สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
" อย่า กิน อาหารเสริม ใดๆ ที่ แพทย์เฉพาะทาง ไม่ได้สั่ง ค่ะ "
เราเองดูแลแฟนป่วยเป็นอัมพาตที่เกิดจากลิ่มเลือดไปอุดตันในสมอง แฟนเราเคยผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจค่ะ
ป่วยตอนแรกพูดไม่ได้เลยซักคำ แถมต้องระวังอาการทั้งที่สมองและหัวใจ เราเคยโดนแม้กระทั่งแม่บ้าน
ที่ห้องกายภาพบำบัดมาบอกเราว่า เย็นนี้นัดคุยเรื่องคนไข้ที่ั้ชั้น 1 นะคะ ให้มารอพี่หน้าลิฟท์
โชคดีวันนั้นเราปวดท้อง (เนื่องจากเครียดและมีอาการกรดไหลย้อน) เราเดินลงไปไม่ไหว พยาบาลมาสอบถาม
เราเลยบอกว่า ให้ช่วยเลื่อนนัดคุณหมอห้องกายภาพหน่อยได้มั้ย เราเดินไม่ไหว พยาบาลบอกว่า ไม่เห็นคุณหมอ
เขียนอะไรมาในเล่มคนไข้นะคะ ใครนัดคะ เราบอกแม่บ้านห้องกายภาพ พยาบาลบนตึกบอก เอาอีกล่ะ ไม่ต้องไปค่ะ
พี่เค้าจะขายอาหารเสริมให้" โหหหห.... ขนาดนี้เลย เอาความทุกข์คนอื่นมาสร้างรายได้เสริม T.T
พอคุณหมอเจ้าของไข้ทราบเรื่อง ก็รีบบอกเลยค่ะ จะอาหารเสริมที่แม้แต่พ่อของนายแพทย์เป็นผู้ผลิตก็ทานไม่ได้นะครับ 555+
(คือหมอเจ้าของไข้อารมณ์ดี ใจดีมากค่ะ) ถ้าผมไม่สั่ง ห้ามทานยาหรืออาหารเสริมใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเคยมีคนกินแล้วหาย กินแล้วดี
มีใครรับประกัน เพราะมันอาจจะขัดกับยาที่ผมสั่ง และเราไม่รู้ส่วนผสมที่แท้จริง (ที่ไม่ได้แจ้งบนฉลาก) อันตรายมากๆ
เวลาผ่านมา 4 ปีกว่าแล้วค่ะ ทุกวันนี้แฟนเราพูดได้ ถึงไม่ปกติ เดินได้ถึงจะแปลกๆ นิดหน่อย แต่ก็ดีกว่าตอนนอนกับเตียงเยอะค่ะ
ขออนุญาตใช้พื้นที่หน่อยนะคะ อยากแชร์ประสบการณ์ค่ะ
ตอนแรกที่แฟนเราป่วย หมอ 2 คนแรกวินิจฉัยว่า แฟนเราดีที่สุดคือนั่งรถเข็นได้ตลอดชีวิตค่ะ (เพราะบางคนนั่งไม่ได้)
เราท้อแท้มาก แฟนพูดไม่ได้ เดินไม่ได้ เราจะทำยังไง จนมาเจอคุณหมอเจ้าของไข้ท่านปัจจุบัน ท่านให้กำลังใจ บอกอายุยังน้อย
ต้องเดินได้ ต้องปกติให้ได้ อย่างน้อยทุกครั้งที่เราเจอหน้ากันต้องดีขึ้นๆๆ แล้วที่มีคนบอกว่า หลัง 6 เดือนคนไข้ฟื้นเท่าไหน
คือได้แค่นั้น ไม่จริงค่ะ แพทย์สมัยใหม่และนักกายภาพจะบอกว่า ร่างกายเรามหัศจรรย์มาก เค้าสามารถฟื้นตัวเองได้
ทุกวันนี้แฟนเราก็ยังมีพัฒนาการการเดิน การหยิบจับที่ดีขึ้นค่ะ ไม่ได้หยุดเหมือนตำราแพทย์แบบเก่า
และย้ำว่าไม่ได้ทานอาหารเสริมครอบจักรวาลใดๆ เลยแม้แต่อย่างเดียวค่ะ
มีเพียงอย่างเดียวที่เราเลือกทำให้แฟนเรา นั่นคือ เราขออนุญาตคุณหมอเจ้าของไข้ ขอฟิล์มเอกซเรย์และประวัติการรักษา
ไปปรึกษาคุณหมอด้านประสาทศัลยศาสตร์อีกท่านที่จังหวัดบ้านเกิดเราซึ่งเคยรักษาคุณยายเราที่เป็นอัมพาตแล้วหายเป็นปกติ
คุณหมอเจ้าของไข้ก็เห็นดีด้วย เพราะแฟนเราใ้ช้สิทธิ์บัตรทอง ยาบำรุงสมองบางตัวไม่อยู่ในสิทธิ์
เราพาแฟนมาปรึกษาคุณหมออีกท่าน โดยนำยาที่ทานอยู่เดิม พร้อมประวัติการรักษามาด้วย ได้ยาบำรุงสมองทานเพิ่ม
(ยาที่จ่ายโดยแพทย์เฉพาะทางนะคะ ไม่ใช่อาหารเสริม ย้ำค่ะ อาหารเสริมห้ามทาน)
ทุกวันนี้คุณหมอจะนัดเราไปพบคนไข้รายใหม่ๆ เสมอค่ะ เนื่องจากแฟนเราอาการหนักมากและฟื้นตัวได้แทบปกติ
เพื่อให้คนไข้ท่านอื่นๆ มีกำลังใจที่จะทำกายภาพบำับัดค่ะ
คุณ จขกท. และคุณแม่ อย่าเพิ่งท้อแท้ และอย่าทานอาหารเสริมนะคะ ขอร้องในฐานะเพื่อนร่วมโลกค่ะ
ถ้าของพวกนี้ดีจริง คนเรียนแพทย์ไม่ต้องเรียนหนักถึง 6 ปีเพื่อให้จบแพทย์และต้องไปเรียนต่อเฉพาะทางหรอกค่ะ
ส่วนเรื่องวิธีการรักษา การกายภาพบำบัด หากต้องการคำแนะนำในฐานะผู้ที่เคยดูแลแฟนมาก่อน
เรายินดีให้คำแนะนำค่ะ สำหรับคุณแม่ถ้าท่านยังออกกำลังกายเองไม่ได้ คนดูแลต้องช่วยนะคะ
อย่างน้อยกล้ามเนื้อจะได้ไม่ลีบ และปอดจะได้แข็งแรง ไม่เสี่ยงติดเชื้อด้วยค่ะ
สู้ๆ นะคะ
เราเองดูแลแฟนป่วยเป็นอัมพาตที่เกิดจากลิ่มเลือดไปอุดตันในสมอง แฟนเราเคยผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจค่ะ
ป่วยตอนแรกพูดไม่ได้เลยซักคำ แถมต้องระวังอาการทั้งที่สมองและหัวใจ เราเคยโดนแม้กระทั่งแม่บ้าน
ที่ห้องกายภาพบำบัดมาบอกเราว่า เย็นนี้นัดคุยเรื่องคนไข้ที่ั้ชั้น 1 นะคะ ให้มารอพี่หน้าลิฟท์
โชคดีวันนั้นเราปวดท้อง (เนื่องจากเครียดและมีอาการกรดไหลย้อน) เราเดินลงไปไม่ไหว พยาบาลมาสอบถาม
เราเลยบอกว่า ให้ช่วยเลื่อนนัดคุณหมอห้องกายภาพหน่อยได้มั้ย เราเดินไม่ไหว พยาบาลบอกว่า ไม่เห็นคุณหมอ
เขียนอะไรมาในเล่มคนไข้นะคะ ใครนัดคะ เราบอกแม่บ้านห้องกายภาพ พยาบาลบนตึกบอก เอาอีกล่ะ ไม่ต้องไปค่ะ
พี่เค้าจะขายอาหารเสริมให้" โหหหห.... ขนาดนี้เลย เอาความทุกข์คนอื่นมาสร้างรายได้เสริม T.T
พอคุณหมอเจ้าของไข้ทราบเรื่อง ก็รีบบอกเลยค่ะ จะอาหารเสริมที่แม้แต่พ่อของนายแพทย์เป็นผู้ผลิตก็ทานไม่ได้นะครับ 555+
(คือหมอเจ้าของไข้อารมณ์ดี ใจดีมากค่ะ) ถ้าผมไม่สั่ง ห้ามทานยาหรืออาหารเสริมใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเคยมีคนกินแล้วหาย กินแล้วดี
มีใครรับประกัน เพราะมันอาจจะขัดกับยาที่ผมสั่ง และเราไม่รู้ส่วนผสมที่แท้จริง (ที่ไม่ได้แจ้งบนฉลาก) อันตรายมากๆ
เวลาผ่านมา 4 ปีกว่าแล้วค่ะ ทุกวันนี้แฟนเราพูดได้ ถึงไม่ปกติ เดินได้ถึงจะแปลกๆ นิดหน่อย แต่ก็ดีกว่าตอนนอนกับเตียงเยอะค่ะ
ขออนุญาตใช้พื้นที่หน่อยนะคะ อยากแชร์ประสบการณ์ค่ะ
ตอนแรกที่แฟนเราป่วย หมอ 2 คนแรกวินิจฉัยว่า แฟนเราดีที่สุดคือนั่งรถเข็นได้ตลอดชีวิตค่ะ (เพราะบางคนนั่งไม่ได้)
เราท้อแท้มาก แฟนพูดไม่ได้ เดินไม่ได้ เราจะทำยังไง จนมาเจอคุณหมอเจ้าของไข้ท่านปัจจุบัน ท่านให้กำลังใจ บอกอายุยังน้อย
ต้องเดินได้ ต้องปกติให้ได้ อย่างน้อยทุกครั้งที่เราเจอหน้ากันต้องดีขึ้นๆๆ แล้วที่มีคนบอกว่า หลัง 6 เดือนคนไข้ฟื้นเท่าไหน
คือได้แค่นั้น ไม่จริงค่ะ แพทย์สมัยใหม่และนักกายภาพจะบอกว่า ร่างกายเรามหัศจรรย์มาก เค้าสามารถฟื้นตัวเองได้
ทุกวันนี้แฟนเราก็ยังมีพัฒนาการการเดิน การหยิบจับที่ดีขึ้นค่ะ ไม่ได้หยุดเหมือนตำราแพทย์แบบเก่า
และย้ำว่าไม่ได้ทานอาหารเสริมครอบจักรวาลใดๆ เลยแม้แต่อย่างเดียวค่ะ
มีเพียงอย่างเดียวที่เราเลือกทำให้แฟนเรา นั่นคือ เราขออนุญาตคุณหมอเจ้าของไข้ ขอฟิล์มเอกซเรย์และประวัติการรักษา
ไปปรึกษาคุณหมอด้านประสาทศัลยศาสตร์อีกท่านที่จังหวัดบ้านเกิดเราซึ่งเคยรักษาคุณยายเราที่เป็นอัมพาตแล้วหายเป็นปกติ
คุณหมอเจ้าของไข้ก็เห็นดีด้วย เพราะแฟนเราใ้ช้สิทธิ์บัตรทอง ยาบำรุงสมองบางตัวไม่อยู่ในสิทธิ์
เราพาแฟนมาปรึกษาคุณหมออีกท่าน โดยนำยาที่ทานอยู่เดิม พร้อมประวัติการรักษามาด้วย ได้ยาบำรุงสมองทานเพิ่ม
(ยาที่จ่ายโดยแพทย์เฉพาะทางนะคะ ไม่ใช่อาหารเสริม ย้ำค่ะ อาหารเสริมห้ามทาน)
ทุกวันนี้คุณหมอจะนัดเราไปพบคนไข้รายใหม่ๆ เสมอค่ะ เนื่องจากแฟนเราอาการหนักมากและฟื้นตัวได้แทบปกติ
เพื่อให้คนไข้ท่านอื่นๆ มีกำลังใจที่จะทำกายภาพบำับัดค่ะ
คุณ จขกท. และคุณแม่ อย่าเพิ่งท้อแท้ และอย่าทานอาหารเสริมนะคะ ขอร้องในฐานะเพื่อนร่วมโลกค่ะ
ถ้าของพวกนี้ดีจริง คนเรียนแพทย์ไม่ต้องเรียนหนักถึง 6 ปีเพื่อให้จบแพทย์และต้องไปเรียนต่อเฉพาะทางหรอกค่ะ
ส่วนเรื่องวิธีการรักษา การกายภาพบำบัด หากต้องการคำแนะนำในฐานะผู้ที่เคยดูแลแฟนมาก่อน
เรายินดีให้คำแนะนำค่ะ สำหรับคุณแม่ถ้าท่านยังออกกำลังกายเองไม่ได้ คนดูแลต้องช่วยนะคะ
อย่างน้อยกล้ามเนื้อจะได้ไม่ลีบ และปอดจะได้แข็งแรง ไม่เสี่ยงติดเชื้อด้วยค่ะ
สู้ๆ นะคะ
แสดงความคิดเห็น
ผมอยากรู้วิธีรักษาที่เห็นผลชัดที่สุดของโรคเส้นเลือดในสมองตีบ
ว่าต้องรักษายังไง กินยาหรืออาหารเสริมไหนที่ทำให้หายจากอาการนี้
เห็นญาติเขาแนะนำเกี่ยวกับยาหรืออาหารเสริมทั้งนั้น เลยอยากรู้ว่าต้องกินตัวไหนหรือวิธีไหนอีกนอกเหนือจากนี้
ขอความกรุณาด้วยครับ เพราะแม่ผมเป็นโรคนี้แล้วแกอยากจะหายเร็วๆจะได้ไปทำงาน ถึงต่อหน้าท่านจะยิ้มแย้ม
แต่หลับหลังท่านเป็นทุกข์มาก ผมไม่อยากเห็นท่านเป็นแบบนั้นเลยอยากจะรู้วิธีรักษานอกเหนือจากการไปหาหมอหรือแพทย์ครับ