เพิ่งกลับจากไปเที่ยวภูเก็ตมา เพื่อชาร์จแบตให้กับตัวเอง แต่พอถึงบ้าน คิดถึงวันทำงาน หลังจากหยุดมาหลายวัน รู้สึกว่าเบื่อ ๆ กับการต้องไปทำงาน
ตื่นแต่เช้ามืด กลับก็มืด เดินทางไปกลับวันละ 4-5 ชม. สัปดาห์ละ 5 วัน แล้วก็ต้องหอบเอางานกองโตมาทำที่บ้านทุกเสาร์-อาทิตย์
ได้ทำงานกับบริษัทที่มั่นคง อันดับต้น ๆ ของประเทศ ทั้ง ๆ ที่เราจบแค่ ปวส.แต่ได้เงินเดือนเทียบเท่าคนจบปริญญาโท
(เพื่อนบอกมาถ้าเทียบกับบริษัทข้างนอก) สวัสดิการ การรักษาพยาบาล เงินกองทุน ที่ทำให้ไม่อยากลาออก
เป็นความฝันตั้งแต่เรียนว่าจะต้องเข้าทำงานที่นี่ให้ได้ พอเข้าทำงานได้ ก็อยากได้ตำแหน่ง อยากได้เงินเดือนเยอะ ๆ ผ่านมา 9 ปี
สิ่งที่หวังก็เป็นจริงทุกอย่างแล้ว คิดว่าไม่น่าจะไปได้ไกลกว่านี้ นอกจากจะไปเรียนเพื่อปรับวุฒิ แต่จะเอาเวลาที่ไหนไปเรียนในเมื่อกลับมาบ้านก็หมดแรง วันหยุดก็ต้องทำงานที่ค้างของแต่ละสัปดาห์ แล้วอายุก็มาก เผื่อวันใดวันนึงมีลูกขึ้นมา ค่าใช้จ่ายก็ต้องเพิ่มแล้วที่เรียนไปล่ะจะทำอย่างไงต่อไป
โครงการนี้ก็เลยต้องพับไว้ อยากเรียนอยากรู้อะไรก็ลงเรียนคอร์สสั้น ๆ เอา ซึ่งคุณก็น่าจะคิดว่าถ้ามันเพอร์เฟ็คขนาดนี้แล้วจะลาออกไปหาเรื่องใส่ตัวทำไมใช่มั้ยคะ แถมยังมีหนี้สินพวกบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด บ้าน รถอีก ก็ฉันเริ่มต้นสร้างครอบครัวจาก 0 อยากได้อะไร (เฉพาะที่จำเป็น) ก็ต้องผ่อน
เพราะถ้ามัวแต่เก็บตังก็คงไม่มีของจำเป็นใช้ ซึ่งตอนนี้ของพวกนี้ก็ใกล้จะเป็นของฉันแล้ว เรื่องมันเริ่มมาจากฉันมีโรคประจำตัว คือไทรอยด์เป็นพิษ
แพ้ยาไทรอยด์ ก็ไปกลืนแร่ ไทรอยด์หาย แต่ได้ของแถมคือร่างกายไม่มีฮอร์โมน ต้องกินยาเสริมฮอร์โมนตลอดชีวิต ซึ่งก็มีคนส่วนใหญ่เค้าเป็นกัน
แต่ฉันดันพ่วงโรคภูมิแพ้ยาด้วยสิ แพ้แบบไม่มีสาเหตุก็หลายตัว ตอนนี้หมอบอกว่ายาที่กินเพื่อปรับฮอร์โมน ถ้าวันนึงแพ้ขึ้นมาก็งานเข้า
เพราะหมอบอกว่ายังไม่มียาอะไรทดแทนยาตัวที่กินได้ในขณะนี้ ก็แค่ภาวนาว่าขอให้กินไปเรื่อย ๆ อย่าแพ้เหมือนยาตัวอื่นเลย ตอนไปเที่ยวก็ลืมกินยา
แต่ไม่เป็นอะไร อาจเพราะว่าได้ผ่อนคลาย ไม่เครียด แต่พอกลับมาบ้านก็เอางานมาทำ เท่านั้นแหล่ะ พอมีอาการเครียด แขนขาออกอาการอ่อนแรง
เพลียแบบไม่มีสาเหตุ ตอนแรกก็คิดว่าคงเหนื่อยเดี๋ยวคงหาย สักพักไม่หายกลัวเป็นอัมพฤกษ์ซะก่อนเพราะขาเริ่มเป็นตะคริวแล้วสิ ก็เลยกินยาฮอร์โมนเพราะคิดว่าน่าจะขาดฮอร์โมน ระหว่างที่รอให้ยาออกฤทธิ์ก็ให้สามีบีบแขนให้ ประมาณ 1 ชม.ก็ดีขึ้น ก็เลยมานั่งคิด ถ้าวันนึงฉันเกิดแพ้ยาขึ้นมา
หรือถ้าร้ายแรงฉันตายขึ้นมาแล้วความฝันของฉันล่ะจะทำอย่างไง ความฝันอันสูงสุดคือ ให้พ่อแม่ไม่ต้องทำงาน มีเงินให้พ่อแม่ใช้ แต่ถ้ายังกินเงินเดือนอย่างนี้ก็ยากที่จะทำให้เค้าได้ ฉันอยากเปิดร้านกาแฟ ขนม ไอศครีม ไปดูทำเลมาแล้ว แต่ก็ยังตัดสินใจเรื่องงานไม่ได้ ตอนนี้ฉันก็เทรด forex ก็พอได้
แต่ว่าเล่นได้เฉพาะตอนกลับบ้านและก็ยังมีขายของในเว็บไซต์ รับประมูลของในอีเบย์ ซึ่งทำได้ไม่เต็มที่ สามีเห็นฉันหอบงานมาทำวันหยุดก็ไม่ได้พักผ่อนเต็มที่ ก็เลยบอกว่าถ้าอยากลาออกก็ออก เอาเงินกองทุนที่มีประมาณ 4 แสน แบ่งมาใช้หนี้ ลงทุนกับ forex ทำเว็บ จะได้ไม่เครียดเพราะอยู่บ้านตลอด
ไม่ต้องเดินทาง และถ้ามีเวลามีเงินลงทุนในอนาคตอยากเปิดร้านค่อยเปิด แต่เงินเดือนของสามีน้อยกว่าของฉัน แต่ถ้าเค้าทำโอทีก็ยังพอได้
มันก็เลยทำให้ฉันต้องตัดสินใจว่าจะทำตามฝันหรือทำงานต่อไป กลัวจะตัดสินใจช้า กลัวจะไม่ได้ทำตามฝัน แต่ถ้าทำตามฝันกลัวไปไม่รอด
คิดไม่ออกจริง ๆ ค่ะ ถ้าเป็นเพื่อน ๆ คิดว่าควรจะทำอย่างไงดีคะ ถ้าชึวิตเราไม่แน่นอน
ชีวิตไม่แน่นอน เราควรจะทำตามฝันหรือว่าทำงานที่มั่นคงต่อไป
ตื่นแต่เช้ามืด กลับก็มืด เดินทางไปกลับวันละ 4-5 ชม. สัปดาห์ละ 5 วัน แล้วก็ต้องหอบเอางานกองโตมาทำที่บ้านทุกเสาร์-อาทิตย์
ได้ทำงานกับบริษัทที่มั่นคง อันดับต้น ๆ ของประเทศ ทั้ง ๆ ที่เราจบแค่ ปวส.แต่ได้เงินเดือนเทียบเท่าคนจบปริญญาโท
(เพื่อนบอกมาถ้าเทียบกับบริษัทข้างนอก) สวัสดิการ การรักษาพยาบาล เงินกองทุน ที่ทำให้ไม่อยากลาออก
เป็นความฝันตั้งแต่เรียนว่าจะต้องเข้าทำงานที่นี่ให้ได้ พอเข้าทำงานได้ ก็อยากได้ตำแหน่ง อยากได้เงินเดือนเยอะ ๆ ผ่านมา 9 ปี
สิ่งที่หวังก็เป็นจริงทุกอย่างแล้ว คิดว่าไม่น่าจะไปได้ไกลกว่านี้ นอกจากจะไปเรียนเพื่อปรับวุฒิ แต่จะเอาเวลาที่ไหนไปเรียนในเมื่อกลับมาบ้านก็หมดแรง วันหยุดก็ต้องทำงานที่ค้างของแต่ละสัปดาห์ แล้วอายุก็มาก เผื่อวันใดวันนึงมีลูกขึ้นมา ค่าใช้จ่ายก็ต้องเพิ่มแล้วที่เรียนไปล่ะจะทำอย่างไงต่อไป
โครงการนี้ก็เลยต้องพับไว้ อยากเรียนอยากรู้อะไรก็ลงเรียนคอร์สสั้น ๆ เอา ซึ่งคุณก็น่าจะคิดว่าถ้ามันเพอร์เฟ็คขนาดนี้แล้วจะลาออกไปหาเรื่องใส่ตัวทำไมใช่มั้ยคะ แถมยังมีหนี้สินพวกบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด บ้าน รถอีก ก็ฉันเริ่มต้นสร้างครอบครัวจาก 0 อยากได้อะไร (เฉพาะที่จำเป็น) ก็ต้องผ่อน
เพราะถ้ามัวแต่เก็บตังก็คงไม่มีของจำเป็นใช้ ซึ่งตอนนี้ของพวกนี้ก็ใกล้จะเป็นของฉันแล้ว เรื่องมันเริ่มมาจากฉันมีโรคประจำตัว คือไทรอยด์เป็นพิษ
แพ้ยาไทรอยด์ ก็ไปกลืนแร่ ไทรอยด์หาย แต่ได้ของแถมคือร่างกายไม่มีฮอร์โมน ต้องกินยาเสริมฮอร์โมนตลอดชีวิต ซึ่งก็มีคนส่วนใหญ่เค้าเป็นกัน
แต่ฉันดันพ่วงโรคภูมิแพ้ยาด้วยสิ แพ้แบบไม่มีสาเหตุก็หลายตัว ตอนนี้หมอบอกว่ายาที่กินเพื่อปรับฮอร์โมน ถ้าวันนึงแพ้ขึ้นมาก็งานเข้า
เพราะหมอบอกว่ายังไม่มียาอะไรทดแทนยาตัวที่กินได้ในขณะนี้ ก็แค่ภาวนาว่าขอให้กินไปเรื่อย ๆ อย่าแพ้เหมือนยาตัวอื่นเลย ตอนไปเที่ยวก็ลืมกินยา
แต่ไม่เป็นอะไร อาจเพราะว่าได้ผ่อนคลาย ไม่เครียด แต่พอกลับมาบ้านก็เอางานมาทำ เท่านั้นแหล่ะ พอมีอาการเครียด แขนขาออกอาการอ่อนแรง
เพลียแบบไม่มีสาเหตุ ตอนแรกก็คิดว่าคงเหนื่อยเดี๋ยวคงหาย สักพักไม่หายกลัวเป็นอัมพฤกษ์ซะก่อนเพราะขาเริ่มเป็นตะคริวแล้วสิ ก็เลยกินยาฮอร์โมนเพราะคิดว่าน่าจะขาดฮอร์โมน ระหว่างที่รอให้ยาออกฤทธิ์ก็ให้สามีบีบแขนให้ ประมาณ 1 ชม.ก็ดีขึ้น ก็เลยมานั่งคิด ถ้าวันนึงฉันเกิดแพ้ยาขึ้นมา
หรือถ้าร้ายแรงฉันตายขึ้นมาแล้วความฝันของฉันล่ะจะทำอย่างไง ความฝันอันสูงสุดคือ ให้พ่อแม่ไม่ต้องทำงาน มีเงินให้พ่อแม่ใช้ แต่ถ้ายังกินเงินเดือนอย่างนี้ก็ยากที่จะทำให้เค้าได้ ฉันอยากเปิดร้านกาแฟ ขนม ไอศครีม ไปดูทำเลมาแล้ว แต่ก็ยังตัดสินใจเรื่องงานไม่ได้ ตอนนี้ฉันก็เทรด forex ก็พอได้
แต่ว่าเล่นได้เฉพาะตอนกลับบ้านและก็ยังมีขายของในเว็บไซต์ รับประมูลของในอีเบย์ ซึ่งทำได้ไม่เต็มที่ สามีเห็นฉันหอบงานมาทำวันหยุดก็ไม่ได้พักผ่อนเต็มที่ ก็เลยบอกว่าถ้าอยากลาออกก็ออก เอาเงินกองทุนที่มีประมาณ 4 แสน แบ่งมาใช้หนี้ ลงทุนกับ forex ทำเว็บ จะได้ไม่เครียดเพราะอยู่บ้านตลอด
ไม่ต้องเดินทาง และถ้ามีเวลามีเงินลงทุนในอนาคตอยากเปิดร้านค่อยเปิด แต่เงินเดือนของสามีน้อยกว่าของฉัน แต่ถ้าเค้าทำโอทีก็ยังพอได้
มันก็เลยทำให้ฉันต้องตัดสินใจว่าจะทำตามฝันหรือทำงานต่อไป กลัวจะตัดสินใจช้า กลัวจะไม่ได้ทำตามฝัน แต่ถ้าทำตามฝันกลัวไปไม่รอด
คิดไม่ออกจริง ๆ ค่ะ ถ้าเป็นเพื่อน ๆ คิดว่าควรจะทำอย่างไงดีคะ ถ้าชึวิตเราไม่แน่นอน