รหัสยนัย การเมือง ′รัฐบุคคล′ ถึง ′รัฐบุรุษ′ ′ฟัง′ แต่ ไม่ได้ยิน
วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 19:00:11 น.
มติชนรายวัน 26 เมษายน 2557
ถามว่าเหตุปัจจัยอันใดทำให้ "คณะรัฐบุคคล" อันนำโดย พล.อ.สายหยุด เกิดผล จำเป็นต้องออกมาแถลง "ย้ำ" อีกคำรบ 1
ต้องเน้นคำว่า "ย้ำ" อย่างเป็นพิเศษ
เพราะไม่เพียงแต่คณะรัฐบุคคลจะเคยออกมาเมื่อเดือนมกราคม หากแต่สดๆ ร้อนๆ ก่อนหน้านี้ในต้นเดือนเมษายนก็เคยออกมาแล้วหน 1
ครั้งนี้จึงถือว่าเป็นครั้งที่ 3
คำตอบ 1 แสดงว่าข้อเรียกร้องเมื่อเดือนมกราคม ข้อเรียกร้องเมื่อต้นเดือนเมษายน ยังไม่ประสบผลสำเร็จ
จึงจำเป็นต้องออกมา "อีก"
ขณะเดียวกัน คำตอบ 1 แสดงว่าไม่ว่า ผบ.เหล่าทัพ ไม่ว่า
"รัฐบุรุษ" แม้จะล้างหูน้อมรับฟังข้อเสนอ แต่สภาพก็ดำเนินไปอย่างที่ พอล ไซมอน ว่าเอาไว้
นั่นก็คือ
"ฟัง" แต่
"ไม่ได้ยิน"
นั่นก็สัมผัสได้จากข้อเสนอล่าสุดที่ว่า "จำเป็นต้องขอพึ่งพระบารมี โดยเสนอให้รัฐบุรุษเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ รวมถึงสามารถร่างพระบรมราชโองการขึ้นทูลเกล้าฯ"
เน้นอย่างหนักแน่น เน้นอย่างจริงจังไปยัง "พระบารมี"
มีความแตกต่างอย่างแน่นอนระหว่างแนวทางของ "คณะรัฐบุคคล" กับ แนวทางของ กปปส.ของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
แตกต่างตรงที่
"วิธีการ"
แม้ว่า
"เป้าหมาย" จะเป็นอย่างเดียวกัน
อย่างน้อยที่สุด กปปส.ของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยังพยายามแอบอิงอยู่กับประชาชน อยู่กับมวลชน
เห็นได้จากการใช้คำว่า
"ปฏิวัติประชาชน"
ขณะที่ข้อเสนอเมื่อเดือนมกราคมของ
"คณะรัฐบุคคล" ฝากความหวังอยู่กับการทำรัฐประหารของ ผบ.เหล่าทัพ
และในเดือนเมษายนฝากความหวังอยู่กับ
"รัฐบุรุษ"
กระสวนการขับเคลื่อนของ
"คณะรัฐบุคคล" อันนำโดย
พล.อ.สายหยุด เกิดผล จึงคล้ายๆ กับกระสวนการขับเคลื่อนล่าสุดของพรรคประชาธิปัตย์โดย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ฝากความหวังอยู่กับ
"อภิชน" ฝากความหวังอยู่กับ
"คนชั้นสูง"
อาจเป็นเพราะขบวนการเคลื่อนไหวเหล่านี้มีสายสัมพันธ์ผูกโยงอยู่กับ กปปส.ของ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จึงต่อยอดจาก
"มวลมหาประชาชน"
เป็นการ "ต่อยอด" ในท่วงทำนอง "เด็ดยอด"
หากติดตามก้าวย่างการเคลื่อนไหว ไม่ว่า กปปส. ไม่ว่าคณะรัฐบุคคล ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ก็จะมองเห็นอาการสมคล้อยระหว่างกัน
เป้าหมายสูงสุดอยู่ที่การตัดสินใจของ
"กองทัพ"
เมื่อเห็นว่า ผบ.เหล่าทัพ ไม่ยอมสำนองรับกับการกดดันก็พยายามอาศัยอำนาจและบารมีของผู้ทรงพลานุภาพทางการเมือง
อย่าง
"รัฐบุรุษ"
บังเอิญที่ท่วงทำนองของ
"รัฐบุรุษ" ยังดำรงเอกลักษณ์แห่ง
"พระเตมีย์" ในทศชาดกเอาไว้ได้อย่างครบถ้วน
จึงอาศัย
"ความเงียบ" เป็น
"คำตอบ"
นี่ย่อมเป็น
"โกอาน" หรือ
"ปริศนาธรรม" อันลึกซึ้งอย่างยิ่ง หากมองจากวิถีแห่งเซน วิถีแห่งท่านเว่ยหล่าง ไม่ว่าจะศึกษาผ่านวลียอดฮิตที่ว่า
"เสียงตบมือข้างเดียว" ไม่ว่าจะศึกษาผ่านวลีที่ว่า
"เสียงขลุ่ยกลับมาหากอไผ่"
เพราะจนแล้วจนรอด
"เสียงตบมือข้างเดียว" ก็ไม่เคยดัง
เพราะจนแล้วจนรอด เมื่อคณะรัฐบุคคลและเมื่อ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มิได้ดำรงตนเป็นเสมือนกับกอไผ่ จึงยากเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ยินเสียงขลุ่ย
"เวลา" และ "กระแสน้ำ" ไม่เคยคอยใคร
ความเป็นจริงอันเห็นและเป็นอยู่ตลอด 5 เดือนของการเคลื่อนไหวในการขับและโค่น
"ยิ่งลักษณ์"
ไม่เพียงพิสูจน์ 1 ไม่มีเสียงของการตบมือข้างเดียว และ 1 ไม่ปรากฏเสียงขลุ่ยแว่ววิเวกมาจากกอไผ่ใดๆ ตรงกันข้าม 1 ภาพที่เห็นอันเด่นชัดมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับคือภาพของคน
กำลังยก "ก้อนหิน" ทุ่มใส่ "ขา" ของตัวเอง
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1398507297&grpid=01&catid&subcatid
รหัสยนัยการเมือง"รัฐบุคคล"ถึง"รัฐบุรุษ" "ฟัง"แต่ "ไม่ได้ยิน"...... (หรือสายหยุดอยากจะสื่อ"รัฐบุคคล" ตัวแทน "รัฐบุรุษ)
รหัสยนัย การเมือง ′รัฐบุคคล′ ถึง ′รัฐบุรุษ′ ′ฟัง′ แต่ ไม่ได้ยิน
วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 19:00:11 น.
มติชนรายวัน 26 เมษายน 2557
ถามว่าเหตุปัจจัยอันใดทำให้ "คณะรัฐบุคคล" อันนำโดย พล.อ.สายหยุด เกิดผล จำเป็นต้องออกมาแถลง "ย้ำ" อีกคำรบ 1
ต้องเน้นคำว่า "ย้ำ" อย่างเป็นพิเศษ
เพราะไม่เพียงแต่คณะรัฐบุคคลจะเคยออกมาเมื่อเดือนมกราคม หากแต่สดๆ ร้อนๆ ก่อนหน้านี้ในต้นเดือนเมษายนก็เคยออกมาแล้วหน 1
ครั้งนี้จึงถือว่าเป็นครั้งที่ 3
คำตอบ 1 แสดงว่าข้อเรียกร้องเมื่อเดือนมกราคม ข้อเรียกร้องเมื่อต้นเดือนเมษายน ยังไม่ประสบผลสำเร็จ
จึงจำเป็นต้องออกมา "อีก"
ขณะเดียวกัน คำตอบ 1 แสดงว่าไม่ว่า ผบ.เหล่าทัพ ไม่ว่า "รัฐบุรุษ" แม้จะล้างหูน้อมรับฟังข้อเสนอ แต่สภาพก็ดำเนินไปอย่างที่ พอล ไซมอน ว่าเอาไว้
นั่นก็คือ "ฟัง" แต่ "ไม่ได้ยิน"
นั่นก็สัมผัสได้จากข้อเสนอล่าสุดที่ว่า "จำเป็นต้องขอพึ่งพระบารมี โดยเสนอให้รัฐบุรุษเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ รวมถึงสามารถร่างพระบรมราชโองการขึ้นทูลเกล้าฯ"
เน้นอย่างหนักแน่น เน้นอย่างจริงจังไปยัง "พระบารมี"
มีความแตกต่างอย่างแน่นอนระหว่างแนวทางของ "คณะรัฐบุคคล" กับ แนวทางของ กปปส.ของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
แตกต่างตรงที่ "วิธีการ"
แม้ว่า "เป้าหมาย" จะเป็นอย่างเดียวกัน
อย่างน้อยที่สุด กปปส.ของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยังพยายามแอบอิงอยู่กับประชาชน อยู่กับมวลชน
เห็นได้จากการใช้คำว่า "ปฏิวัติประชาชน"
ขณะที่ข้อเสนอเมื่อเดือนมกราคมของ "คณะรัฐบุคคล" ฝากความหวังอยู่กับการทำรัฐประหารของ ผบ.เหล่าทัพ
และในเดือนเมษายนฝากความหวังอยู่กับ "รัฐบุรุษ"
กระสวนการขับเคลื่อนของ "คณะรัฐบุคคล" อันนำโดย พล.อ.สายหยุด เกิดผล จึงคล้ายๆ กับกระสวนการขับเคลื่อนล่าสุดของพรรคประชาธิปัตย์โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ฝากความหวังอยู่กับ "อภิชน" ฝากความหวังอยู่กับ "คนชั้นสูง"
อาจเป็นเพราะขบวนการเคลื่อนไหวเหล่านี้มีสายสัมพันธ์ผูกโยงอยู่กับ กปปส.ของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จึงต่อยอดจาก "มวลมหาประชาชน"
เป็นการ "ต่อยอด" ในท่วงทำนอง "เด็ดยอด"
หากติดตามก้าวย่างการเคลื่อนไหว ไม่ว่า กปปส. ไม่ว่าคณะรัฐบุคคล ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ก็จะมองเห็นอาการสมคล้อยระหว่างกัน
เป้าหมายสูงสุดอยู่ที่การตัดสินใจของ "กองทัพ"
เมื่อเห็นว่า ผบ.เหล่าทัพ ไม่ยอมสำนองรับกับการกดดันก็พยายามอาศัยอำนาจและบารมีของผู้ทรงพลานุภาพทางการเมือง
อย่าง "รัฐบุรุษ"
บังเอิญที่ท่วงทำนองของ "รัฐบุรุษ" ยังดำรงเอกลักษณ์แห่ง "พระเตมีย์" ในทศชาดกเอาไว้ได้อย่างครบถ้วน
จึงอาศัย "ความเงียบ" เป็น "คำตอบ"
นี่ย่อมเป็น "โกอาน" หรือ "ปริศนาธรรม" อันลึกซึ้งอย่างยิ่ง หากมองจากวิถีแห่งเซน วิถีแห่งท่านเว่ยหล่าง ไม่ว่าจะศึกษาผ่านวลียอดฮิตที่ว่า "เสียงตบมือข้างเดียว" ไม่ว่าจะศึกษาผ่านวลีที่ว่า "เสียงขลุ่ยกลับมาหากอไผ่"
เพราะจนแล้วจนรอด "เสียงตบมือข้างเดียว" ก็ไม่เคยดัง
เพราะจนแล้วจนรอด เมื่อคณะรัฐบุคคลและเมื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มิได้ดำรงตนเป็นเสมือนกับกอไผ่ จึงยากเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ยินเสียงขลุ่ย
"เวลา" และ "กระแสน้ำ" ไม่เคยคอยใคร
ความเป็นจริงอันเห็นและเป็นอยู่ตลอด 5 เดือนของการเคลื่อนไหวในการขับและโค่น "ยิ่งลักษณ์"
ไม่เพียงพิสูจน์ 1 ไม่มีเสียงของการตบมือข้างเดียว และ 1 ไม่ปรากฏเสียงขลุ่ยแว่ววิเวกมาจากกอไผ่ใดๆ ตรงกันข้าม 1 ภาพที่เห็นอันเด่นชัดมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับคือภาพของคน
กำลังยก "ก้อนหิน" ทุ่มใส่ "ขา" ของตัวเอง
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1398507297&grpid=01&catid&subcatid