มะเร็งที่ผมเป็น ให้สิ่งดีๆ...กับผม ต้น กิตติ

ค่ำของวันที่ 23 เมษายน 2557 ได้ทราบข่าวการจากไปของผู้ชายคนนึงที่ชื่อ "ต้น กิตติ" สิ่งที่พรากเค้าไปจากเราคือ "มะเร็ง" พี่ต้นจากไปด้วยโรคมะเร็งแต่ขณะที่พี่ต้นได้ใช้ชีวิตอยู่ พี่ต้นได้เขียนบันทึกดีๆไว้มากมาย คิดบวกกับสิ่งที่เกิดขึ้น ใช้ชีวิตกับมะเร็งประดุจดั่งเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต วันนี้เลยขออนุญาตที่จะนำบันทึกที่พี่ต้นได้เขียนไว้มาแชร์ในพันทิปเพื่อให้แง่คิดดีๆ

บันทึกฉบับนี้พี่ต้นเขียนเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2557

เมื่อมะเร็งที่ผมเป็น ให้สิ่งดีๆกับผม
นี่คือ จุดเริ่มต้น
คือ จุดเปลี่ยน
คือ จุดเตือนสติ
คือ จุดล้ำค่าในชีวิต

อะไรจะคือจุดดี หรือไม่ดี อยู่ที่ความคิดในใจเรา
เราคิด สร้างเหตุผลให้ตัวเราได้ ด้วย สติ และการคิด+

นี่คือสิ่งเล็กๆสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นมากมายจนนับไม่ไหว ตั้งแต่เริ่มรู้ว่า
เป็นมะเร็งเมื่อเม.ย.ปี 2556
มะเร็ง ทำให้รู้จักเพื่อนพี่น้องใหม่ๆใน Social Network
สังคมบนจอสว่างสีใสที่เชื่อมต่อคนบนโลกให้ได้พูดคุยกัน
โดยไม่เคยรู้จักกัน หรือรู้จักกันได้หมด
โดยใครจะใช้ในทางบวก ทางลบได้ทุกอย่าง จนเป็นมนต์สะกดคน
ให้เป็นโรคส่วนตั๊วส่วนตัว จนบรรลุสู่การเสพตนเองอย่างเป็นสุข
หรือใช้สื่อสารสร้างสิ่งดีๆ สร้างกำลังใจ สร้างแรงบันดาลใจ
สร้างประโยชน์ต่อส่วนรวมได้อย่างมหาศาล
นี่แหละที่เราใช้กันอยู่ คือ facebook

หลังจากที่ผมได้เขียนลงใน facebook ของผม...
ตั้งแต่ ส.ค. 2556 เป็นข้อเขียนการเป็นมะเร็งของผม
เป็นข้อเขียนเรื่องสร้างกำลังใจ สร้างแรงบันดาลใจให้คนทั่วไปทุกคน
เริ่มมีกลุ่มเพื่อนๆผมอ่าน และแชร์ต่อๆกันไป จนเวลาผ่านไป
เริ่มมีเพื่อนใหม่ๆที่ผมไม่เคยรู้จัก เข้ามาขอเป็นเพื่อน add friend
ผมก็รับหมดทุกคน แล้วมิตรภาพใหม่ๆ...ก็เริ่มขึ้น

ผมได้เจอคนที่หัวอกเดียวกันกับผม คือ เป็นมะเร็งอยู่
สู้มะเร็งอยู่ เคยเป็นมะเร็ง มีญาติหรือพ่อแม่เป็นมะเร็ง
หรือคนที่พึ่งตรวจเจอว่าเป็นมะเร็ง
และได้เจอคนปกติทั่วไปที่ห่วงใยเรา ให้กำลังใจ ให้ธรรมะกับเรา

ได้คุยกัน ได้ให้กำลังใจกัน แลกเปลี่ยนความรู้สึก บอกช่องทางการรักษา
ได้มีข้อคิดทางธรรมะมาแบ่งปัน มาใช้ในการรักษา
จนมีทั้งการได้เจอหน้ากันจริงๆ แบบไม่น่าเชื่อว่า
นี่คือ หัวใจจริงของคนไม่เคยรู้จักกัน
เมื่อผมนอนป่วยอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลเมื่อ 10 มี.ค. 2557
มีเพื่อนคนหนึ่งที่ เป็นมะเร็ง รับยาคีโมอยู่ แล้วได้คุยกันเรื่องอาการ
เรื่องการรักษา ความรู้สึก การหาหมอ การใช้ธรรมะรักษา

เธอมาปรากฎตัวข้างเตียงผม มาแนะนำตัวว่า เธอเป็นใคร จำได้มั๊ย
ผมเห็นแต่รูปใน facebook ตลอดก็พอจำได้ เพราะรูปไม่หลอก
ตัวจริงก็ไม่ต่างจากรูป แต่มีชีวิต เคลื่อนไหว มีรอยยิ้ม 555
เธอตั้งใจมาเยี่ยมผมเลย มาให้กำลังใจ มาคุยความรู้สึกกันต่อหน้า
โชคดีที่เธอมาในวันที่ผมพอเริ่มพูดคุยได้บ้าง เพราะหมอให้ยาควบคุม
อาการเจ็บปวดทรมานที่สุดในชีวิตไว้ได้ระดับนึงแล้ว
เธอชอบในสิ่งที่ผมทำ ในสิ่งที่ผมเขียน ในสิ่งที่ผมสู้โรค
ผมดีใจมากๆ มีกำลังใจมากๆ เธอมายืนยันว่า มิตรภาพของคนไทย
ในโลกSocial Network สังคมบนจอสว่างสีใส มีจริง ไม่ได้ล้อเล่น

และมีคุณพยาบาลอีกหนึ่งคนจากโรงพยาบาลจุฬา ที่ผมไม่เคยรู้จัก
มาปรากฎตัวในวันหลังๆที่ผมดีขึ้นมากแล้ว เธอมาแนะนำตัว
มาให้กำลังใจ มาถามอาการ นำดอกไม้ และเงินจากเพื่อนๆพยาบาล
มามอบให้ผม โดยผมปฏิเสธไม่รับเงินยังไง เธอก็ไม่ยอม
เธอบอกว่า เป็นสิ่งเล็กๆที่เพื่อนๆและเธอตั้งใจมาแล้ว
จนผมต้องยอมรับไว้ เพราะความจริงใจของเพื่อนใหม่จริงๆ
เธอบอกว่า ได้อ่านข้อเขียนของผมใน facebook แล้วชอบ
จึงตั้งใจมาเยี่ยม มาให้กำลังใจ มันบริสุทธิ์ใสกว่าคุยกันในจอ
มากมายมหาศาลครับ คำว่า เพื่อนใหม่...มีค่าจริงๆ

แล้วนี่ก็เป็นข้อเขียนแบ่งปันข้อคิด แบ่งปันการใช้ธรรมะรักษาโรค
ที่มีเพื่อนใหม่ที่พึ่งรับ add friend มาหมาดๆ สดๆร้อนๆ
ส่งมาให้ผมได้อ่าน ได้คิด...จนได้ข้อคิด
เป็นข้อเขียนที่ผม copy มาลงไว้ตอนท้ายข้อเขียนนี้
เพราะผมคิดว่า เป็นประโยชน์มากสำหรับคนที่เป็นมะเร็ง
มีญาติหรือพ่อแม่เป็น และคนปกติทั่วไปทุกคนควรได้อ่าน ได้ข้อคิด

ผมอ่านแล้วเข้าใจ เข้าถึง มีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆในทางโลก
ทางธรรม
ที่ชัดเจน เห็นแจ้งมาก ผมเป็นอยู่เลยเข้าใจเลย
เพราะมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ

พอเริ่มรู้ว่าเป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย แล้วรู้ว่าต้องตาย มันช็อคใจเราสุดชีวิต
มันเจ็บปวดใจ โดยยังไม่เจ็บปวดกาย มันลดทอนใจเรา
ถล่มใจเราให้สลายในพริบตา และถล่มใจเราทุกวัน ทุกความรู้สึก
ทุกที่ทุกเวลาแบบไม่มีวันหยุด มันทำOT แบบขยันโคตร

จนโชคดีที่ผมพอเคยปฏิบัติธรรมมา เคยสวดมนต์ นั่งสมาธิ
เคยฝึกเข้าสู่เส้นทางธรรมะมาใน 7-8 ปีที่ผ่านมา
ทำให้ได้ใช้ธรรมะ ใช้แก่นแท้แห่งความจริงของชีวิต ที่เกิดมาต้องตาย
ต้องมีสติ ต้องรู้จักปัจจุบันขณะ มาตั้งสติ มาเป็นเกราะป้องกัน
จนฟื้นใจ มีสติกลับมาสู่เส้นทาง...การยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นได้
ไม่ทุกข์ แต่ก็ยังมีอยู่แว๊บๆ

ธรรมะและกำลังใจจากคนรอบข้างมากมายทั้งรู้จักไม่รู้จัก
เริ่มมาเป็นเสบียงให้เราตั้งสติ มีสติ และปลุกใจให้เห็นความจริงของการตาย
การเจ็บ
การทุกข์ทรมาน ทำให้เรารับความจริงได้ง่ายขึ้น
มาหาทางรักษาแบบมีสติ มีเหตุผล มาสร้างกำลังใจ มากำหนดจิต
ให้มีธรรมนำชีวิต ลุกขึ้นมาเดินหน้าสู่การรักษากายด้วยยา
รักษาใจด้วยธรรม

พอผ่านไปหลายเดือน เจอทุกสิ่งที่กายต้องเจอกับโรค เริ่มพร้อมจริงๆครับ
พร้อมที่จะอยู่อย่างมีประโยชน์ต่อตน ต่อทุกคน
และพร้อมไปอย่างไม่มีห่วง พร้อมไปอย่างมีธรรมนำไป
พร้อมไปอย่างมีคุณค่า งานนี้...คุ้มจริงๆครับ

ขอบคุณทุกๆคนที่รู้จักกันมานาน ที่เพิ่งรู้จักกัน
ดีใจมากๆที่ได้รู้จักกัน ได้สนทนาธรรมกัน
ได้แบ่งปันความคิด ข้อคิด ได้สร้างกำลังใจ แรงบันดาลใจร่วมกัน
คิดดูซิครับว่า...ยังมีเรื่องดีๆของอีกหลายคนที่ยังไม่ได้เล่าถึง
คิดดูซิครับว่า...ถ้าไม่ได้เป็นมะเร็ง เรื่องดีๆ ประสบการณ์ดีๆแบบนี้
มันคงไม่เกิดขึ้นกับชีวิตผม...ผมมีความสุขทุกวันครับ

มะเร็งให้สิ่งดีๆกับผม เพราะผมมองและคิดว่าดีไงครับ
อ่านกันแล้ว คงไม่มีใครค้านนะครับ
ความดี ยังไงมันก็แสดงตัวตนได้ชัดดีเสมอ

ขอให้มีสุขภาพดีกันทุกคนครับ

........................................................................................................
ข้อคิดจากเพื่อนใหม่ใน facebook
ชื่อคุณ พอเพียง ที่พอเพียง (ชื่อใน facebook)

เมื่อวานเจอพี่ผู้หญิงคนหนึ่งมาระบายความทุกข์ให้ฟัง
เธอเพิ่งเสียสามีสุดที่รักไปได้เกือบปี สามีของเธอเสียชีวิต
ด้วยโรคมะเร็งตับระยะที่หนึ่ง ทั้งที่ทราบได้สองสัปดาห์
แต่ด้วยความใจร้อนเธอและสามีทำทุกอย่างที่จะให้หาย
โดยลืมไปว่าสภาพร่างกายของคนเรานั้นไม่ได้แกร่งเท่ากับสภาพจิตใจ

เธอใช้ยาที่แพงที่สุด ไปรักษากับหมอที่เก่ง และร.พ.ที่ดี
เพราะมีเงินที่จะรักษาอย่างเต็มที่ ฉันนั่งฟังเธอเล่าจนจบเกือบสองชั่วโมง
แล้วฉันก็บอกว่าแฟนพี่ไปสบายแล้วล่ะ ไม่ทรมานแล้ว
เพราะคนที่ป่วยเป็นมะเร็งในระหว่างการรักษา มันมีจุดหนึ่งที่หลายคน
ไม่เข้าใจ คือการอยากตาย เพราะมันทรมานมาก
ทุกครั้งที่รับคีโมเข้าไปในเส้นเลือด มันเหมือนมีน้ำกรดอยู่ในร่างกายของเรา
กินไม่ได้ นอนไม่หลับ หรืออาการธาตุไฟแตก

คนที่จะตายด้วยโรคมะเร็งนั้น ไม่ได้ตายเพราะมะเร็ง
แต่ร่างกายมันสู้ไม่ไหวต่างหาก

ฉันคิดในใจหากตอนนั้น..แฟนพี่รู้จักธรรมะและใช้ธรรมะรักษา
แฟนพี่คงจะไม่ตาย
แต่พี่ใช้เงินรักษาโรคมะเร็ง จนลืมพิจารณาใจและกายของตนเอง

วันนี้ได้อ่านบทความของคุณต้น @Ton Kitti ที่เป็นมะเร็งระยะที่สี่
ฉันมีความเชื่อว่า คุณต้นมีดวงตาที่เห็นธรรม คือ พบกับความสุข

ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่เข้าใจอาการเจ็บป่วยทางกาย
จนลืมรักษาใจของตนเอง
ไม่ทราบจะอธิบายอย่างไรค่ะ

เพราะหมอที่ดีที่สุดคือตัวเรา...
สาเหตุการเจ็บป่วย ก็เกิดขึ้นจากการใช้ชีวิตของเราและกรรมของเรา

ฉันยังบอกทุกคนอยู่เสมอว่า..ฉันเป็นคนโชคดี
ฉันโชคดีที่เป็นมะเร็งเร็ว คือ รู้ก่อน รักษาทันแล้วก็หาย

และฉันก็บอกกับทุกคนที่เป็นและไม่เป็นว่า...
มะเร็ง..รักษาได้ แต่การรักษานั้นใช้ "ใจรักษากาย"

เพราะเมื่อใจคุณสู้..กายคุณก็สู้
เมื่อประกอบกับ"ธรรมะ"คู่กัน
ใจก็เบาขึ้น คือ รู้จักคำว่าพร้อม

คือพร้อมอยู่ และพร้อมไป
คืออยู่อย่างมีคุณค่า
และไปอย่างมีสติ

จงอยู่อย่างมีสติ และทำความดีทุกวันนะคะ
เพราะเราไม่มีโอกาสรู้เลยว่า
เราจะมี..วันพรุ่งนี้มั้ย


พี่ต้น กิตติ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่