 1 ใน 3 ของหุ้นทั้งหมด"

การตรวจสอบเรื่องนี้ ก.ล.ต. ไม่มีอำนาจตรวจสอบ เพราะเป็นเรื่องกฎหมายมหาชน ที่ผู้มีอำนาจดูแลคือกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลโดยตรง ส่วนการเสนอขายหุ้นแบบเฉพาะเจาะจง บริษัทสามารถดำเนินการได้เลย โดยไม่ต้องขออนุญาตจากก.ล.ต. เหมือนกับการเสนอขายหุ้นไอพีโอ หรือการขายหุ้นแบบ พีโอ ที่ต้องขออนุญาตกับก.ล.ต.ก่อน จึงจะดำเนินการได้

ด้านนาย วรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ ก.ล.ต. เปิดเผยถึงความคืบหน้า ของการจัดทำดัชนีเพื่อประเมินระดับการพัฒนา ด้านธรรมาภิบาล และการป้องกันการมีส่วนร่วมกับการคอร์รัปชันสำหรับบริษัทจดทะเบียน ร่วมกับสถาบันไทยพัฒน์ ปัจจุบันมีความคืบหน้าไปค่อนข้างมาก คาดจะแล้วเสร็จในเดือนก.ค.นี้ ก.ล.ต.เชื่อว่าการทำดัชนีการชี้วัดดังกล่าว จะมีส่วนช่วยส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนไทย ได้รับการจัดอันดับเข้าดัชนีดาวโจนส์เอสเอ อินเด็กซ์ เพิ่มขึ้นในอนาคต

"การจัดทำดัชนีดังกล่าว จะช่วยให้ต่างชาติ สามารถพิจารณาระดับธรรมาภิบาล และการต่อต้านคอร์รัปชันของแต่ละบริษัท ซึ่งต่างชาติให้ความสนใจเรื่องนี้มาก และก.ล.ต.ยังหวังว่าการจัดทำดัชนี จะเป็นตัวช่วยให้การประเมินด้านธรรมาภิบาลของบริษัทจดทะเบียนไทย ผลักดันให้ได้รับการเชิญเข้าบรรจุในดัชนีดาวโจนส์จากปัจจุบันที่มีอยู่ 4 บริษัท ให้เพิ่มขึ้นได้อีกในอนาคต"

เขากล่าวว่า การจัดทำระดับตัวชี้วัด ระดับการต่อต้านคอร์รัปชัน และการรับผิดชอบต่อสังคม ก.ล.ต.จะนำข้อมูลในการวิเคราะห์ทั้งหมดจากหนังสือแสดงรายการข้อมูลประจำปี 56-1 จะแบ่งเป็น 5 ระดับ เพื่อให้บริษัทจดทะเบียนรับรู้ว่า แต่บริษัทอยู่ในระดับใด และต้องเพิ่มศักยภาพในส่วนไหนในอนาคต ในปีแรกก.ล.ต.คาดหวังว่า บริษัทจดทะเบียนไทย จะได้รับการจัดอันดับอยู่ในระดับที่ 1 หรือระดับ การแสดงเจตนารมณ์ขององค์กรในการปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย และกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง มีการดำเนินกิจกรรมที่สอดคล้องกับเจตจำนงเชิงกลยุทธ์ และสามารถสื่อสารให้ผู้มีส่วนร่วมในองค์กรได้รับทราบ เป็นอย่างน้อย ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ของบริษัทจดทะเบียน ที่จะยกระดับความสามารถของตนเองได้ในอนาคต

แหล่งข่าว http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/finance/finance/20140507/580478/%E0%B8%81.%E0%B8%A5.%E0%B8%95.%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%A5.html

ปล ท่านกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์โดยดันไปโบ้ยให้คนอื่นอีก เพลียจริงๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่