ขอคำปรึกษา ผิดไหมถ้าไม่อยาก....เพื่อครอบครัว

ออกตัวก่อนเลยว่าเรื่องนี้ยาวค่ะ    ขออนุญาตเพื่อนๆพี่ๆในพันธ์ทิพย์   แวะเข้ามาให้คำปรึกษา  แสดงความคิดเห็นชี้แนะกันได้ค่ะ

เริ่มเรื่องเลยนะคะ  ...  คือแต่เดิมก่อนหน้านี้มีโครงการว่าจะขายบ้านที่แม่อยู่ในจังหวัดอยุธยา   เพื่อเข้ามาซื้อบ้านอยู่รวมกันในกรุงเทพค่ะ
คือเดิมทีเราอยู่บ้านแแฟนที่กรุงเทพ  ส่วนพี่สาวก็อยู่กรุงเทพกับสามีเช่นกันค่ะ  เลยทำให้ทุกเสาร์-อาทิตย์  พ่อแม่ก็จะแวะเข้ามาที่กรุงเทพ
เพื่อนัดกันไปทานข้าว คุยสารทุกข์สุขดิบกัน  บรรยากาศตอนที่เป็นอยู่ในขณะนั้นถือว่าดีมากค่ะ   ได้เจอพ่อแม่แทบจะทุกอาทิตย์  แล้วก็ได้
ไปทานข้าวกับครอบครัวร่วมกัน  จนกระทั่งเราคลอดลูก  ก็เอาลูกกลับไปเลี้ยงอยุธยา  เพราะเราต้องอยู่ไฟหลังคลอด  เลยกลับไปบ้านให้แม่
ช่วยดูแล   เรากลับไปอยู่บ้านที่นั่นพร้อมแฟนได้ประมาณ 8 เดือน   ก็ได้งานทำเป็นงานที่เดียวกันกับพี่สาว  โดยพี่สาวเอาเราเข้าไปทำตำแหน่ง
ที่บริษัทว่างอยู่   โดยที่เอาเราเข้ามาทำงานด้วยกันนั้น   เพราะเหตุผลว่า  อยากให้เราทำงานจนมีสเตทเม้นท์ทางการการเงินแล้วจะได้เอาไป
ยื่นเรื่องกู้ซื้อบ้าน  ซึ่งแรกๆเข้ามาทำก็เหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี   หลังๆก็เริ่มมีปัญหาทะเลาะกันเองกับพี่สาวในเรื่องงาน  เพราะตำแหน่งที่เรา
ทำเหมือนเป็น ผช. งานพี่สาวอีกทีหนึ่ง  เพราะฉะนั้นงานหลักๆที่ทำก็คือ  ดิวงานจากพี่สาวมาทำ  ...  ทีนี้ปัญหาในเรื่องงานที่ทะเลาะกันก็มาจาก
การใช้คำพูด ใช้อารมณ์ในการสั่งงานกับเรา  คือกับคนอื่นพูดดี  แต่กับเราพูดจาได้แย่มาก  แถมใช้อารมณ์ว่าเราเรื่องเล็กๆน้อยๆต่อหน้าคนอื่น
บ่อยมาก  โดยครั้งใหญ่ๆที่ทะเลาะกัน  พี่สาวก็ไล่เราออกจากงานค่ะ  คือเอะอะไม่พอใจ ก็จะตะโดกนด่าเราให้เก็บของลาออกไป  บางครั้งก็ไล่
เราออกจากงาน  ซึ่งเราไม่ชอบมากๆค่ะ   การที่ทะเลาะกันแบบนี้   จนบางทีหลายคนในที่ทำงานแซวว่า  พี่น้องคู่นี้กัดกันตลอด  
หรือไม่ก็  พี่จะคอยแดรกหัวน้องจังเลย เป็นอะไรกันฟะคู่นี้ ...  ประมาณนี้

คืออธิบายเพิ่มนิดว่า  เรากับพี่สาวโตมาแบบไม่แฮปปี้เท่าไหร่  คือทะเลาะกัน ตีกันตั้งแต่เด็กๆ  ถามว่าผูกพันธ์กับพี่มั้ย  ก็ผูกพันธ์นะ  แต่เราโตมา
ในภาพจำที่ไม่ได้สวยงามเท่าไหร่  แล้วพอซัก 15-16 พี่สาวก็แยกไปอยู่บ้านแฟน ( ซึ่งก็คือสามีคนปัจจุบันนี้ )   ทำให้เราก้ไม่ได้เจอกัน  ไม่ได้
อยู่รวมกัน  นิสัยใจคอก็ไม่เหมือนกัน  นานๆครั้งตอนนั้นถึงจะได้เจอกันที  ก็ยอมรับว่าไม่สนิทมากเท่าไหร่  แต่โดยรวมลึกๆก็ยังเป็นพี่น้องกัน ..

...  ทีนี้พอมันเกิดปัญหาในที่ทำงานด้วยกันหลายครั้ง  (ครั้งใหญ่ 2 ครั้ง ในออฟฟิศได้ยินหมด)  เราเองก็รู้สึกไม่แฮปปี้  แต่งานที่ทำเราชอบนะ
ทำเรารู้สึกสบายใจ  ตื่นเช้ามาก็อยากไปทำงาน  คืองานมันโอเคสำหรับเรา  แต่การที่ต้องมีปัญหากะทบกะทั่งกับพี่สาว  เราไม่ชอบ  คือ เบื่อที่จะ
ต้องมานั่งทะเลาะกัน   บางครั้งเราเป็นฝ่ายยอม  พี่สาวด่าว่ามาเราก็เฉย  แต่พอเขาไม่หยุด ยังวีนต่อ   เราก็ฟิวส์ขาด  ใส่กลับไม่ยั้งทุกที  มันก็เลย
เป็นปัญหาร่ำไป   ตอนนี้แม่เราก็มาอยู่ด้วยกันกับเราที่ห้อง   ซึ่งตอนแรกที่กลับมาทำงานกับพี่สาวนี้  เราจ้างพี่เลี้ยงๆลูกค่ะ   ตกเย็นเลิกงานก็มา
รับกลับไปที่ห้องด้วยกัน  แต่สักพักพ่อเรามีปัญหากับพี่เลี้ยง  เลยเลิกจ้าง   โดยที่เราก็หาคนเลี้ยงใหม่ไม่ได้  พ่อเราก็เลยให้แม่เลิกขายของ
แล้วเข้ามาเลี้ยงลูกเราที่กรุงเทพ  ก็มาพักอยู่ด้วยกันกับเราที่ห้อง   ซึ่งพอแม่มาอยู่ความเป็นส่วนตัวก็หายไป   เนื่องจากห้องที่อยู่มันเป็นห้องเดี่ยว
ไม่ได้มีส่วนแยกห้องนอนกับห้องอะไรเลย  เวลากิน อยู่ นอนคือนอนรวมกัน  ไม่มีห้องแยกเป็นสัดส่วน   แม่เราก็ไม่ค่อยชอบ  เราเองก็รู้สึก
ไม่สะดวกเท่าไหร่นัก  แต่ก็ทนอยู่กันไป   ปัญหาคือ  พอมาอยู่รวมกันแล้วปัญหามันเยอะมาก  ตั้งแต่เรื่องการเลี้ยงดู กินอยู่อาศัย  ทุกเรื่องมี
ปัญหาหมด  ซึ่งจะให้อธิบายในนี้คงไม่หมดแน่ๆ  เพราะมันเยอะมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ    ..  โดยที่เราก็ไม่รู้ว่าทำไมพอมาอยู่รวมกันแล้วถึงได้มีแต่
ปัญหา  แล้วก็มีเรื่องทะเลาะจุกจิก  เรื่องเงินไม่พอใช้  เรื่องอะไรต่อมิอะไรอีกมาก   คือเราก็เลยมองว่าถ้าไปซื้อบ้านอยู่รวมกันก็คงจะเป้นเช่นนี้
แม่+พ่อเราก็คิดอย่างนั้น   คือตอนนี้ไม่อยากได้บ้านแล้ว   อยากแบบต่างคนต่างอยู่มากกว่า  แม่เราก็อยากกลับไปขายของ  เราก็อยากจะแยกกลับ
ไปอยู่บ้านสามี  แต่ติดตรงที่ทุกคนไม่ให้เอาหลานไปอยู่นู่น   คือเค้ารักเค้าผูกพันธ์เราเข้าใจ    แต่เค้าไม่สมควรเอาเด็กมาเป็นเครื่องต่อรอง
หรือเอาเด็กมาเป็นเงื่อนไขสำหรับทุกเรื่อง  เราไม่ชอบการกระทำแบบนี้จริงๆ   รวมกับนิสัยพี่สาวเราที่เวลาไม่พอใจก็ไล่ออกๆ   ทำให้เราคิดว่า
ถ้าไปอยู่ด้วยกันจริง  แล้วเกิดวันนึงทะเลาะกันขึ้นมา  พี่สาวก็ต้องมาไล่เราออกจากบ้านหรอ   แล้วเราจะไปอยู่ไหน   อีกอย่างระยะเวลา
การผ่อนบ้านมันนานมาก 25 - 30 ปี  เราไม่เชื่อเลยว่าจะอยู่ร่วมกันได้จนถึงขนาดนั้น  มันมีแต่ปัญหาแน่นอน   แล้วอีกอย่างพี่เราไม่ให้พ่อแม่
ยุ่มย่ามเรื่องสามี หรือเรื่องเงิน เรื่องหนี้สิน ส่วนตัวใดๆเลย  คือมีอะไรแล้วช่วยปกปิดหมกเม็ดไม่บอกความจริง   ข้อนี้เลยที่เป็นข้อหลักๆ
ที่พ่อแม่เราไม่อยากได้บ้าน  เพราะไม่มั่นใจจริงๆว่าจะส่งกันไหว  หรือส่งจนรอด  เพราะระยะเวลาผ่อนมันนาน  อีกอย่างพ่อแม่เราแก่แล้วค่ะ
ซึ่งตอนนี้ขอเข้าประเด็นเลยนะคะ  ...  อยากรู้ว่า

- บ้านทำเรื่องยื่นกู้ไปแล้วตั้งแต่เดือน ก.พ.  แต่ยังไม่รู้ผล   ซึ่งล่าสุดแบงค์แจ้งมาว่า  พ่อเราอายุเยอะไม่สามารถกู้ได้   ให้เปลี่ยนคนกู้
( บ้านยื่นเรื่องไปโดยมีผู้กู้ร่วม 3 คน คือ พี่สาว เงินเดือนประมาณ 30k + - ไม่เกิน 35 k , สามีพี่สาวพ่อมีบริษัทกิจการขนาดเล็กๆ  โดยเค้า
ทำงานกับพ่อเค้า  เอาสเตทเม้นท์ในกิจการยื่นกู้ร่วม , พ่อเรา )  พี่สาวเลยต้องการให้เรายื่นเอกสารเป็นผู้กู้ร่วมอีกคนหนึ่งแทนพ่อที่ไม่สามารถ
กู้ได้   โดยเราเงินเดือน 15 k เงินเข้าบัญชี 12 k ที่เหลือรับเงินสด  สเตทเม้นท์เพิ่งได้ 4 เดือน  อายุงานเรา 6 เดือน  โดย 2 เดือนแรกที่มาทำ
รับเป็นเงินสดใส่ซอง   เราไม่อยากจะยื่นกู้เลย  เพราะไม่อยากอยู่รวมกันแล้ว  มันมีแต่ปัญหาจริงๆค่ะ

- ยอดกู้ประมาณ 3 ล้านหรือ 3 ล้าน 2 ไม่แน่ใจ  ถ้าจำไม่ผิดอยู่ที่ราวๆ 3 ล้านต้นๆ  เราสมมติว่าถ้าจำเป็นต้องยื่นเอกสารเป็นผู้กู้ร่วมอีกคนหนึ่ง
เราไม่อยากให้ผ่านเลยค่ะ  เพราะไม่อยากได้  พ่อแม่ก็ไม่อยากได้แล้ว  อยากกลับไปอยู่อยุธยา  แต่ไม่มีใครกล้าบอกพี่สาว  เค้ากลัวพี่สาว
ไม่พอใจหรือโกรธมากๆ  เพราะเค้าอยากได้  ทำเรื่องกู้ แถมตั้งความหวังเอาไว้แล้ว  แม่เราเลยบอกว่างั้นให้รอแบงค์แจ้งมาว่าไม่อนุมัติ
ทุกคนจะได้แยกย้ายกันไปตามที่ตนเองตั้งใจ    ถ้าในกรณีนี้จะผ่านไหมถ้าเรายื่นร่วมไปอีกคน

โดยที่รายละเอียดเป็นดังนี้

- พี่สาวเงินเดือน 30k+- 35k
- พี่สาวติดผ่อนรถอยู่หนึ่งคัน  ยอดเหลือประมาณ 5 แสนกับไฟแนนซ์
- มีหนี้บัตร ไม่ทราบยอดอีก 1 ใบ (บัตรในมือมีทั้งหมด3ใบ)
- มีหนี้นอกระบบพอประมาณ (ซึ่งเราไม่ทราบยอด) พี่สาวปกปิดทุกคนไว้ แต่เราแอบรู้มาจากพี่ที่สนิทกับพี่สาวคนหนึ่งค่ะ
- อายุงาน 3 ปี

- สามีพี่ไม่แน่ใจว่ายื่นแสดงเงินเดือนไปไหม  แต่ที่จำได้ตอนรวมเอกสารก่อนยื่น  เห็นแว้บๆว่าเค้ายื่นเอกสารรายได้ของกิจการ
ในแต่ละเดือนไปค่ะ  ซึ่งชื่อเจ้าของกิจการน่าจะชื่อพ่อเค้าค่ะ

- เรา  เงินเดือน 15k เข้าบัญชี 12k  ที่เหลือรับสด
- อายุงานจริง 6 เดือน แต่เงินเข้าบัญชีเพิ่งได้ 4 เดือน  ปกส.ก็เพิ่งส่งให้เราเดือนมกราคม
- ไม่มีหนี้ในระบบและนอกระบบ
- แต่รายจ่ายต่อเดือนเราเยอะพอสมควร  เพราะต้องให้แม่ด้วยค่ะ  เลยไม่มีเงินเก็บในบัญชีเลย

เราอยากถามว่าจะมีโอกาสผ่านไหมคะ  คือไม่อยากได้บ้านค่ะ  แต่เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องให้เอกสารพี่สาวไปยื่นเพิ่มเติมกับแบงค์

จากที่คุยกับแม่เมื่อเช้าคือ  แม่บอกไม่น่าผ่าน  แต่อยากให้พี่สาวรู้ผลเองว่า แบงค์ไม่อนุมัติ    เรื่องก็จะได้จบ ...

คือทุกคนไม่อยากบอกว่า  บ้านไม่เอาแล้ว  กลัวพี่สาวโกรธและเสียใจค่ะ   แม่เลยอยากให้ทำๆเรื่องส่งไป  แต่แม่เค้าคิดว่าไม่ผ่าน

ส่วนเราไม่อยากยื่นเลยค่ะ  กลัวจะผ่าน  แล้วจะได้ไปอยู่รวมกัน ...  ยังไงขอความเห็นด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
เป็นเรื่องของช่องไฟครับ
เหมือนเสาโรมันน่ะครับ ห่างกันแต่พอดีก็ดูสวยงาม ชิดไปก็ไม่ลงตัว
ดังนั้นแนะนำว่า 1. บอกแม่ว่าเดี๋ยวเลี้ยงเอง ไม่ต้องเป็นห่วงนะ และแม่ไม่ต้องกลัวคิดถึงหลานนะ
เพราะหนูกับลูกเองก็คิดถึงแม่เหมือนกัน เดี๋ยวแวะมาหา มาค้างด้วยบ่อยๆ
ถ้าเลี้ยงไม่ไหวค่อยหาพี่เลี้ยงใหม่หรือตามพี่เลี้ยงคนเก่ามา เพราะไม่ต้องทะเลาะกับพ่อคุณแล้วถ้าแยกมา

2. อดทนกับพี่สาวคุณไปก่อน เป็นเตมีย์ใบ้ ปรับปรุงตามทึ่พี่สาวคุณบอกไปครับ
อย่าพึ่งเถียงใดๆพอทำงานครบ 1ปี ไปหางานแบบที่คุณชอบใหม่ มีประสบการณ์ portfolioดูดีกว่า4เดือน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่