[CR] Come Dine with Me ชิมและเที่ยวอย่างช้าๆ ในร้านอาหารดีๆ ที่ไม่ควรพลาด ณ หลวงพระบางครับ

สวัสดีครับ วันนี้พยายามหาเวลาและโอกาสมานำเสนอร้านอาหารในสถานที่ที่อาจจะแปลกตาออกไปแก่ทุกท่านเช่นเคยครับ สถานที่ในวันนี้เป็นที่ที่ผมอิดออดจะไปไม่ไปดีอยู่หลายหน จนกระทั่งคุณแม่ผมบอกว่า "ลูกควรจะเลิกใช้ชีวิตแบบ 4X และเปลี่ยนไปใช้ชีวิตแบบ 0.5X ดูบ้าง" บางทีชีวิตอาจจะมีความสุขได้มากกว่าที่เป็นอยู่อย่างทุกวันนี้



พูดจบ ตั๋วเครื่องบินไปกลับกรุงเทพฯ - หลวงพระบางก็มาวางอยู่ตรงหน้า ส่วนเรื่องโรงแรมที่พักอีกสามคืนนั้นเป็นหน้าที่ที่ผมจะต้องจัดหาเอง กว่าจะเลือกโรงแรมได้เสร็จและจ่ายเงิน ผมก็คิดแล้วคิดอีก นี่ขนาดยังไม่ได้ไป ความเนิบช้าของหลวงพระบางก็เริ่มแผ่ซ่านเข้ามาในวิถีชีวิตแบบเดิมๆ ของผมเป็นที่เรียบร้อยครับ



ผมเริ่มต้นการเดินทางในเช้าวันอังคาร ออกจากบ้านช้าๆ แบบไม่ต้องรีบ บอกแล้วว่าต้องปรับตัว ถึงเคาน์เตอร์ของบางกอกแอร์เวยส์ ตรวจสัมภาระ เดินช้าไปผ่านการตรวจหนังสือเดินทาง นั่งจิบชา อ่านหนังสือพิมพ์  ไม่ต้องรีบครับไม่ต้องรีบ รอจน Final Call จึงค่อยๆ ยุรยาตรไป bus gate เนื่องจากเป็นเครื่องแบบ ATR ซึ่งขึ้นจากประตูด้านหลัง ผมซึ่งนั่งหน้าสุดที่ 1D ก็ย่อมถูกต้อนไปนั่งรถบัสคันแรก ขึ้นเครื่องรับผ้าเย็นมาซับเหงื่อ แล้วเครื่องก็แท็กซี่ช้าๆ เหินฟ้าแหวกเมฆไปทางทิศอิสานครับ



2 ชั่วโมงบนเครื่อง ผมกลับมาใจร้อนอีกครั้ง เพราะอยากจะถึงหลวงพระบางไวๆ อยากรู้ว่าชีวิตที่ไม่มีแสงสี ไม่มีรถติดจะเป็นอย่างไร ก็เลยเผลอทานมื้อสายไปอย่างรวดเร็ว วันนี้เป็นบะหมี่ไก่ สลัดถั่ว ส่วนเค้กนั้น เจอกันทุกรอบที่บินบางกอกแอร์เวยส์ ความรู้สึกเหมือนทั้งรักทั้งเกลียด คือมันอร่อยๆ แต่เจอบ่อยๆก็เบื่อได้ ถ้าไม่เจอเค้กนี้จะเจอเค้กช็อกโกแลต หรือไม่ก็มะพร้าวแทนครับ



และแล้วเครื่องก็ลดระดับลงสู่ท่าอากาศยานหลวงพระบาง ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง วันที่ผมไปมีผู้โดยสารทั้งลำไม่ถึง 25 คน ดังนั้น ทุกอย่างดูเหมือนจะเร็ว แต่เราก็ได้สัมผัสเวลาที่เดินช้า นับตั้งแต่เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองที่ค่อยๆ บรรจงประทับตราอย่างลังเลใจ เช่นเดียวกับสัมภาระที่กว่าจะลำเลียงมาถึงสายพาน ต้องใช้เวลานาน ผมก็เลยเดินอ้อยอิ่งไปแลกเงิน เพื่อจะได้เป็นเศรษฐีเงินล้านกับเขาอีกสักรอบ

ออกจากสนามบิน ป้ายชื่อและคนขับรอพร้อมอยู่แล้ว ความจริงไม่ต้องจองรถรับส่งกับโรงแรมแบบผมก็ได้ เพราะที่สนามบินมีบริการเช่นกัน และถูกกว่าจองผ่านโรงแรมอยู่ 1 เหรียญสหรัฐ ที่หลวงพระบางก็เหมือนเวียงจันทน์ที่ผมไปเกือบทุกปีในช่วงหลัง โดยพยายามจะรณรงค์ให้ทุกคนใช้เงินกีบ แต่ก็ดูเหมือนทุกที่จะต้องแจ้งราคาเป็นบาท และ เหรียญสหรัฐควบคู่กับเงินสกุลหลักของประเทศครับ



โรงแรมที่พักของผม เอาเข้าจริงๆ ก็ลอกท่านๆ ทั้งหลายในพันทิป นั่นก็คือ วิลล่า นครา โรงแรมเล็กๆ ที่มีหุ้นส่วนเป็นคนไทย ทั้งโรงแรมมีเพียง 7 ห้อง ห้องธรรมดาจะไม่เห็นวิวจำนวน 4 ห้องอยู่ด้านหลังโรงแรม ส่วนห้องสวีทจะเห็นวิวแม่น้ำคานจำนวน 3 ห้อง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผมจะเลือกห้องสวีทสำหรับ 3 คืนที่นี่ อยากใช้ชีวิตเดินช้า นั่งมองแม่น้ำคานไหลเอื่อยๆ ในมุมที่ใครๆก็บอกว่า ดีที่สุดในหลวงพระบางครับ



กระบวนการเช็คอินเป็นไปอย่างเรียบๆ เนิบๆ ตามแบบหลวงพระบาง ผมขอห้องสวีทชั้นบนเพื่อจะได้ไม่พลุกพล่าน แต่คำตอบจากผู้จัดการโรงแรมทำให้ผมอึ้ง นั่นก็คิอ ผมจะได้ห้องสวีทชั้นบนตามคำขอโดยเป็นห้องที่ดีที่สุดของโรงแรมครับ พนักงานช่วยผมยกกระเป๋า ณ เวลานี้ผมจะต้องถอดรอเท้าเก็บในตู้ และไปพบกับห้องสวีทของผม ด้านหน้าเป็นห้องรับแขกกว้างใหญ่ พร้อมอุปกรณ์ชงชากาแฟ นิตยสารวางเรียงราย ส่วนตู้เย็นมีมินิบาร์ฟรี เป็นน้ำดื่มยี่ห้อดาวไม่อั้น เบีร์ลาววันละ 3 กระป๋อง กับโค้กอีกวันละ 3 กระป๋องเช่นกัน สำหรับผู้ที่นอน-แอลกอออล์อย่างผมเลยสบายไป ไม่ต้องเสียเงินซื้อของฝาก แต่บรรจงเก็บ 9 กระป๋องที่ได้ในสามคืนนั้นบรรจุลงในกระเป๋ากลับมาไทยด้วยครับ



ส่วนอื่นๆ ของห้องก็ดีมาก มีตั้งแต่เตียงสี่เสาขนาดใหญ่ พร้อมหมอนนุ่มๆ ไม่อั้น โทรทัศน์ เครื่องเล่นดีวีดี ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ ระเบียงกว้างขวาง และอินเทอร์เน็ตที่ผมว่าจำเป็นน้อยมาก ในวันที่ผมต้องการทำตัวให้ช้าลงจากเมืองที่ผมได้จากมาครับ นอกจากนี้ ยังมีโซฟานั่งเล่นอีกชุดในห้องนอน เช่นเดียวกับที่ระเบียง ห้องน้ำก็กว้างขวางแยกส่วนเปียกส่วนแห้ง พร้อมฝักบัวเรนชาวเวอร์ และอะเมนิตี้เกรดเดียวกับสปาดีๆทั่วไป อ้อ ไม่มีอ่างอาบน้ำครับ นับว่าเป็นทางสายกลางที่สอนให้เราเดินช้า ทำอะไรช้าๆ แต่ไม่ช้ามากเกินไปจนกระทั่งต้องติดอ่างครับ



ผมจะไม่เล่าเรื่องเที่ยว เพราะกระทู้ทุกกระทู้ ตั้งแต่พันทิปแบบเก่าจนถึงใหม่ ผมเน้นเรื่องกินเป็นหลักอยู่แล้ว แต่ก็จะเล่าแบบเร็วๆ ว่า ผมใช้เวลาช่วงบ่าย เดินกางร่มไปละเลียดชมความงามของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหลวงพระบาง ซึ่งดัดแปลงมาจากพระราชวังของเจ้ามหาชีวิตองค์สุดท้าย ด้านในห้ามถ่ายภาพ และจัดแต่งอย่างเรียบง่าย มีท้องพระโรงและห้องบรรทมรวมทั้งห้องหับอื่นๆ ห้ามเอาไปเทียบกับความงามแบบบัคกิ้งแฮม แวร์ซายส์  เชิร์นบุนส์ หรูๆ เหล่านั้น แต่ก็เรียบง่ายตามแบบฉบับหลวงพระบาง ใกล้ๆ กันยังมีโรงเก็บราชรถ และโรงละคร พอให้ได้เดินชมอย่างช้าๆ สบายๆ ก่อนผมจะเดินกลับโรงแรมแวะไปชมจุดที่น้ำโขงไหลมาบรรจบกับน้ำคาน เป็นอันเสร็จวันเที่ยวง่ายๆ สบายๆ แบบบไม่เร่งรีบ





ชื่อสินค้า:   Villa Nagara, La Residence Phou Vao, Blue Lagoon, Tammak Lao
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่