โดนขโมย ไอโฟน5 ซัมซุงวิน แล้วก็ของ sony

เตือนเป็นอุทาหรณ์ (เขียนถูกรึเปล่า ถ้าผิดขอโทษด้วย)
คือเหตุการณ์มันมีอยู่
แม่เราแล้วก็เพื่อนอีกคนหนึ่งเปิดร้านอาหารกลางคืนเป็นของตัวเองแล้วคราวนี้มันมีลูกค้าเป็นทอมอยู่คนหนึ่งมาทานอาหารร้านแม่เรามาคนเดียว แล้วพอเค้ามานั่งกินสักพักเค้าก็แจกทิปให้พวกเด็กเสิร์ฟในร้านแม่เรา บางคนก็ 500 บางคนก็ 1000 คืนนั้นที่เช็คบินออกมา ค่าอาหารทั้งหมด 5 พันกว่าบาท ในคืนนั้นแม่เราก็เข้าไปคุยกับลูกค้าคนนี้ เพราะแม่เราเป็นคนเฟรนลี่ ทอมคนนี้ก็บอกว่า " เนี้ยผมมีผับอยู่ที่ลำพูนเป็นผับใหญ่เลย " แล้วเค้าก็เอาใบโบรชัวร์ร้านเค้ามาให้ดูว่าเนี้ย คือร้านเค้า แล้วคราวนี้ป้าเราที่ไปร้านแม่เราในคืนวันนั้น เค้าก็พูดกับแม่ว่า " พี่เคยเห็นหน้าคนนี้มาก่อน แต่ไม่รู้ว่าเห็นที่ไหน " แม่เราเลยบอกไปว่า " จะเคยเห็นได้ไงเค้าพึ่งมากรุงเทพได้ไม่กี่วันเอง " ก็ไม่เอ๊ะใจอะไรกัน คืนนั้นแม่เราก็คุยกับทอมคนนี้เฮฮาปาร์ตี้ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
พอมาคืนที่ 2
ทอมคนนี้ก็มาทานอาหารร้านแม่เราอีก ก็แจกทิปเด็กเสิร์ฟเหมือนเดิม คืนนี้กินหมดไป 7 พัน เพราะสั่งอาหารมาให้พวกเด็กเสิร์ฟกินด้วย พอร้านปิดทอมคนนี้ก็พาพวกพนักงานที่ร้านแม่ไปเที่ยวต่ออีก 2 คน แต่ก่อนที่ร้านแม่เราจะปิด แม่เราก็คุยกับคนจนสนิทแล้วชวนทอมคนนี้มาทานข้าวที่บ้านในวันถัดไป ทอมคนนี้ก็รับปาก
พอมาวันที่ 3
แม่เราได้บอกกับเราว่า เนี้ยจะมีเพื่อนแม่มากินข้าวที่บ้านน่ะ เราก็บอกไปว่า ใครอะ? เค้าก็บอกว่าทอม ลูกค้าที่ร้านเค้าเป็นเจ้าของผับที่ลำพูน เราก็เออมาก็มา แล้วแฟนเพื่อนแม่เราเค้าก็เข้ามาทำกับข้าวให้กิน เพราะเค้ารู้จักกับคนนี้พร้อมแม่เรา ก็นั่งทานอาหารที่บ้านเรากันตั้งแต่เที่ยงจนหัวค่ำ เพราะแม่ต้องไปเปิดร้านเค้าก็ไปกินต่อกันที่ร้านของแม่ แล้วคราวนี้ระหว่างที่กินอาหารกันช่วงเช้า ทอมคนนี้ออกไปคุยโทรศัพท์บ่อยมากๆๆๆ แล้วบอกกับแม่เราว่า แม่ของทอมคนนี้จะโอนเงินมาให้ 1 ล้าน เพราะต้องเอาไปจ่ายเงินเด็กเสิร์ฟที่ผับของเค้า ในเวลานั้นเราคิดในใจยิ้มโม้แม่ตูปะว้ะ แล้วทอมคนนี้ก็ถามแม่เราว่าเนี้ย ตู้เอทีเอ็มอยู่ไหน แฟนเพื่อนแม่เราที่มาทำอาหารให้ทาน (ขอเรียกแฟนเพื่อนแม่คนนี้ว่า น้า น่ะ) เค้าก็บอกว่า เดี๋ยวพาไปเอง น้าเราก็พาทอมคนนี้ไปกดตังค์ พอสักพักหนึ่ง เพื่อนที่เป็นหุ้นส่วนของแม่ก็มา ทอมคนนี้กับน้าเราก็กลับมาพอดี เค้านั่งคุยกันเรื่องทั่วไป จนสักพัก เค้าก็มาคุยเรื่องผับของเค้าว่า เนี้ย ผมจะเอาศิลปินวงหนึ่งมาที่ร้านแต่มันตั้ง 2 แสน บังเอิญ เพื่อนแม่คนนี้รู้จักกับผู้จักการศิลปินวงนี้ เลยโทรไปคุยว่าขอราคาต่ำกว่าได้มั้ย เค้าก็คุยกัน นัดวันกันเรียบร้อยน่ะว่าจะเอาศิลปินวงนี้ไปลงที่ร้านวันไหน พอเค้ามาคุยกันแบบนี้ เราก็เอ่อ คงเป้นเจ้าของผับจริงๆอะแหละ แล้ววันนั้นแม่เราก็ดื่มหนักเลยมึนขั้นหนัก แต่ก็ยังไปเปิดร้านไหว แต่คราวนี้พอไปร้านก็ต้องขอกลับก่อนเพราะมันไม่ไหวจริงๆ เพื่อนแม่เราก็เลยมาส่งที่บ้านตอนประมาณ 4 ทุ่ม แม่เราก็กลับมานอนที่บ้าน โดยที่ทอมคนนี้ก็ไม่รู้ว่าแม่เรากลับ พอ ตี3 ครึ่ง ทอมคนนี้ได้โทรมาแซวแม่เราว่าทำไมถึงกลับก่อนไรงี้ แล้วเค้าก็พูดว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาทำไรกินที่บ้านเรากัน . และแล้วเหตุการณ์ในวันรุ่งขึ้นก็เกิดขึ้น
.
.
วันนี้ทอมคนนี้ได้มาที่บ้านเราพร้อมกับน้าของเรา เพราะโรงแรมที่คนนี้พักอยู่ใกล้กับบ้านเพื่อนแม่เรา ทอมคนนี้ก็ไปรับน้าเรามาก่อน เพราะเดี๋ยวเพื่อนแม่เราตามมาทีหลัง ในระหว่างที่น้าเรานั่งรถกับทอมคนนี้ ทอมคนนี้ก็เดินแวะโรงรับจำนำ เพื่อที่จะเอาของที่ไปจำคืน พอทำเสร็จก็มาถึงบ้านเรา ตัวเรานอนอยู่บนโซฟา น้าเราอยู่ในครัว แม่เราก็นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารกับทอมคนนี้ และแล้ว ทอมคนนี้ก็ได้พูดกับน้าเราว่า ' อยากเล่นเกมส์อะขอรหัสโทรศัพท์หน่อย ' น้าเราก็คิดว่าไม่มีอะไรเลยให้ไป ในช่วงที่น้าเราบอกรหัส เราก็ได้ยินน่ะ แบบเราหลับๆตื่นๆอะ แล้วคราวนี้มันถามแม่เราว่า พี่ๆ ซื้อโทรศัพท์เครื่องนี้มากี่บาท แม่เราเลยบอกว่า 2 หมื่นกว่าบาท แล้วพอสักพัก มันบอกแม่เราว่า พี่ๆขอยืมโทรศัพท์โทรหาแฟนหน่อย ผมจะเอาเบอร์แปลกโทรไปหามัน แม่เราก็ให้ยืม มันก็เดินออกไปข้างนอก พอน้าเราทำอาหารเสร็จ แม่ให้เราออกไปตาม ก็ไม่เจอมันแล้ว เราก็บอกว่า เค้าไปไหนไม่รู้ แม่เลยบอกว่า คงไปโอนเงินมั้งเห็นเค้าพูดอยู่ว่าแฟนจะเอาเงิน พอสักพัก น้าเราก็พูดขึ้นมาว่า โทรศัพท์น้องอยู่ไหน แม่เราก็บอกว่า เห็นไอ้ทอมมันหยิบไปด้วย ตัวเราเองก็เริ่มคิดในแง่ร้ายล่ะแต่ก็ไม่อยากพูดอะไร ผ่านไปเกือบชั่วโมง เรามองหน้ากับน้า แล้วก็พูดว่า น้า! หนูคิดในแง่ร้ายแล้วน่ะเนี้ย น้าก็บอกว่า น้าคิดเหมือนกัน แต่แม่เราบอกว่า เค้าคงยังโอนไม่เสร็จ เราก็เลยเอาโทรศัพท์เราโทรไปเข้าเครื่องแม่กับเครื่องน้า ก็ติดแต่ไม่มีคนรับ น้าเราเลยเอาโทรศัพท์เราโทรไปบอกแฟนคนที่เป็นเพื่อนแม่เรา เพื่อนแม่เราก็รีบมา แล้วก็ลองไปวนดูที่ธนาคารเผื่อจะเจอรถของทอมคนนี้ แต่สุดท้ายก็ไม่มี เลยคุยกันว่าจะไปแจ้งความ พอกำลังเดินทางไปแจ้งความ ก็โทรไปใหม่ ก็กลายเป็นปิดเครื่องไปแล้ว เลยโทรไปเบอร์ของมันแทน ติดแต่ไม่มีคนรับ โทรจิกมันไปเรื่อยๆจนมันปิดเครื่อง พอแจ้งความ ตำรวจก็บอกว่ามันไม่ใช่เขตที่รับผิดชอบ มันก็เลยแค่บันทึกประจำวันไปให้ ก็เลยเอาใบบันทึกประจำวันไปที่ โรงแรมที่มันพักเพื่อขอดูกล้องวงจรปิด เพราะจะเอาทะเบียนรถมัน แต่สุดท้ายเค้าก็บอกว่า คนที่เปิดเป็นไม่อยู่ ต้องรอ 4 ทุ่มครึ่ง น้าเราก็เลยพาไปโรงรับจำนำ ที่ทอมคนนี้เคยพาน้าเราไป พอไปถึงก็เอาใบบันทึกประจำวันให้ดูและขอข้อมูลของทอมคนนี้มา ได้ที่อยู่ ได้ชื่อจริงนามสกุล พร้อมรอยนิ้วมือ แต่มันค่ำมากแล้วเลยตัดสินใจว่าจะไปแจ้งตำรวจที่เขตในวันพรุ่งนี้ และเมื่อกี้น้าเราได้โทรเข้าเครื่อง มันรับแล้วกดวาง และปิดเครื่อง เหมือนมันจะเปิดดูอะไรซักอย่าง สุดท้ายก็ต้องรอ พรุ่งนี้ แต่ไม่รู้ว่าตำรวจจะตามให้มั้ย.
เราเป็นห่วงของอีกสิ่งหนึ่งคือรถแม่ เพราะมีอยู่คืนหนึ่งแม่บอกว่า ให้มันไปถอยรถให้แม่หน่อย แม่กุญแจไปมันก็ไปถอยให้แล้วเอามาคืน แต่ว่า..กลัวมันมีที่ปั้มกุญแจนะสิ แล้วก็กลัวมันจะมาขโมยของในบ้าน เพราะมันรู้ว่าบ้านเราอยู่กัน 4 คน ผู้หญิงหมดเลย

สิ่งของที่หายมี 1. ไอโฟน5 ของแม่เรา 2.ซัมซุงกาแล็คซี่วินของแม่ และ โซนี่ จำชื่อรุ่นไม่ได้ของน้า
เรื่องนี้แม่เราก็ผิดเพราะไว้ใจเร็วเกินไป ไม่น่าพามาบ้านเร็วขนาดนั้น
และพี่ก็ได้ถามแม่ไปว่า ทำไมถึงพามันเข้าถึงบ้าน แม่เราเลยบอกว่า คิดว่าเค้าไม่ใช่คนแบบนั้น เพราะเค้าก็ดูมีเงินและบอกว่าเปิดผับ แล้วก็แต่งเรื่องจนแม่เราเชื่อ. เราก็ไม่ยอมซ้ำเติมแม่ เลยไม่ได้พูดอะไรกับแม่เลย ในความที่แม่เราเป็นมองโลกแง่ดี แม่ได้พูดว่า " เค้าคงไม่มีเงินเลยต้องเอาโทรศัพท์เราไป เค้าไม่ใช่โจรหรอก " เฮ้อออแม่เราก็มองโลกดีเกินไปปปปป
ประเด็นที่แม่เราคิดงี้เพราะว่า 1. ตอนที่มันกดตังค์ที่น้าเราไปด้วย น้าเราเห็นมันมีเงินในธนาคารเป็นล้าน 2.โทรศัพท์ 3 เครื่อง รวมกันก็ไม่กี่บาทมันจะเอาไปทำอะไร. เพื่อนแม่เราก็บอกว่าที่มันแจกทิปเด็กที่ร้านที่มากินอาหารคืนละหลายบาท เป็นเพราะมันจะทำให้เราตายใจและไว้ใจมัน
และดีน่ะที่เด็กเสิร์ฟร้านแม่เราถ่ายรูปกับมันไว้เลยมีรูปมัน ตอนแรกว่าจะเอาลงในเฟสประจาร แต่แม่เราว่าถ้ามันเห็นเดี๋ยวมันโมโห เพราะมันรู้จักบ้านเราแล้วกลัวว่ามันจะมาทำร้าย เงินแค่กี่บาทกับชีวิตคนมันไม่คุ้ม

บุคคลคนๆนี้ เป็นทอมอายุประมาณ 30 - 40 ปี ตัวเตี้ย ผิวค่อนข้างดำ มีรอยสักที่แขนข้างขวา และบริเวณคอข้างขวา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่