[CR] ประสบการณ์ Backpack มือใหม่ไปทะเลใต้ 3 จังหวัดด้วยงบอันน้อยนิดแต่โคตร adventure

ก่อนอื่นอยากจะบอกว่า ทริปนี้เป็นทริปเมื่อปีที่แล้วนะคะ จขกท. ได้ไปมาแล้วรู้สึกว่า จริงๆเราควรบอกต่อวิธีนี้จริงๆ ทริปนี้ไม่มีภาพสวยๆนะคะ ไม่ได้เอากล้องดีดีไป มีแต่กล้องไอโฟนติดตัวอย่างเดียว กระเป๋าเป้ 1 ใบ ย่ามอีก 1 ค่ะ
** บอกก่อนนะคะว่าทริปนี้ ลำบาก ใช้เงินน้อย แต่ได้เห็นในสิ่งที่คนมีงบเยอะๆได้เห็นชัวร์ เหมาะกับผู้ที่งบไม่มากแต่อยากเที่ยว ลำบากได้ อดทนได้ ถ้าครบคุณสมบัติก็อ่านต่อเลยค่ะ **

วันที่ 1 เดือนเมษายน 2556 ตัดสินใจออกจากงานพาสไทม์ที่ทำเพราะไม่ไหวจริงๆอยากเที่ยว บวกกับได้เงินมาเพียง 2000 กว่าบาท (เริ่มงานทีหลังด้วยค่ะ แย่จริงๆ ลาบ่อยด้วย 5555) ตอนนั้นมีเงินสุทธิ 7000 บาทในกระเป๋า ทริปนี้ผู้หญิงอ้วนๆสวยๆสองคนเดินทางกันแบบไม่รู้อะไรมากเท่าไหร่ เพียงแค่จะไปตรังเพราะมีเพื่อนอีกกลุ่มที่ขับรถไปคันนึงแล้ว แต่ด้วยเพราะเราสองคนงบไม่มากจึงเลือกทางที่ถูกที่สุดแต่ไปถึงค่ะ

ตัดสินใจเดินทางด้วยรถไฟชั้น 3 *สายรถไฟนี้ไม่มีรถไฟฟรีนะคะ ตัดสินใจไปสาย กรุงเทพ - ตรัง ขบวน 83'
วันที่ 4 เมษา เดินทางไปจองตั๋วรถไฟที่หัวลำโพง ค่าโดยสาร 285 บาท เดินทางวันที่ 5 เมษายน เวลา 17.05 น.

วันที่ 5 เมษา เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เราสองคนตกรถไฟ  เอาตรงๆว่าไปไม่ทันรถไฟ พอไปถึงหัวลำโพงเจ้าหน้าที่บอกว่า อ๋อ รถตรังเหรอ ออกไปเมื่อ 5 นาทีนี้เอง แล้วท่านเจ้าหน้าที่ก็พาเราไปหน้าหัวลำโพง ก่อนจะบอกให้เจ้าหน้าที่ที่จอดมอเตอร์ไซด์อยู่พาเราตามรถไฟให้ทัน (ตอนนั้นชื่นชมระบบการทำงานของ รฟท. มากๆ ค่ะ) นั่งรถมอไซด์ไปสองคัน แบบซิ่งมากๆ ตอนนั้นคิดในใจ 'ไม่อยากไปแล้วเอาหนูลงที' แบบเจอศาลตามข้างทางสวดทุกศาล เพราะพี่เค้าเดอะฟาสมาก ตลอดเวลาพี่เค้าก็พยายามโทรไปที่สถานีว่าให้รอก่อนแป๊บนึง เค้าก็พูดให้เราอุ่นใจมากว่า พี่โทรไปบอกเค้าแล้วนะ เราก็ยิ่งปลื้มปิติเข้าไปอีก จนไปถึงสถานทีรถไฟ บางบำหรุ เราก็พบกับความว่างเปล่าของสถานี พอเดินไปถามเจ้าหน้าที่เค้าก็บอกว่า ออกไปเมื่อ 5 นาทีนี้เองไม่ทันแล้ว เราสองคนเดินออกมาหน้ามุ่ย พร้อมกับเรื่องช็อคที่สอง พี่เจ้าหน้าที่ที่เราคิดกันว่าเป็นเจ้าหน้าที่ รฟท. ก็ได้ถอดเสื้อแจ็คเก็ตออก ภายในเป็นเสื้อกั๊กสีส้ม -- คือพี่เค้าเป็นวินมอไซด์นั่นเอง เค้าเรียกเก็บคนละ 150 บาทค่ามาส่ง ร้องไห้ น้ำตาจะไหล

คิดกันอยู่อย่างหมดหวังเลยค่ะว่าจะทำยังไงดี กลับมั้ยพรุ่งนี้ค่อยไปใหม่ เถียงกันอยู่แป๊บนึงเลยตัดสินใจไปซื้อตั๋วรถไฟรอบต่อไปเลยคือ กรุงเทพ-นครศรีธรรมราช ในรอบ 20.30 ระหว่างนั้นก็ยังขำกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บวกกับหัวเสียเรื่องเข้าใจผิดเรื่องพี่วินเล็กน้อย ตั๋วที่เราได้นั้นเป็น standee คือตั๋วยืนค่ะ ไม่มีที่นั่งให้เรา ซึ่งเราก็ต้องเสียราคา 285 เช่นกัน ไม่เป็นไรค่ะ สู้กันต่อไป

เวลา 20.30 โดยประมาณ ได้ขึ้นรถไฟซักที ตั๋วยืน คือ ตัวยืนจริงๆนะ ไม่มีที่นั่งเลยจริงๆ ในรถไฟขบวนนั้นเราคือกลุ่มคนที่เปรียบเสมือนอยู่ในแคมป์คนงาน ที่อัดๆกระจุกกันอยู่ที่ปากประตูรถไฟ อธิบายถึงกลุ่มคนไม่ถูก เอาความจริงเลยนะคะ มีแต่ชาวประเทศเพื่อนบ้าน ตัวดำๆหน่อย เราก็อยู่ได้ค่ะ ยิ้มๆ เค้าก็จ้องแบบเขม็งเลยทั้งคัน เราสองคนตัดสินใจนั่งหน้าห้องน้ำกันนิ่งๆ ซักพักเจ้าหน้าที่รถไฟเดินผ่านมา อาจจะเห็นความแตกต่างของสองเรา พี่ชวนให้เราเข้าไปในขบวน ส่วนคนอื่นก็ลุกตามเรามาด้วย ตอนนั้นกลัวนิดหน่อยสารภาพเลย พี่เจ้าหน้าที่ก็ดุเค้า แบบตอนนั้นงงมากเลยว่าทำไมไม่พูดกับเค้าดีดี "ไม่ต้องลุกมานั่งอยู่ตรงนั้นแหละ" แล้วพี่เค้าก็หันมา " เอ่อน้องสองคนตามมา ตั๋วยืนเหรอ เดี๋ยวหาที่ให้" แล้วพี่เค้าก็จัดแจงหาที่หาทางให้

สภาพแบบนี้เลยค่ะ จากมุมที่นั่งคือนั่งพื้น เราบังเอิญไปเจอครอบครัวหนึ่งในที่นั่งนั้น มีคุณยาย คุณแม่ และเด็กๆอีก 4 คนค่ะ เราขอเค้าอาศัยบนพื้นด้วยเงียบๆ

เวลามันช่างผ่านไปนานมากบนรถไฟ เราถ่ายรูปไม่ได้มากไปกว่านี้แล้ว (เมมเต็ม แบทจะหมด) ตลอดทางเกิดการปรับเปลี่ยนช่องทางการนอน เพราะน้องๆก็ยังเด็กมีอาการงอแงตามประสาเด็ก น้องขดเข้าไปนอนใต้เบาะ เราก็ต้องนั่งบนเบาะ คุณยายนอนเราก็ต้องนั่ง และตลอดเวลาเราก็ได้รับการแทะโลมจากที่นั่งด้านหลัง เป็นกลุ่มวัยรุ่นที่คึกคะนองพอสมควร พอกำลังจะหลับอะค่ะ ก็ตะโกนว่า อ้าาาววววหลับแล้วเหรอ ตื่นเลยค่ะ นอนไม่ได้เลย ของเยอะที่น้อย นั่งพื้นร้อน ตลอดเวลาเราก็พูดคุยกับแม่น้องตลอดทางเลยว่าเราจะไปไหนกันยังไง destination เราอยู่ที่ตรัง แม่น้องแนะนำให้เราลองไปกระบี่ดูสิ ไม่อยากเสียเงินที่พักก็ลองถามไปใน Couchsurfing ดูตอนนั้นไม่รู้จักนะคะว่าคืออะไร เลยตัดสินใจเปิดโทรศัพท์

* แนะนำให้สำหรับคอ Backpack ตัวยงเลยที่ไม่อยากเสียค่าที่พักไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตามในโลกนี้
https://www.couchsurfing.org/ เวบนี้เป็นเวบที่เราแสดงความจำนงค์ว่าเรากำลังไปเที่ยวที่นะ บ้านคุณสะดวกรับพวกเราไปนอนโซฟาบ้านคุณมั้ย
เชิงๆ โฮสต์อะคะ แต่เราอาจจะมีการแลกเปลี่ยนกับเค้าเช่น เค้าให้ที่นอนเรา เราทำอาหารไทยให้เค้ากิน เป็นการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมกันพอสมควรค่ะ

ครอบครัวนี้ใจดีมากๆค่ะ แนะนำทุกอย่างจริงๆ ให้หนังสือมาเล่มนึงด้วยบอกว่าเผื่อเราเอาไว้อ่านตอนเดินทาง แม่น้องก็แนะนำว่าลองลงสุราษฯดูมั้ยแล้วค่อยไปตรังทีหลัง ไหนๆมาแบบไม่มีแผนมากแล้วไม่ได้ฟิกว่าจะต้องทำอะไรที่พักก็ไม่ได้จองไปกระบี่เลย ลงสถานีรถไฟสุราษนะแล้วลองถามคนแถวนั้นดู เราก็เขวเลยสุดท้ายตัดสินใจ ไปกระบี่ค่ะ
เดี๋ยวมาต่อนะค่ะ เหตุการณ์แบบช็อคๆมีอีกเยอะมากในทริปนี้...
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่