สวัสดีครับ
...ผมมีเรื่องจะปรึกษา ครับ เมื่อวันที่ 7 เดือนเมษายน พ.ศ 2556 ได้เกิดอุบัติเหตุพ่อขับรถชนท้ายรถตู้ครับ ซึ่งมีรถตู้วิ่งตามกันประมาณเกือบ 10 คัน ที่เลนขวาด้วยความเร็ว พ่อก็ขับรถยนต์ อิซุซุดีแมก(ผมนั่งข้างคนขับ)ตามหลังรถตู้คันสุดท้าย ไม่เร็วมากนัก ครับ แต่เมื่อถึงระหว่างทางได้มีรถจักรยานยนต์ วิ่งข้ามทาง(ซึ่งไม่ใช่ที่สำหรับข้ามหรือกลับรถ)ตัดหน้ารถตู้คันแรก ซึ่งรถตู้ที่อยู่ช่วงต้นๆ เบรคทันแต่ไม่หยุดอยู่กับที่และวิ่งไปต่อครับ ส่วนรถตู้คันสุดท้ายก็เบรค พ่อผมที่ขับตามมาเห็นจึงได้เบรค ถึง 2 รอบ แต่ว่ารถตู้คันสุดท้ายได้เบรคจนหยุดอยู่กับที่ทางเลนขวา จึงทำให้รถพ่อผมถไลไปชนท้ายรถตู้คันสุดท้ายไม่แรงนัก รถตู้เกิดความเสียหายที่ด้านท้าย ส่วนรถพ่อผมก็ด้านหน้ายุบเยอะเลยครับ รถพ่อผมไม่มีประกัน ส่วนคู่กรณีมีประกันครับ
...รอประกันคู่กรณีมาถึง ก็สอบถามและ ถ่ายรูปครับ แล้วก็บอกว่าพ่อผมผิด แล้วประกันก็ให้เซ็นยอมรับผิดครับ ตอนแรกก็เถียงนะครับว่าก็วิ่งตามกันมาหมดทุกคันเบรคหน่อยเดียวแล้วก็วิ่งต่อ แต่คู่กรณีเบรคอยู่กับที่เลย กะทันหันเกินไป ประกันก็บอกว่ายังไงก็ผิดขับรถชนท้ายมีกฎหมายอยู่ และขอดูเอกสารต่างๆ ตอนนั้นต่างคนต่างก็รีบ พ่อก็เลยเซนต์ยินยอมรับผิด ครับแต่ไม่ได้ไปโรงพักเลยนะครับ ถ้าไม่ยอมประกันบอกว่าก็ไปตกลงที่โรงพัก แล้วคู่กรณีก็กล่าวถึงรายได้ของเขาเพราะเขาวิ่งรถตู้ของบริษัทแห่งหนึ่งบอกว่าถ้ารถมีรอยชนหรือบุบนิดหน่อยบริษัทจะไม่ให้วิ่งเขาเลยต้องรีบซ่อมรถ...เขาวิ่งรถได้ 800 บาทต่อวัน ถ้าซ่อมรถประมาณ 1 เดือน เขาจะขาดรายได้ประมาณ 20,000 กว่าบาท เขาเลยขอค่าเสียเวลาและรายได้ระหวางซ่อมรถของเขาครับ ตอนแรกเขาขอ 20,000 บาท แต่แม่ต่อรองว่าเรื่องนี้...พี่ก็ไม่อยากให้เกิด น้องก็ไม่อยากให้เกิด ไม่มีใครอยากให้เกิดหรอก ขอ 15,000 ได้ไหม เขาก็บอกตกลง... แม่ก็นับเงินให้เขาตรงที่เกิดเหตุเลยจำนวน 15,000 บาท (ซึ่งเงินจำนวนนี้ได้หยิบยืมจากญาติแถวๆ นั้น)
...จากนั้นก็จบตรงส่วนนี้ไป เหลือเรื่องประกัน ทางประกันบอกว่าเดี๋ยวจะติดต่อกลับมาว่าค่าเสียหายจากการซ่อมเท่าไร จากนั้นก็แยกย้าย รถคู่กรณีก็ไปต่อ ส่วนรถพ่อผมลากเข้าอู่ครับ หม้อน้ำแตก พังเยอะมากตรับ...รถพ่อผมซ่อมหมดไป เกือบ 30,000 บาท ครับ ภายใน 1 สัปดาห์ ครับ.....
.....หลังจากเกิดเหตุไม่กี่วันพ่อผมก็ไปที่บริษัทประกันภัยครับเพื่อไปตามเรื่อง (ผมไปด้วย) แต่ทางบริษัทบอกว่าเดี๋ยวจะติดต่อกลับไปครับ เราก็เลยกลับบ้าน แล้วหลังจากนั้นพ่อผมก็มาตามเรื่องที่บริษัทนี้เหมือนเดิมประมาณ 2-3 ครั้ง แต่ก็เหมือนเดิมเงียบบอกว่าจะติดต่อกลับมา แล้วแม่ผมก็เลยบอกว่าคอยดูนะบริษัทประกันภัยไม่แจ้งมาสักทีแจ้งอีกทีก็คงมีปรับเงินด้วย ...จนเรื่องครบ 1ปี ...แล้วก็จริงครับ อยู่ๆ ก็มีหมายศาลมาครับ เมื่อวันที่ 19 เดือนเมษายน พ.ศ. 2557 .....
...นัดขึ้นศาลวันที่ 29 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2557
บริษัทประกันได้รียกค่าเสียหายจากการซ่อมรถคู่กรณี ประมาณ เกือบ 40,000 มีทั้งรายการราคาที่ซ่อม(แต่เขียนมาแบบอ่านยากมากไม่รู้เรื่อง) มีทั้งข้อความการเกิดเหตุ มีทั้งรูปภาพ และบริษัทประกันเรียกเก็บดอกเบี้ย ประมาณ 2,000 กว่าบาท เนื่องจากพ่อผมไม่ชำระค่าเสียหาย ....
***….แต่ทางบริษัทประกันภัยไม่เคยติดต่อมาแจ้งเลยทั้งๆ ที่ไปตามเรื่อง อยู่ๆ ก็มีหมายศาลมา ...***
ผมเลยสงสัยว่าทางบริษัทไม่ต้องแจ้งเราแต่ขอหมายศาลได้เลยหรือครับ
เราสามารถทำอะไรได้บ้างครับ ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง เงินก็ไม่ค่อยมี รบกวนขอคำปรึกษาด้วยนะครับ
ขอบคุณมากครับ
ทางบริษัทประกันไม่ต้องแจ้งค่าเสียหายจากการซ่อมรถคู่กรณีให้เราทราบเพื่อไปชำระ แต่ขอหมายศาลได้เลยหรือครับ
...ผมมีเรื่องจะปรึกษา ครับ เมื่อวันที่ 7 เดือนเมษายน พ.ศ 2556 ได้เกิดอุบัติเหตุพ่อขับรถชนท้ายรถตู้ครับ ซึ่งมีรถตู้วิ่งตามกันประมาณเกือบ 10 คัน ที่เลนขวาด้วยความเร็ว พ่อก็ขับรถยนต์ อิซุซุดีแมก(ผมนั่งข้างคนขับ)ตามหลังรถตู้คันสุดท้าย ไม่เร็วมากนัก ครับ แต่เมื่อถึงระหว่างทางได้มีรถจักรยานยนต์ วิ่งข้ามทาง(ซึ่งไม่ใช่ที่สำหรับข้ามหรือกลับรถ)ตัดหน้ารถตู้คันแรก ซึ่งรถตู้ที่อยู่ช่วงต้นๆ เบรคทันแต่ไม่หยุดอยู่กับที่และวิ่งไปต่อครับ ส่วนรถตู้คันสุดท้ายก็เบรค พ่อผมที่ขับตามมาเห็นจึงได้เบรค ถึง 2 รอบ แต่ว่ารถตู้คันสุดท้ายได้เบรคจนหยุดอยู่กับที่ทางเลนขวา จึงทำให้รถพ่อผมถไลไปชนท้ายรถตู้คันสุดท้ายไม่แรงนัก รถตู้เกิดความเสียหายที่ด้านท้าย ส่วนรถพ่อผมก็ด้านหน้ายุบเยอะเลยครับ รถพ่อผมไม่มีประกัน ส่วนคู่กรณีมีประกันครับ
...รอประกันคู่กรณีมาถึง ก็สอบถามและ ถ่ายรูปครับ แล้วก็บอกว่าพ่อผมผิด แล้วประกันก็ให้เซ็นยอมรับผิดครับ ตอนแรกก็เถียงนะครับว่าก็วิ่งตามกันมาหมดทุกคันเบรคหน่อยเดียวแล้วก็วิ่งต่อ แต่คู่กรณีเบรคอยู่กับที่เลย กะทันหันเกินไป ประกันก็บอกว่ายังไงก็ผิดขับรถชนท้ายมีกฎหมายอยู่ และขอดูเอกสารต่างๆ ตอนนั้นต่างคนต่างก็รีบ พ่อก็เลยเซนต์ยินยอมรับผิด ครับแต่ไม่ได้ไปโรงพักเลยนะครับ ถ้าไม่ยอมประกันบอกว่าก็ไปตกลงที่โรงพัก แล้วคู่กรณีก็กล่าวถึงรายได้ของเขาเพราะเขาวิ่งรถตู้ของบริษัทแห่งหนึ่งบอกว่าถ้ารถมีรอยชนหรือบุบนิดหน่อยบริษัทจะไม่ให้วิ่งเขาเลยต้องรีบซ่อมรถ...เขาวิ่งรถได้ 800 บาทต่อวัน ถ้าซ่อมรถประมาณ 1 เดือน เขาจะขาดรายได้ประมาณ 20,000 กว่าบาท เขาเลยขอค่าเสียเวลาและรายได้ระหวางซ่อมรถของเขาครับ ตอนแรกเขาขอ 20,000 บาท แต่แม่ต่อรองว่าเรื่องนี้...พี่ก็ไม่อยากให้เกิด น้องก็ไม่อยากให้เกิด ไม่มีใครอยากให้เกิดหรอก ขอ 15,000 ได้ไหม เขาก็บอกตกลง... แม่ก็นับเงินให้เขาตรงที่เกิดเหตุเลยจำนวน 15,000 บาท (ซึ่งเงินจำนวนนี้ได้หยิบยืมจากญาติแถวๆ นั้น)
...จากนั้นก็จบตรงส่วนนี้ไป เหลือเรื่องประกัน ทางประกันบอกว่าเดี๋ยวจะติดต่อกลับมาว่าค่าเสียหายจากการซ่อมเท่าไร จากนั้นก็แยกย้าย รถคู่กรณีก็ไปต่อ ส่วนรถพ่อผมลากเข้าอู่ครับ หม้อน้ำแตก พังเยอะมากตรับ...รถพ่อผมซ่อมหมดไป เกือบ 30,000 บาท ครับ ภายใน 1 สัปดาห์ ครับ.....
.....หลังจากเกิดเหตุไม่กี่วันพ่อผมก็ไปที่บริษัทประกันภัยครับเพื่อไปตามเรื่อง (ผมไปด้วย) แต่ทางบริษัทบอกว่าเดี๋ยวจะติดต่อกลับไปครับ เราก็เลยกลับบ้าน แล้วหลังจากนั้นพ่อผมก็มาตามเรื่องที่บริษัทนี้เหมือนเดิมประมาณ 2-3 ครั้ง แต่ก็เหมือนเดิมเงียบบอกว่าจะติดต่อกลับมา แล้วแม่ผมก็เลยบอกว่าคอยดูนะบริษัทประกันภัยไม่แจ้งมาสักทีแจ้งอีกทีก็คงมีปรับเงินด้วย ...จนเรื่องครบ 1ปี ...แล้วก็จริงครับ อยู่ๆ ก็มีหมายศาลมาครับ เมื่อวันที่ 19 เดือนเมษายน พ.ศ. 2557 .....
...นัดขึ้นศาลวันที่ 29 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2557
บริษัทประกันได้รียกค่าเสียหายจากการซ่อมรถคู่กรณี ประมาณ เกือบ 40,000 มีทั้งรายการราคาที่ซ่อม(แต่เขียนมาแบบอ่านยากมากไม่รู้เรื่อง) มีทั้งข้อความการเกิดเหตุ มีทั้งรูปภาพ และบริษัทประกันเรียกเก็บดอกเบี้ย ประมาณ 2,000 กว่าบาท เนื่องจากพ่อผมไม่ชำระค่าเสียหาย ....
***….แต่ทางบริษัทประกันภัยไม่เคยติดต่อมาแจ้งเลยทั้งๆ ที่ไปตามเรื่อง อยู่ๆ ก็มีหมายศาลมา ...***
ผมเลยสงสัยว่าทางบริษัทไม่ต้องแจ้งเราแต่ขอหมายศาลได้เลยหรือครับ
เราสามารถทำอะไรได้บ้างครับ ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง เงินก็ไม่ค่อยมี รบกวนขอคำปรึกษาด้วยนะครับ
ขอบคุณมากครับ