ก่อนอื่นเลยต้องขอเกริ่นก่อนเลยครับว่า.. หลังจากที่ผมถูกส่งมาประจำการที่บริษัทสาขาในประเทศนี้มาเป็นเวลาปีกว่าๆ
ผมเบื่อประเทศนี้มากครับ การเดินทางครั้งนี้เกิดจากความเบื่อล้วนๆ เบื่อการทำงานประเทศนี้ เบื่ออาหารที่นี่ เบื่อโน่นเบื่อนี่ บลาๆๆ
ผมอยากกลับไปทำงานที่ไทยสุดๆครับ.. ดังนั้นผมจึงตัดสินใจออกเดินทางหาแรงบันดาลใจ.. เหมือนที่ผมทำบ่อยๆที่ไทย..
โดยการขับรถไปไหนไกลๆด้วยตัวเองเหมือนที่เคยทำในประเทศไทย.. เพื่อหาเหตุผลในการอยู่สู้ชีวิตต่อในประเทศนี้ครับ ^^
เป้าหมายของผมในครั้งนี้คือ.. Sabang Beach, Baler, Aurora ที่ๆแรกที่คนฟิลิปปินส์เค้าไป Surfing (โต้คลื่นกัน) ครับ..
ซึ่งเป็นอะไรที่ผมไม่เคยทำ และอยากลองมากๆ โดยส่วนตัวไม่เคยคิดว่าจะได้เล่นอะไรแบบนี้กับเค้าเลยจริงๆ..
ซึ่งทางบริษัทที่นี่เค้าซื้อรถให้ใช้ทั้งในงานและเรื่องส่วนตัว 1 คัน เป็นรถ Honda CRV ครับ เลยคิดว่าลุยขึ้นเขาพอไหว..
ผมจึงเริ่มต้นออกเดินทางครั้งใหม่ใน Holy Week ของคนที่นี่ ซึ่งในปี 2014 ก็คือวันที่ 17 - 20 เมษายน นั่นเอง..
แต่พอดี Trip นี่อยากจะทำอะไรลูกทุ่งๆ ก็เลยไม่ได้จองที่พัก ไม่ได้เตรียมการอะไร แค่ Search ใน Google Map แล้วออกเดินทาง!!
ซึ่งแผนที่บอกว่าระยะทางคือ 242 Km เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง 27 นาที และต้องผ่านภูเขาหนึ่งลูกใหญ่ๆ..
ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะมั่นใจว่าทำได้ ที่ประเทศไทยผมเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัดด้วยรถส่วนตัวเป็นประจำ..
เป็นระยะทาง 750+ Km โดยประมาณและต้องข้ามภูเขาเช่นกัน ซึ่ง Google Map คำนวนมาว่าใช้เวลา 9 ชั่วโมงกว่าๆ..
แต่เวลาเฉลี่ยที่ผมใช้จริงอยู่ที่ประมาณ 6 - 7 ชั่วโมงเท่านั้น.. ที่เกริ่นมาทั้งหมดเพื่อจะบอกว่า..
เวลาที่ใช้เดินทางที่ Google Map บอกสำหรับประเทศนี้.. ต้องคูณ 2.5 - 3 เท่าถึงจะใกล้เวลาที่ใช้จริงครับ เพราะอะไรเดี๋ยวไปดูกันครับ..
ผมออกเดินทางจาก Pasig, NCR ในเวลา 5.00 ของวันที่ 17 เมษายน มีเพื่อนร่วมทางเป็นคนท้องถิ่นสองคน ซึ่งก็ไม่เคยไปเช่นกัน -,-
การออกเดินทางเริ่มโดยวิ่งตามถนนเส้น Cubao - EDSA เพื่อที่จะเข้าไปวิ่งต่อบนทางด่วนที่ชื่อ NLEX (North Luzon Express Way)
ซึ่งทางด่วนที่นี่ก็แค่ถนน 4 เลนเหมือนทางต่างจังหวัดบ้านเราครับ ค่าทางด่วนก็ 45 Php จ่ายสองรอบก็ 80 Php ครับ
เนื่องจากช่วงวันหยุดยาว Holy Week ของคนที่นี่ คนต่างจังหวักนิยมกลับบ้านกันครับ รถเลยติดพอสมควร
ที่นี่รถพวงมาลัยซ้าย วิ่งชิดขวากันครับ แต่ก็ปรับตัวไม่ได้ยากอะไร และอาศัยว่าขับรถไปมาๆที่นี่มาปีกว่าๆแล้วครับ
พอวิ่งไปเรื่อยๆจนถึงทางออกที่ชื่อ Sta Rita ก็ชิดขวาเพื่อออกจากเส้น NLEX ครับ
พอออกจากเส้น NLEX จะเริ่มเข้าเส้น Pan- Philippines Highway ครับ ซึ่งความคาดหวังกับคำว่า Highway ของผมอาจสูงไปหน่อย..
ซึ่ง Highway บ้านเค้าก็เป็นตามภาพข้างล่างเลยครับ Pan-Philippines Highway นี่เป็นถนนที่ยาวจนไปถึงทางขึ้นเขาเลยครับ..
สาเหตุหลักๆที่ทำให้การเดินทางช้ากว่าที่ควรเป็น ต่อให้ถนนเป็นถนนสองเลนวิ่งสวนแบบนี้ก็คือรถสามล้อ Tricycle กับ Jeepney ครับ..
บ้านเค้าไม่มีมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ดังนั้นสองอย่างนี้จึงถูกใช้ในการเดินทางหลักๆครับ ซึ่งวิ่งช้ามากกกก แล้วถนนแคบก็แซงยากครับ..
ต้องขับไปใจเย็นๆ ถึงตอนไหนก็ตอนนั้น เพื่อความปลอดภัยครับ ^^ ซึ่งถนนเค้าจะดูวุ่นวายๆตามภาพด้านล่างครับ
เมื่องแรกๆที่จะต้องผ่านเมื่อวิ่งไปในเส้น Pan-Philippines Highway คือ Baliuag - San Ildenfonso ระหว่างขับรถก็ดูแผนที่เป็นระยะๆครับ
เนื่องจากทางแยกค่อนข้างเยอะ และที่สำคัญเราต้องฟังตำรวจจราจร หรือที่คนที่นี่เรียกว่า Traffic Enforcer ครับ เพราะไม่ใช่ตำรวจเหมือนบ้านเรา
พอขับไปเรื่อยๆก็จะเข้าจังหวัด Nueva Ecija ครับ โดยผ่านเมืองใหญ่ๆคือ Gapan - Santa Rosa - Cabanatuan
ซึ่งถ้าต้องการแวะทานข้าวเติมน้ำมันก็ควรจะทำภายใน 3 เมืองนี้ครับ เพราะหลังจากนี้จะเริ่มโหวงเหวงแล้วครับ
หลังจากผ่าน Cabanatuan ก็จะเจอกับเมือง Palayan ซึ่งเป็นเมืองหลวงของจังหวัดนี้ครับ แต่สภาพยังกะ Silence Hill คนอยู่น้อยครับ
หลังจากผ่าน Palayan ก็จะเข้าสู่เมือง Bongabon ซึ่งพื้นโหวงเหวงหนักกว่าเดิมอีกครับ ข้างทางเป็นพื้นที่เพาะปลูกหัวหอมครับ
ซึ่งเป็นผลิตผลทางการเกษตรที่โด่งดังมากของจังหวัดนี้ครับ ของใน Manila ถ้าถูกตีป้ายว่ามาจาก Nueva Ecija นี่คือเจ๋งครับ
พอขับไปจนพ้น Bongabon ก็จะเริ่มเป็นทางขึ้นเขาครับ ในใจตอนนั้นคิดว่า ใกล้แล้ววว แค่ผ่านเขา Aurora ลูกนี้ไปก็ถึงแล้วครับ..
แต่ทว่า.. ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ครับ.. ทางเริ่มต้นขึ้นเขาดูดีครับ แต่เจอโค้งแรกและภูเขาข้างๆนี่ขนลุกครับ..
มันเป็นสาเหตุที่ทำให้คนท้องถิ่นบอกว่าอันตรายครับ เพราะในหน้าฝนจะมีดินถล่มครับ และทางโค้งก็หักศอกสุดๆครับ
แต่ไม่เป็นไร ผมมาหน้าร้อน คิดในใจว่าอยู่ๆคงไม่มีอะไรหล่มมาทับมั้ง แต่ถ้ามันเป็นแบบนี้ตลอดทางจะดีมากครับ แต่มันไม่ใช่แบบนั้น..
ทุกจินตนาการที่ผมเคยมีในหัวเกี่ยวกับความโหดของภูเขาถูกลบไปด้วยสิ่งที่ผมเจอต่อหน้าครับ ทางที่เห็นนั้นยังสร้างไม่เสร็จ..
แล้วมันก็สิ้นสุดลงและถูกแทนที่ด้วยถนนดิน+หินตามภาพครับ หินในบางช่วงเป็นก้อนใหญ่ๆ และเป็นหลุมเป็นบ่อ
ทำให้ลำบากวิ่งมากครับ.. ความเร็วเฉลี่ยในการขับเส้นนี้จึงเหลือแค่ 5 - 10 Km ต่อชั่วโมงครับ
พอวิ่งพ้นทางดินแห้งๆฝุ่นตลบไปได้ซักพัก.. ทางก็จะเริ่มแคบลงครับ เหวเริ่มใกล้ตัวมากขึ้น.. ตอนนั้นเป็นช่วงพิสูจน์ใจมากครับ..
ผมเชื่อ Technology ผมรู้ว่าถ้าวิ่งไปจนสุดก็จะถึงเป้าหมาย แต่ด้วยระยะทาง 50+ Km บนภูเขา ประกอบกับความโหดของเส้นทาง..
เพลงที่ดังขึ้นในหัวคือ.. อีกไกลแค่ไหนจนกว่าฉันจะใกล้.. บอกที.. - -' ลองมองไปไกลๆในภาพข้างล่างครับ จะเห็นสภาพถนนครับ..
ปรกติเวลาผมขับรถกลางคืนหรือไปที่ๆไม่รู้ทางผมจะชอบเปิด GPS Garmin ไว้เพื่อดูว่าทางโค้งข้างหน้าซ้ายหรือขวาครับ..
แต่ผมไม่รู้ว่าจะลงแผนที่ Philippines ใน Garmin ผมยังไงก็เลย.. ให้คนนั่งข้างๆเป็น Nevigator ครับ Sharp Left, U-Left อะไรประมาณนี้ครับ
แต่ความบัดซบคือ ก็อย่างว่าครับ คนท้องถิ่นเค้าไม่ได้ใช้ Technology เป็นกันทุกคน แล้วก็ดันไปกดออกจาก Google Map ใน iPhone 4S
แล้วปัญหาคือ เค้าดันนั่งเงียบครับ.. ไม่บอกทาง จนผมถามว่าเงียบทำไม แล้วเค้าก็พูดว่า เอ่อ... พอหันไปดูเท่านั้นแหล่ะ Holy S**t ครับ
ตอนนั้นอยู่บนที่สูงแล้ว ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ครับ.. ลอง กด Navigate ใหม่ก็ไม่ได้แล้วครับ หลังจากนั้นก็ใจล้วนๆครับ..
ช่วงที่ถึงจุดสูงๆของภูเขาจะมีน้ำตกเล็กๆข้างทางเป็นระยะๆครับ เราก็ขับข้ามน้ำตกไปแบบนั้นเลยครับ มันเป็นอะไรที่เติมกำลังใจระหว่างทางมาก..
ผมใช้เวลาบนเขาขับไปแบบไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ไหนแล้วเป็นเวลาชั่วโมงกว่าๆครับ.. จนกระทั่ง.. เจอแม่น้ำเส้นใหญ่ๆที่ไหลผ่านถนนครับ..
ในระหว่างที่ขับผ่านแม่น้ำตามภาพนี่.. มีไอน้ำลอยขึ้นจากล้อทั้ง 4 ครับ เป็นภาพที่น่าจดจำมาก ฮ่าๆ
เนื่องจากผมต้องใช้เบรคเยอะมากในแต่ละโค้ง จนกระทั่งมีแม่น้ำนั่นแหล่ะมาช่วยลดความร้อน ^^
ความรู้สึกในใจของผมตอนนั้นคือดีใจมากครับ เจอคนเต็มเลย ก็เลยจอดถามทางครับ จนรู้ว่าต้องตรงไปเรื่อยๆครับ
(ขอพักซักครู่ก่อนนะครับ เดี๋ยวมาเขียนต่อพรุ่งนี้หลังเลิกงานครับ ^^)
[CR] ขับรถข้ามภูเขา ไปโต้คลื่นทะเล - Surfing at Baler (Aurora, Philippines)
ผมเบื่อประเทศนี้มากครับ การเดินทางครั้งนี้เกิดจากความเบื่อล้วนๆ เบื่อการทำงานประเทศนี้ เบื่ออาหารที่นี่ เบื่อโน่นเบื่อนี่ บลาๆๆ
ผมอยากกลับไปทำงานที่ไทยสุดๆครับ.. ดังนั้นผมจึงตัดสินใจออกเดินทางหาแรงบันดาลใจ.. เหมือนที่ผมทำบ่อยๆที่ไทย..
โดยการขับรถไปไหนไกลๆด้วยตัวเองเหมือนที่เคยทำในประเทศไทย.. เพื่อหาเหตุผลในการอยู่สู้ชีวิตต่อในประเทศนี้ครับ ^^
เป้าหมายของผมในครั้งนี้คือ.. Sabang Beach, Baler, Aurora ที่ๆแรกที่คนฟิลิปปินส์เค้าไป Surfing (โต้คลื่นกัน) ครับ..
ซึ่งเป็นอะไรที่ผมไม่เคยทำ และอยากลองมากๆ โดยส่วนตัวไม่เคยคิดว่าจะได้เล่นอะไรแบบนี้กับเค้าเลยจริงๆ..
ซึ่งทางบริษัทที่นี่เค้าซื้อรถให้ใช้ทั้งในงานและเรื่องส่วนตัว 1 คัน เป็นรถ Honda CRV ครับ เลยคิดว่าลุยขึ้นเขาพอไหว..
ผมจึงเริ่มต้นออกเดินทางครั้งใหม่ใน Holy Week ของคนที่นี่ ซึ่งในปี 2014 ก็คือวันที่ 17 - 20 เมษายน นั่นเอง..
แต่พอดี Trip นี่อยากจะทำอะไรลูกทุ่งๆ ก็เลยไม่ได้จองที่พัก ไม่ได้เตรียมการอะไร แค่ Search ใน Google Map แล้วออกเดินทาง!!
ซึ่งแผนที่บอกว่าระยะทางคือ 242 Km เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง 27 นาที และต้องผ่านภูเขาหนึ่งลูกใหญ่ๆ..
ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะมั่นใจว่าทำได้ ที่ประเทศไทยผมเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัดด้วยรถส่วนตัวเป็นประจำ..
เป็นระยะทาง 750+ Km โดยประมาณและต้องข้ามภูเขาเช่นกัน ซึ่ง Google Map คำนวนมาว่าใช้เวลา 9 ชั่วโมงกว่าๆ..
แต่เวลาเฉลี่ยที่ผมใช้จริงอยู่ที่ประมาณ 6 - 7 ชั่วโมงเท่านั้น.. ที่เกริ่นมาทั้งหมดเพื่อจะบอกว่า..
เวลาที่ใช้เดินทางที่ Google Map บอกสำหรับประเทศนี้.. ต้องคูณ 2.5 - 3 เท่าถึงจะใกล้เวลาที่ใช้จริงครับ เพราะอะไรเดี๋ยวไปดูกันครับ..
ผมออกเดินทางจาก Pasig, NCR ในเวลา 5.00 ของวันที่ 17 เมษายน มีเพื่อนร่วมทางเป็นคนท้องถิ่นสองคน ซึ่งก็ไม่เคยไปเช่นกัน -,-
การออกเดินทางเริ่มโดยวิ่งตามถนนเส้น Cubao - EDSA เพื่อที่จะเข้าไปวิ่งต่อบนทางด่วนที่ชื่อ NLEX (North Luzon Express Way)
ซึ่งทางด่วนที่นี่ก็แค่ถนน 4 เลนเหมือนทางต่างจังหวัดบ้านเราครับ ค่าทางด่วนก็ 45 Php จ่ายสองรอบก็ 80 Php ครับ
เนื่องจากช่วงวันหยุดยาว Holy Week ของคนที่นี่ คนต่างจังหวักนิยมกลับบ้านกันครับ รถเลยติดพอสมควร
ที่นี่รถพวงมาลัยซ้าย วิ่งชิดขวากันครับ แต่ก็ปรับตัวไม่ได้ยากอะไร และอาศัยว่าขับรถไปมาๆที่นี่มาปีกว่าๆแล้วครับ
พอวิ่งไปเรื่อยๆจนถึงทางออกที่ชื่อ Sta Rita ก็ชิดขวาเพื่อออกจากเส้น NLEX ครับ
พอออกจากเส้น NLEX จะเริ่มเข้าเส้น Pan- Philippines Highway ครับ ซึ่งความคาดหวังกับคำว่า Highway ของผมอาจสูงไปหน่อย..
ซึ่ง Highway บ้านเค้าก็เป็นตามภาพข้างล่างเลยครับ Pan-Philippines Highway นี่เป็นถนนที่ยาวจนไปถึงทางขึ้นเขาเลยครับ..
สาเหตุหลักๆที่ทำให้การเดินทางช้ากว่าที่ควรเป็น ต่อให้ถนนเป็นถนนสองเลนวิ่งสวนแบบนี้ก็คือรถสามล้อ Tricycle กับ Jeepney ครับ..
บ้านเค้าไม่มีมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ดังนั้นสองอย่างนี้จึงถูกใช้ในการเดินทางหลักๆครับ ซึ่งวิ่งช้ามากกกก แล้วถนนแคบก็แซงยากครับ..
ต้องขับไปใจเย็นๆ ถึงตอนไหนก็ตอนนั้น เพื่อความปลอดภัยครับ ^^ ซึ่งถนนเค้าจะดูวุ่นวายๆตามภาพด้านล่างครับ
เมื่องแรกๆที่จะต้องผ่านเมื่อวิ่งไปในเส้น Pan-Philippines Highway คือ Baliuag - San Ildenfonso ระหว่างขับรถก็ดูแผนที่เป็นระยะๆครับ
เนื่องจากทางแยกค่อนข้างเยอะ และที่สำคัญเราต้องฟังตำรวจจราจร หรือที่คนที่นี่เรียกว่า Traffic Enforcer ครับ เพราะไม่ใช่ตำรวจเหมือนบ้านเรา
พอขับไปเรื่อยๆก็จะเข้าจังหวัด Nueva Ecija ครับ โดยผ่านเมืองใหญ่ๆคือ Gapan - Santa Rosa - Cabanatuan
ซึ่งถ้าต้องการแวะทานข้าวเติมน้ำมันก็ควรจะทำภายใน 3 เมืองนี้ครับ เพราะหลังจากนี้จะเริ่มโหวงเหวงแล้วครับ
หลังจากผ่าน Cabanatuan ก็จะเจอกับเมือง Palayan ซึ่งเป็นเมืองหลวงของจังหวัดนี้ครับ แต่สภาพยังกะ Silence Hill คนอยู่น้อยครับ
หลังจากผ่าน Palayan ก็จะเข้าสู่เมือง Bongabon ซึ่งพื้นโหวงเหวงหนักกว่าเดิมอีกครับ ข้างทางเป็นพื้นที่เพาะปลูกหัวหอมครับ
ซึ่งเป็นผลิตผลทางการเกษตรที่โด่งดังมากของจังหวัดนี้ครับ ของใน Manila ถ้าถูกตีป้ายว่ามาจาก Nueva Ecija นี่คือเจ๋งครับ
พอขับไปจนพ้น Bongabon ก็จะเริ่มเป็นทางขึ้นเขาครับ ในใจตอนนั้นคิดว่า ใกล้แล้ววว แค่ผ่านเขา Aurora ลูกนี้ไปก็ถึงแล้วครับ..
แต่ทว่า.. ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ครับ.. ทางเริ่มต้นขึ้นเขาดูดีครับ แต่เจอโค้งแรกและภูเขาข้างๆนี่ขนลุกครับ..
มันเป็นสาเหตุที่ทำให้คนท้องถิ่นบอกว่าอันตรายครับ เพราะในหน้าฝนจะมีดินถล่มครับ และทางโค้งก็หักศอกสุดๆครับ
แต่ไม่เป็นไร ผมมาหน้าร้อน คิดในใจว่าอยู่ๆคงไม่มีอะไรหล่มมาทับมั้ง แต่ถ้ามันเป็นแบบนี้ตลอดทางจะดีมากครับ แต่มันไม่ใช่แบบนั้น..
ทุกจินตนาการที่ผมเคยมีในหัวเกี่ยวกับความโหดของภูเขาถูกลบไปด้วยสิ่งที่ผมเจอต่อหน้าครับ ทางที่เห็นนั้นยังสร้างไม่เสร็จ..
แล้วมันก็สิ้นสุดลงและถูกแทนที่ด้วยถนนดิน+หินตามภาพครับ หินในบางช่วงเป็นก้อนใหญ่ๆ และเป็นหลุมเป็นบ่อ
ทำให้ลำบากวิ่งมากครับ.. ความเร็วเฉลี่ยในการขับเส้นนี้จึงเหลือแค่ 5 - 10 Km ต่อชั่วโมงครับ
พอวิ่งพ้นทางดินแห้งๆฝุ่นตลบไปได้ซักพัก.. ทางก็จะเริ่มแคบลงครับ เหวเริ่มใกล้ตัวมากขึ้น.. ตอนนั้นเป็นช่วงพิสูจน์ใจมากครับ..
ผมเชื่อ Technology ผมรู้ว่าถ้าวิ่งไปจนสุดก็จะถึงเป้าหมาย แต่ด้วยระยะทาง 50+ Km บนภูเขา ประกอบกับความโหดของเส้นทาง..
เพลงที่ดังขึ้นในหัวคือ.. อีกไกลแค่ไหนจนกว่าฉันจะใกล้.. บอกที.. - -' ลองมองไปไกลๆในภาพข้างล่างครับ จะเห็นสภาพถนนครับ..
ปรกติเวลาผมขับรถกลางคืนหรือไปที่ๆไม่รู้ทางผมจะชอบเปิด GPS Garmin ไว้เพื่อดูว่าทางโค้งข้างหน้าซ้ายหรือขวาครับ..
แต่ผมไม่รู้ว่าจะลงแผนที่ Philippines ใน Garmin ผมยังไงก็เลย.. ให้คนนั่งข้างๆเป็น Nevigator ครับ Sharp Left, U-Left อะไรประมาณนี้ครับ
แต่ความบัดซบคือ ก็อย่างว่าครับ คนท้องถิ่นเค้าไม่ได้ใช้ Technology เป็นกันทุกคน แล้วก็ดันไปกดออกจาก Google Map ใน iPhone 4S
แล้วปัญหาคือ เค้าดันนั่งเงียบครับ.. ไม่บอกทาง จนผมถามว่าเงียบทำไม แล้วเค้าก็พูดว่า เอ่อ... พอหันไปดูเท่านั้นแหล่ะ Holy S**t ครับ
ตอนนั้นอยู่บนที่สูงแล้ว ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ครับ.. ลอง กด Navigate ใหม่ก็ไม่ได้แล้วครับ หลังจากนั้นก็ใจล้วนๆครับ..
ช่วงที่ถึงจุดสูงๆของภูเขาจะมีน้ำตกเล็กๆข้างทางเป็นระยะๆครับ เราก็ขับข้ามน้ำตกไปแบบนั้นเลยครับ มันเป็นอะไรที่เติมกำลังใจระหว่างทางมาก..
ผมใช้เวลาบนเขาขับไปแบบไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ไหนแล้วเป็นเวลาชั่วโมงกว่าๆครับ.. จนกระทั่ง.. เจอแม่น้ำเส้นใหญ่ๆที่ไหลผ่านถนนครับ..
ในระหว่างที่ขับผ่านแม่น้ำตามภาพนี่.. มีไอน้ำลอยขึ้นจากล้อทั้ง 4 ครับ เป็นภาพที่น่าจดจำมาก ฮ่าๆ
เนื่องจากผมต้องใช้เบรคเยอะมากในแต่ละโค้ง จนกระทั่งมีแม่น้ำนั่นแหล่ะมาช่วยลดความร้อน ^^
ความรู้สึกในใจของผมตอนนั้นคือดีใจมากครับ เจอคนเต็มเลย ก็เลยจอดถามทางครับ จนรู้ว่าต้องตรงไปเรื่อยๆครับ
(ขอพักซักครู่ก่อนนะครับ เดี๋ยวมาเขียนต่อพรุ่งนี้หลังเลิกงานครับ ^^)
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น