สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
สวัสดีค่ะ น้อง จขกท (ขออนุญาตเรียกว่าน้อง)
พี่จบจากคณะนิเทศ (ขอไม่เอ่ยมหาวิทยาลัย) มาได้ประมาณปีเศษแล้วค่ะ (บอกทำไม ๕๕๕)
อ่อ บอกเพื่อน้อง จขกท จะได้รู้ว่าอันนี้เป็นคอมเม้นจากคนที่เรียนสายนิเทศมาจริงๆไง๊ ๕๕๕
น้องชอบจริงๆหรือเปล่าคะ งานขีดๆ เขียนๆ ศิลปะ หนัง หรืออะไรที่น้องบอกไว้
ถ้าชอบจริงๆ แล้วรู้สึกว่าอยากจะใช้เวลาทั้งชีวิตไปกับสิ่งเหล่านี้ ก็ซิ่วมาเลยค่ะ อย่าเสียเวลาเปล่ากับคณะที่เรียนอยู่ตอนนี้
ถ้าเรานึกภาพตัวเองนั่งจมกองฟุต อยู่ในห้องตัดต่อ ไปออกกอง ประชุมคิดงาน เขียนบท อ่านหนังสือ ฟังเพลง อะไรงี้ออก ก็มาเลยค่ะ
เพราะนั่นเป็นสัญญาณที่ดีว่าใจของเราอยู่ที่อะไรแบบนี้จริงๆ แล้วพี่คิดว่าถ้ามี passion แบบนี้ก็ไม่เสียเปล่าที่จะมาเรียนค่ะ
แต่ถ้านึกไม่ออกจริงๆ หรือยังไม่ค่อยเห็นมโนภาพเท่าไหร่ แนะนำว่าให้ลองไปฝึกงานก่อนดูก็จะดีค่ะ
ลองเข้าไปใช้ชีวิตคนทำงานสายนิเทศดูสักสองเดือนว่าเค้าอยู่กินกันยังไง ตารางชีวิต/ทำงานมันเป็นอย่างไร
คนทำโฆษณา หนัง นิตยสาร แค่นี้ก็มี timetable ของชีวิตที่ไม่เหมือนกันแล้ว ลองไปสัมผัสดูว่าเราชอบหรือเปล่า
ถ้าไปแล้วยังชอบ ก็ซิ่วไปเลยค่ะ ไม่ต้องเรียนมันแล้วค่ะเศรษฐศาสตร์ ๕๕๕
เรื่องตกงาน การันตีเอาหัวเป็นประกันว่ายังไงก็ไม่ตกงานค่ะ ถ้าน้องเป็นคนไม่เลือกงาน เกี่ยงงาน เห็นงานไหนด้อยกว่าตัวเอง
ยังไงก็มีงานให้ทำ อย่างน้อยรุ่นพี่ในคณะที่รู้จักกัน ถ้าเค้าเห็นงานเรา ประทับใจในฝีมือ ก็อาจจะดึงไปช่วย
อย่างน้อยที่สุดเค้าก็อาจจะช่วยชี้ช่องทางให้ได้ว่าลองไปสมัครที่นี่ดู ที่นั่นดู ยังไงท้ายที่สุดก็มีงานทำ มีข้าวกินเหมือนคนอื่นค่ะ
อย่าให้ความคิดโบราณที่ว่า 'เรียนนิเทศแล้วจบไปเป็นดารา' กับ 'เรียนนิเทศแล้วตกงาน' มากั้นความชอบความฝันของเราค่ะ
ไม่งั้นพี่ที่พิมพ์อยู่ตอนนี้ก็ไม่มีเงินซื้อข้าวกินค่ะ แต่พี่มีงาน พี่เป็นหลักฐานที่มีชีวิตว่าเรียนนิเทศแล้วมีงานทำค่ะ ไม่ตกงานแน่นอน (ถ้าตามเงื่อนไขในบรรทัดแรกของย่อหน้านี้)
เรื่องเงินพี่ขอโนคอมเม้นนะคะเพราะเป็นปัจจัยส่วนตัวจริงๆ พี่ก็ไม่สามารถการันตีอะไรได้ว่าการซิ่วไปคณะวารสารศาสตร์ ธรรมศาสตร์ จะมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าหรือเปล่า เพราะไม่ได้เรียนที่ มธ น่ะค่ะ แต่เอาใจช่วยนะคะ สู้ๆค่ะ
พี่เห็นน้องคอมเม้นว่าความฝันของน้องคือการเรียนต่อต่างประเทศ จะบอกว่า course สำหรับวิชาด้านนิเทศศาสตร์นี่มีเปิดเยอะมาก ไม่ต้องห่วงค่ะ มีให้เรียนแน่นอน ทั่วสหราชอาณาจักร หรืออยากจะข้ามมหาสมุทรไปเรียนที่อเมริกาก็ทำได้ไม่เคอะเขินค่ะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องเครียดโนะคะ
พี่เห็นด้วยกับ คห ของพี่บางคนที่แนะนำให้เรียนเป็นวิชาโทไปก่อน ดูว่าตัวเองชอบหรือไม่ชอบมั้ย แต่ถ้าหนูรอไม่ไหว ก็ไปยื่นฝึกงานตอนนี้เลยค่ะ เดินดุ่มเข้าไป ก่อนเปิดเทอม ไปฝึกให้ได้รู้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยากบอกว่าตอนเรียนก็ไม่เหมือนตอนฝึกงาน ตอนฝึกงานก็ไม่เหมือนตอนทำงานจริงนะ
เมื่อสถานะมันต่างกัน การเป็น นิสิต นักศึกษา การเป็นเด็กฝึกงาน การเป็นพนักงานประจำ ความคาดหวังจากที่ทำงานและความรับผิดชอบย่อมแตกต่างกันอยู่แล้ว
สรุปคือพี่คิดว่าออปชั่นการเรียนวารสารน่าจะเป็นทางเลือกที่เซฟที่สุด ทั้งในแง่การเงินและการเรียน แต่ออปชั่นฝึกงานน่าจะเร็วที่สุดในการช่วยให้ตัดสินใจได้ว่าเราจะเอาจริงเอาจังด้านนี้จริงๆหรือเปล่านะคะพี่ว่า
พาร์ทนี้สำหรับ คห ที่ผ่านๆมาและที่กำลังจะมาถึงในวันข้างหน้านะคะ
1. นิเทศศาสตร์ ไม่มี 'น์' นิเทศฯ คือย่อมาจาก นิเทศศาสตร์ค่ะ รบกวนสะกดให้ถูกด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
2. งานสายนิเทศ ใครจะทำได้ก็จริงค่ะ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ทำแล้วได้ดี อย่างคุณพี่ คห 1 ก็เป็นตัวอย่างของคนที่ไม่ได้เรียน แต่สามารถทำงานในสายนิเทศได้อย่างไม่เคอะเขิน ทั้งนี้เพราะพี่ คห 1 เค้ามีปัจจัยของด้านการศึกษาที่เกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์มาอยู่แล้ว และสายงานนิเทศที่พี่เขาเลือกทำก็คือสายข่าวซึ่งต้องการความ specialize ทางด้านใดด้านหนึ่งอยู่แล้วเพราะจะนำเสนอแง่มุมที่ลึกลงไปได้ในสไตล์คนรู้จริง ในเคสนี้ก็จะ perfect match กันพอดี
แต่อย่างไรก็ตาม สมมติว่าพี่ไปจับคนเรียนวิชาโบราณคดี มาจับกล้อง ถ่ายหนัง เขียนบท นี่ก็ทำได้นะคะ แต่คงทำได้ไม่ดี อาจจะดีแค่ในเรื่องของข้อมูลที่มีแน่น ความ specialize ทางด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี แต่ในแง่ของการทำงานด้านนิเทศ ไม่ว่าจะเป็นการปรับค่ากล้อง สปีดชัตเตอร์ รูรับแสง หรือโครงสร้างการเขียนบทที่ดี เป็นอย่างไรนี้ เค้าก็จะทำไม่ได้เลย เพราะมันไม่มีสอนที่ไหนนอกจากคณะจำพวกนิเทศศาสตร์
ไม่อยากให้คิดกันแบบผิดๆนะคะว่าไม่ต้องเรียนมาก็หาความชำนาญทำได้ บางคนอาจจะมีความสามารถและความชอบในด้านข่าวอย่างพี่ คห 1 ก็เป็น case perfect match เหมือนที่บอกไป ก็ประสบความสำเร็จไปค่ะ แต่บางคนเรียนนิติศาสตร์มา เรียนกฏหมาย แต่มาเป็น AE ในเอเจนซี่โฆษณาก็คือตายค่ะ ทำไม่ได้ค่ะ เพราะไม่ได้ถูกปลูกฝังแนวคิดทางด้าน communications มาว่า target group คืออะไร above the line, below the line คืออะไร มันเสียเวลาจะต้องมาสอนใหม่ค่ะ แล้วบางคนไม่มี sense ด้านนี้ก็ทำไม่ได้เลยนะ งานสายนิเทศมันคืองานสื่อสารมวลชน ถ้าเราเป็นคนมี sense เราเก็ทว่าแบบนี้มันจะดี มันจะไม่ดี มันจะทำให้เราทำงานได้เร็วขึ้น แต่ sense และความเข้าใจว่าอะไรดีไม่ดีเนี่ย ก็เกิดหลักๆมาจากการวิพากษ์ในสมัยเรียนนี่แหละ การลองผิดลองถูกว่าอันนี้โดน อันนี้แป้ก
เพราะฉะนั้นถ้าน้อง จขกท อยากเรียนทำเป็นและจะทำให้ได้ดีจริงๆก็แนะนำว่าทิ้งเศรษฐศาสตร์แล้มาเรียนนิเทศให้จริงจังเลยค่ะ มันจะเป็นประโยชน์กับตัวเราในระยะยาวมากกว่าค่ะ
สุดท้ายนี้คืออยากให้คิดดีๆนะคะ อนาคตเป็นของเรา ไม่มีใครมาเลือกแทนเราได้ พ่อแม่ปู่ย่าตายายพี่น้องเพื่อนเราเค้าพูดอะไร โน้มน้าวอะไร ก็เก็บมาฟัง เก็บมาพิจารณา แต่อย่าลืมว่าท้ายที่สุดแล้วเราเองที่ต้องเป็นคนอยู่กับการตัดสินใจของตัวเรา คนรอบข้างที่เคยแนะนำไปเค้าก็ล้มหายตายจากไป แต่เรานี่แหละที่จะต้องอยู่กับสิ่งที่เราเลือก เพราะฉะนั้นคิดให้ดีๆค่ะ
ชอบจริงก็มาเลยค่ะ ไม่ต้องกลัว ชีวิตมันสั้นเกินกว่าจะเสียเวลากับอะไรที่เราไม่ได้ชอบจริงๆค่ะ จุ๊บๆ <3
พี่จบจากคณะนิเทศ (ขอไม่เอ่ยมหาวิทยาลัย) มาได้ประมาณปีเศษแล้วค่ะ (บอกทำไม ๕๕๕)
อ่อ บอกเพื่อน้อง จขกท จะได้รู้ว่าอันนี้เป็นคอมเม้นจากคนที่เรียนสายนิเทศมาจริงๆไง๊ ๕๕๕
น้องชอบจริงๆหรือเปล่าคะ งานขีดๆ เขียนๆ ศิลปะ หนัง หรืออะไรที่น้องบอกไว้
ถ้าชอบจริงๆ แล้วรู้สึกว่าอยากจะใช้เวลาทั้งชีวิตไปกับสิ่งเหล่านี้ ก็ซิ่วมาเลยค่ะ อย่าเสียเวลาเปล่ากับคณะที่เรียนอยู่ตอนนี้
ถ้าเรานึกภาพตัวเองนั่งจมกองฟุต อยู่ในห้องตัดต่อ ไปออกกอง ประชุมคิดงาน เขียนบท อ่านหนังสือ ฟังเพลง อะไรงี้ออก ก็มาเลยค่ะ
เพราะนั่นเป็นสัญญาณที่ดีว่าใจของเราอยู่ที่อะไรแบบนี้จริงๆ แล้วพี่คิดว่าถ้ามี passion แบบนี้ก็ไม่เสียเปล่าที่จะมาเรียนค่ะ
แต่ถ้านึกไม่ออกจริงๆ หรือยังไม่ค่อยเห็นมโนภาพเท่าไหร่ แนะนำว่าให้ลองไปฝึกงานก่อนดูก็จะดีค่ะ
ลองเข้าไปใช้ชีวิตคนทำงานสายนิเทศดูสักสองเดือนว่าเค้าอยู่กินกันยังไง ตารางชีวิต/ทำงานมันเป็นอย่างไร
คนทำโฆษณา หนัง นิตยสาร แค่นี้ก็มี timetable ของชีวิตที่ไม่เหมือนกันแล้ว ลองไปสัมผัสดูว่าเราชอบหรือเปล่า
ถ้าไปแล้วยังชอบ ก็ซิ่วไปเลยค่ะ ไม่ต้องเรียนมันแล้วค่ะเศรษฐศาสตร์ ๕๕๕
เรื่องตกงาน การันตีเอาหัวเป็นประกันว่ายังไงก็ไม่ตกงานค่ะ ถ้าน้องเป็นคนไม่เลือกงาน เกี่ยงงาน เห็นงานไหนด้อยกว่าตัวเอง
ยังไงก็มีงานให้ทำ อย่างน้อยรุ่นพี่ในคณะที่รู้จักกัน ถ้าเค้าเห็นงานเรา ประทับใจในฝีมือ ก็อาจจะดึงไปช่วย
อย่างน้อยที่สุดเค้าก็อาจจะช่วยชี้ช่องทางให้ได้ว่าลองไปสมัครที่นี่ดู ที่นั่นดู ยังไงท้ายที่สุดก็มีงานทำ มีข้าวกินเหมือนคนอื่นค่ะ
อย่าให้ความคิดโบราณที่ว่า 'เรียนนิเทศแล้วจบไปเป็นดารา' กับ 'เรียนนิเทศแล้วตกงาน' มากั้นความชอบความฝันของเราค่ะ
ไม่งั้นพี่ที่พิมพ์อยู่ตอนนี้ก็ไม่มีเงินซื้อข้าวกินค่ะ แต่พี่มีงาน พี่เป็นหลักฐานที่มีชีวิตว่าเรียนนิเทศแล้วมีงานทำค่ะ ไม่ตกงานแน่นอน (ถ้าตามเงื่อนไขในบรรทัดแรกของย่อหน้านี้)
เรื่องเงินพี่ขอโนคอมเม้นนะคะเพราะเป็นปัจจัยส่วนตัวจริงๆ พี่ก็ไม่สามารถการันตีอะไรได้ว่าการซิ่วไปคณะวารสารศาสตร์ ธรรมศาสตร์ จะมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าหรือเปล่า เพราะไม่ได้เรียนที่ มธ น่ะค่ะ แต่เอาใจช่วยนะคะ สู้ๆค่ะ
พี่เห็นน้องคอมเม้นว่าความฝันของน้องคือการเรียนต่อต่างประเทศ จะบอกว่า course สำหรับวิชาด้านนิเทศศาสตร์นี่มีเปิดเยอะมาก ไม่ต้องห่วงค่ะ มีให้เรียนแน่นอน ทั่วสหราชอาณาจักร หรืออยากจะข้ามมหาสมุทรไปเรียนที่อเมริกาก็ทำได้ไม่เคอะเขินค่ะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องเครียดโนะคะ
พี่เห็นด้วยกับ คห ของพี่บางคนที่แนะนำให้เรียนเป็นวิชาโทไปก่อน ดูว่าตัวเองชอบหรือไม่ชอบมั้ย แต่ถ้าหนูรอไม่ไหว ก็ไปยื่นฝึกงานตอนนี้เลยค่ะ เดินดุ่มเข้าไป ก่อนเปิดเทอม ไปฝึกให้ได้รู้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยากบอกว่าตอนเรียนก็ไม่เหมือนตอนฝึกงาน ตอนฝึกงานก็ไม่เหมือนตอนทำงานจริงนะ
เมื่อสถานะมันต่างกัน การเป็น นิสิต นักศึกษา การเป็นเด็กฝึกงาน การเป็นพนักงานประจำ ความคาดหวังจากที่ทำงานและความรับผิดชอบย่อมแตกต่างกันอยู่แล้ว
สรุปคือพี่คิดว่าออปชั่นการเรียนวารสารน่าจะเป็นทางเลือกที่เซฟที่สุด ทั้งในแง่การเงินและการเรียน แต่ออปชั่นฝึกงานน่าจะเร็วที่สุดในการช่วยให้ตัดสินใจได้ว่าเราจะเอาจริงเอาจังด้านนี้จริงๆหรือเปล่านะคะพี่ว่า
พาร์ทนี้สำหรับ คห ที่ผ่านๆมาและที่กำลังจะมาถึงในวันข้างหน้านะคะ
1. นิเทศศาสตร์ ไม่มี 'น์' นิเทศฯ คือย่อมาจาก นิเทศศาสตร์ค่ะ รบกวนสะกดให้ถูกด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
2. งานสายนิเทศ ใครจะทำได้ก็จริงค่ะ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ทำแล้วได้ดี อย่างคุณพี่ คห 1 ก็เป็นตัวอย่างของคนที่ไม่ได้เรียน แต่สามารถทำงานในสายนิเทศได้อย่างไม่เคอะเขิน ทั้งนี้เพราะพี่ คห 1 เค้ามีปัจจัยของด้านการศึกษาที่เกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์มาอยู่แล้ว และสายงานนิเทศที่พี่เขาเลือกทำก็คือสายข่าวซึ่งต้องการความ specialize ทางด้านใดด้านหนึ่งอยู่แล้วเพราะจะนำเสนอแง่มุมที่ลึกลงไปได้ในสไตล์คนรู้จริง ในเคสนี้ก็จะ perfect match กันพอดี
แต่อย่างไรก็ตาม สมมติว่าพี่ไปจับคนเรียนวิชาโบราณคดี มาจับกล้อง ถ่ายหนัง เขียนบท นี่ก็ทำได้นะคะ แต่คงทำได้ไม่ดี อาจจะดีแค่ในเรื่องของข้อมูลที่มีแน่น ความ specialize ทางด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี แต่ในแง่ของการทำงานด้านนิเทศ ไม่ว่าจะเป็นการปรับค่ากล้อง สปีดชัตเตอร์ รูรับแสง หรือโครงสร้างการเขียนบทที่ดี เป็นอย่างไรนี้ เค้าก็จะทำไม่ได้เลย เพราะมันไม่มีสอนที่ไหนนอกจากคณะจำพวกนิเทศศาสตร์
ไม่อยากให้คิดกันแบบผิดๆนะคะว่าไม่ต้องเรียนมาก็หาความชำนาญทำได้ บางคนอาจจะมีความสามารถและความชอบในด้านข่าวอย่างพี่ คห 1 ก็เป็น case perfect match เหมือนที่บอกไป ก็ประสบความสำเร็จไปค่ะ แต่บางคนเรียนนิติศาสตร์มา เรียนกฏหมาย แต่มาเป็น AE ในเอเจนซี่โฆษณาก็คือตายค่ะ ทำไม่ได้ค่ะ เพราะไม่ได้ถูกปลูกฝังแนวคิดทางด้าน communications มาว่า target group คืออะไร above the line, below the line คืออะไร มันเสียเวลาจะต้องมาสอนใหม่ค่ะ แล้วบางคนไม่มี sense ด้านนี้ก็ทำไม่ได้เลยนะ งานสายนิเทศมันคืองานสื่อสารมวลชน ถ้าเราเป็นคนมี sense เราเก็ทว่าแบบนี้มันจะดี มันจะไม่ดี มันจะทำให้เราทำงานได้เร็วขึ้น แต่ sense และความเข้าใจว่าอะไรดีไม่ดีเนี่ย ก็เกิดหลักๆมาจากการวิพากษ์ในสมัยเรียนนี่แหละ การลองผิดลองถูกว่าอันนี้โดน อันนี้แป้ก
เพราะฉะนั้นถ้าน้อง จขกท อยากเรียนทำเป็นและจะทำให้ได้ดีจริงๆก็แนะนำว่าทิ้งเศรษฐศาสตร์แล้มาเรียนนิเทศให้จริงจังเลยค่ะ มันจะเป็นประโยชน์กับตัวเราในระยะยาวมากกว่าค่ะ
สุดท้ายนี้คืออยากให้คิดดีๆนะคะ อนาคตเป็นของเรา ไม่มีใครมาเลือกแทนเราได้ พ่อแม่ปู่ย่าตายายพี่น้องเพื่อนเราเค้าพูดอะไร โน้มน้าวอะไร ก็เก็บมาฟัง เก็บมาพิจารณา แต่อย่าลืมว่าท้ายที่สุดแล้วเราเองที่ต้องเป็นคนอยู่กับการตัดสินใจของตัวเรา คนรอบข้างที่เคยแนะนำไปเค้าก็ล้มหายตายจากไป แต่เรานี่แหละที่จะต้องอยู่กับสิ่งที่เราเลือก เพราะฉะนั้นคิดให้ดีๆค่ะ
ชอบจริงก็มาเลยค่ะ ไม่ต้องกลัว ชีวิตมันสั้นเกินกว่าจะเสียเวลากับอะไรที่เราไม่ได้ชอบจริงๆค่ะ จุ๊บๆ <3
แสดงความคิดเห็น
เศรษฐศาสตร์ มธ. จะซิวไปนิเทศศาสตร์ดีไหม รบกวนผู้ที่ทำงานสายเศรษฐศาสตร์ และนิเทศมาตอบบ้างนะค้าาาา
คือเป็นคนชอบศิลปะค่ะ พวกวาดรูป ทำงาน ทำวีดีโอ ถ่ายรูป อะไรทำนองนี้ ชอบมาตั้งแต่เด็กแล้ว ตอนประถมเป็นตัวแทนตลอด เกียรติบัตรเยอะมาก
แต่พอมัธยมคะแนนถึง ก้เลยได้เรียนวิทย์ คณิตเรื่อยมา ตอนจะเอ็นท์ก็เลยไม่กล้าเลือกนิเทศเลย เพราะผู้ใหญ่ชอบพูดว่าตกงานๆ
แต่พอเห็นคนเรียนด้านนี้ทีไร มันก้อิจฉาทุกที อยากทำบ้าง เป็นคนชอบขีดๆเขียนๆ เพ้อๆ ชอบทำงาน เดี่ยวกลุ่มไม่รู้ แต่รู้ว่าสนุกมาก เวลามีผลงานออกมา
ก็มีปัญหาค่ะ เรื่องเงินค่าเรียน เพราะทุกวันนี้ป้าเป็นคนจ่ายค่าเทอม ค่ากินค่าชุด ค่าหอ มันแพง แล้วอีกอย่างได้ทุนที่สอบติดอันดับ 1-5 มาอีก 28000 ใช้หมดไปแล้วค่ะของเศรษฐศาสตร์ มธ
ตอนนี้สับสนไปหมดแล้วค่ะ จบปีหนึ่งขึ้นปีสอง
คิดว่าถ้าจะซิ่วก้ต้องรีบตัดสินใจตอนนี้
แต่ติดตรงเงินนี่แหล่ะ แล้วก้ไม่รู้อนาคตการงานอะไรด้วย
คิดว่าตัวเองภาษาอังกฤษพอใช้ได้ค่ะ
ไม่รู้เลยตัดสินใจไงดี รบกวนคนที่ทำงานสายของเศรษฐศาสตร์ และนิเทศมาตอบก็จะดีมากๆเลยค่ะ
ขอบคุณมากนะคะ รู้สึกเป็นปีที่ปัญหารุมเร้ามากกก 55555