เมื่องไทย ไร้มาตราฐานทางภาษาอังกฤษหรอครับทำไมคนไทยเรียนภาษาอังกฤษตั้งนาน เรียนจนจบป.ตรี ยังพูดไม่ได้ เพราะอะไรครับ

ช่วงประถม ก็ได้ความรู้เล็กน้อย
รู้จัก A-Z และก็คำศัพท์พื้นๆอีกเล็กน้อย
ช่วงมัธยมต้นก็เริ่มเรียนแกรมมาร์ เรียนกันจนกลัว
อาจารย์ก็เหมือนกัน ตัวดีเลย ทำให้เรากลัวภาษาอังกฤษมาก

เวลาอาจารย์พูดว่า จะสุ่มถาม หรือ ให้พูดหน้าชั้น
โอ้โห แม่เจ้า เรียกว่า "เงียบปานป่าช้า" กันเลยทีเดียว
ก็สมัยเรียนอาจารย์ก็สอนแกรมมาร์ แล้วก็พวกคำศัพท์
ทำแบบฝึกหัดส่ง

เรียนภาษาอังกฤษ สอนให้อ่าน แล้วก้อธิบายไวยากรณ์ ทำแบบฝึกหัด จบ
วนเวียนอย่างนี้ นับภพนับชาติไม่ถ้วน 5555
ตั้งแต่ ม.ต้น  ถึง ม.ปลาย
พอมาเรียน มหาลัย ผมก็เลือกเรียนเอกอังกฤษอีก
ฮ่าๆ ชีวิตก็คงตายอยู่กับภาษานี่แหละ

ผมเคยถามอาจารย์ว่า
"อาจารย์ครับผมต้อง รู้แกรมมาร์ มากน้อยขนาดไหน ผมถึงจะพูดภาษาอังกฤษได้"
อาจารย์ตอบว่า เรียนไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็รู้เอง
เฮ้อ อนาถชีวิตจริงๆ

ผมว่า การสอนภาษาของกฤษของบ้านเรามันผิดไปไหมครับ
สอนแต่แกรมมาร์ สอนไปทำข้อสอบ
ใครทำได้ จำแม่น ถือว่าเก่ง
แต่ว่า เวลาเอาไปใช้จริงๆ
พูดกับฝรั่ง แค่ฝรั่งเดินมา กลัวแล้วครับ
ไม่รู้ว่าจะใช้ เทนส์ ไหน ในขณะที่ตอนเรียนเหมือนจะเทพ จะพรหม

อยู่ในห้องเรียน การที่จะได้ฟังเสียงฝรั่งจริงๆ น้อยมาก หรือแทบไม่มี
หนักเข้า อาจารย์ก็ดันพูดภาษาไทยอีกทั้งคาบ
ก็คงมีแต่การเขียนคำตอบ หรือ รายงานเป็นภาษาอังกฤษซึ่ง
ก็ไม่สามารถทำได้ดีเท่าไหร่เพราะว่า พวกเราอ่านน้อย

เรียนจนจบ ป.ตรีมาก็พูดภาษาอังกฤษไม่เก่งเลย
เพิ่งมา จี้ตัวเองให้พัฒนาทางภาษา
เพราะว่าใกล้เปิดประชาคมอาเซียนแล้ว
เดียวตามโลกเค้าไม่ทัน
เฮ้อ สงสารตัวเอง
^^^^^^^
ถ้าผมจะพูดอย่างนี้จะถูกไหมครับ
ถ้าอยากพูดเก่ง เราต้อง หัดฟังฝรั่งพูดให้เยอะๆ ไม่ว่าเป็นสื่ออะไรก็แล้วแต่ หนัง เพลง ข่าว เกมส์
คือเราต้องรับข้อมูลเยอะๆ เพื่อให้สมองเรา มีรูปแบบคำศัพท์ โครงสร้างประโยค
เรียกว่าเลียนผ่านภาษา ไม่ใช่ประมาณที่ว่าต้องเรียนแกรมมาร์แล้ว เวลาอยากพูดต้องนึกโครงสร้างมาพูดกัน
ผมว่า มันรกชัดๆ อ้อ ถ้าฟังเยอะๆ จะได้ทักษะการฟัง การออกเสียง การเน้นเสียง โทนเสียง ประโยค สถานการณ์
สิ่งเหล่านี้มันช่วยให้เรา พูดได้คล่องและสำเนียงคล้ายฝรั่ง ผมคิดว่างั้นนะครับ
สรุปคือ อยากพูดเก่ง ต้องหัดฟังแล้วก็ต้องเลือกฟัง เสียงที่ถูกต้อง
เหมือนทารก หรือเด็กเรียนภาษาไหม ยังไงยังงั้น

^^^^^
ส่วนทักษะการเขียน
ผมคิดว่าน่าจะได้รับจากการอ่านนะครับ เพราะการอ่านเป็นการนำเข้าข้อมูล
เป็นการฝึกให้สมองคุ้นชิน กับโครงสร้างประโยค การสะกดคำ การวางคำ แล้วก็ถือว่า เป็นการเรียนไวยากรณืไปในตัวด้วย
คือผมสังเกตตัวเองว่า ถ้าอยากเขียนภาษาอังกฤษให้ดีต้องอ่านมากๆ นิยาย การตูน บทความ อะไรก็ได้ที่เข้าเใจดี
สรุปคือ การเขียนที่ดี ต้องเริ่มต้นจากการอ่านที่เลิศ

^^^^^
สิ่งที่ผมนำมาปรับใช้ในการเรียนภาษาอังกฤษครับ
เป็นธรรมะของพระพุทธองค์ คือ เรื่องของ อิทธิบาท ๔ หลักธรรมที่นำไปสู่ความสำเร็จในการทำสิ่งต่างๆ

๑.ฉันทะ คือต้องใจรักครับ ถ้าไม่มีใจรัก ทุกอย่างดูเหมือนจะยากไปหมด เราจะไม่มีความสุข ไม่มีกำลังใจ ไม่รู้ว่าจะทำไปทำไม
พอคนเรามีใจรักเสียอย่างแล้ว ข้อต่อไปมันก็จะตามมาครับ
๒.วิริยะ คือความเพียร คือต่อให้มันยากขนาดไหน ถ้าเราชอบ เราเองก็จะหาวิธีการที่ดีที่สุด แสวงหาอุปกรณ์ช่วยให้สิ่งที่เราต้องการทำสำเร็จผล
เหมือนกับที่ผมพยายามหา วิธีเรียนภาษาอังกฤษ
๓.จิตตะ คือ การมีจิตฝักใฝ่ หรือพยายามโฟกัสเรื่องที่เราอยากพัฒนา ผมเองมุ่งมั่น ตั้งใจและคลุกคลีกับภาษาอังกฤษตลอด
เพราะผมรัก ชอบ และผมก็คิดว่า ถ้าเราไม่มีการโฟกัสในสิ่งที่เราอยากทำ การที่เราจะเป็นเลิศเหนือใครๆ ได้มันยากเหลือเกัน
แต่ทั้งนี้ ทังนั้น ต้องมีใจรักก่อนเป็นอันดับแรก เพราะถ้าเราไม่มีใจรัก ไม่มีทางที่เราจะอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นานๆ ถ้าใจมันบอกว่า "ไม่"
๔.วิมังสา คือการพิจารณาปรับปรุง คือ ทำสิ่งที่ทำแล้วให้ดีชึ้น ตรวจสอบแก้ไข เรียกว่าพัฒนาไม่หยุดนิ่งเลย

ู^^^^^
เพื่อนๆ คิดยังไงกับกระทู้ที่ผมตั้ง แชร์คาวมคิดเห็นกันได้นะครับ

"ขอบคุณมากๆครับที่อ่านจนจบ  อิอิ"
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่