สามก๊กฉบัยอ่านซ้ำ
อวสานสามก๊ก
วุยก๊ก.....อาณาจักรของแซ่โจ
" เล่าเซี่ยงชุน "
แผ่นดินจีนในยุคสามก๊กนั้น วุยก๊กเป็นก๊กที่ใหญ่และเข้มแข็งที่สุด ต้นวงศ์ คือ โจโฉ เกิดเมื่อประมาณ พ.ศ.๖๙๗ ที่เมืองตันลิว บิดาชื่อ โจโก๋ ปู่ชื่อ โจเท้ง เคยทำ ราชการอยู่ในสมัย พระเจ้าฮั่นเต้ แต่เป็นขุนนางกังฉิน สมคบกับพวกขันทีทำการหยาบช้าต่าง ๆ มาถึงสมัยบิดาจึงไม่ทำราชการ
เมื่อยังเล็กโจโฉมีนิสัยเกเร ไม่ทำงานการชอบเข้าป่าล่าสัตว์ และพอใจฟังการร้องรำทำเพลง มีสติปัญญาความคิดอ่านดีแต่เป็นคน
เจ้าเล่ห์แสนกล เมื่อรุ่นหนุ่ม สูงห้าศอก นัยตาเล็ก ไว้หนวดยาว หมอดูโหงวเฮ้งแล้วทำนายว่าเป็นคนมีปัญญาสามารถจะป้องกันบ้านเมือง แต่มิได้ซื่อสัตย์ต่อแผ่นดิน พออายุได้ยี่สิบปีก็เข้ารับราชการ เป็นนายทหารผู้น้อย อยู่ที่เมืองลกเอี๋ยงสมัย พระเจ้าเลนเต้ คู่กับ อ้วนเสี้ยว
พ.ศ.๗๒๖ บ้านเมืองวุ่นวายเป็นจลาจล เกิดโจรโพกผ้าเหลือง มีไพร่พล หลายหมื่น มีอิทธิพลครอบคลุมหัวเมืองถึงแปดเมือง พระเจ้าเลนเต้จึงให้โจโฉไปใน กองทัพหลวงคุมทหารห้าพันเพื่อปราบโจรที่เมืองเองฉวน และประกาศรับอาสาผู้มีฝีมือมาช่วยกันกำจัดโจรก๊กนี้ผู้ใดมี
ความชอบก็จะปูนบำเหน็จให้เป็นขุนนาง เมื่อกลับจากราชการคราวนี้ โจโฉมีความชอบได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น และเป็นทหารรักษาพระองค์
พ.ศ.๗๓๓ พระเจ้าเลนเต้สิ้นพระชนม์ลง โฮจิ๋น ที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน พี่ชายของ นางโฮเฮา มเหสีเอก ก็ยก หองจูเปียน บุตร
ของน้องสาวเป็นฮ่องเต้ สืบ ราชสมบัติต่อจากพระบิดา แต่ นางตังไทฮอ มารดาของพระเจ้าเลนเต้สนับสนุนให้ หองจูเยบ บุตรของ นางอองบีหยิน สนมเอกขึ้นเป็นใหญ่ จึงเกิดการแก่งแย่งกันขึ้นในวัง มีพวกขันทีก่อการวุ่นวายขึ้น และฆ่าโฮจิ๋นตาย โจโฉกับอ้วนเสี้ยวก็ยกทหารเข้าไปในวังจัดการปราบปรามพวกขันทีลงได้ แต่พอดี ตั๋งโต๊ะ เจ้าเมืองซีหลงยกกองทัพใหญ่เข้ามาช่วยระงับการจลาจล จึงยึดอำนาจไว้แทนโฮจิ๋น อยู่มาประมาณสี่เดือน ก็ถอด หองจูเปียนออกจากตำแหน่ง แล้วตั้งหองจูเยบซึ่งมีอายุเพียงเก้าปีขึ้นเป็นฮ่องเต้แทน ถวายพระนามว่า พระเจ้าเหี้ยนเต้ และตั้งตนเองเป็นมหาอุปราชว่าราชการแทน
อ้วนเสี้ยวไม่เห็นด้วยแต่ขัดขวางไม่ได้ก็ออกไปอยู่เมืองกิจิ๋ว โจโฉเองก็คิดกำจัดตั๋งโต๊ะ แต่ไม่สำเร็จต้องหนีออกไปตั้งหลักที่เมืองตัน
ลิวบ้านเกิด แล้วรวบรวมผู้มี ความคิดเดียวกัน สิบหกสิบเจ็ดหัวเมือง ตั้งเป็นกองทัพยกเข้ามาตีเมืองลกเอี๋ยงเพื่อจะ กำจัดตั๋งโต๊ะช่วยพระเจ้าเหี้ยนเต้ โดยให้อ้วนเสี้ยวเป็นแม่ทัพใหญ่แต่ไม่สามารถเอาชนะตั๋งโต๊ะได้ เพราะขาดความสามัคคีปรองดอง อิจฉาริษยากันเอง จึงต้องแยกย้ายกลับไปบ้านเมืองเดิมของแต่ละคนจนหมดสิ้น แล้วก็เป็นศัตรูต่อกันตั้งแต่นั้นมา
เมื่อตั๋งโต๊ะย้ายเมืองหลวง ไปตั้งอยู่ที่เมืองเตียงฮันได้ไม่นานนัก ก็ถูก อ้องอุ้น ขุนนางผู้ใหญ่ใช้อุบายกำจัดลงได้เพราะ ลิโป้ ลูก
เลี้ยงและทหารเอกของตั๋งโต๊ะ ไปหลงเสน่ห์ นางเตียวเสียน แต่ต่อมา ลิฉุย กับ กุยกี ลูกน้องคนสนิทของตั๋งโต๊ะ ก็ยกพวกมาฆ่าอ้องอุ้นตาย และขับไล่ลิโป้ออกไปร่อนเร่อยู่ตามหัวเมืองต่าง ๆ แล้วยึดอำนาจไว้เอง จนพระเจ้าเหี้ยนเต้มีหนังสือรับสั่ง เรียกโจโฉซึ่งได้ตั้งตัวเป็นใหญ่ที่เมืองกุนจิ๋ว ทางภาคตะวันออกแล้ว เข้ามาปราบปรามลิฉุยกุยกีได้สำเร็จ โจโฉจึงได้รับการแต่งตั้ง ให้เป็นมหาอุปราชโดยถูกต้องจากพระเจ้าเหี้ยนเต้ มีอำนาจสูงสุดในแผ่นดิน รองลงมาจากฮ่องเต้
พ.ศ.๗๓๘ โจโฉพาพระเจ้าเหี้ยนเต้ ย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่เมืองฮูโต๋ แล้วก็ยกกองทัพออกไปปราบปรามหัวเมืองต่าง ๆ ที่ไม่ยอมอ่อนน้อมด้วย เริ่มจากเมืองอ้วนเซียแต่ไม่สำเร็จ ก็หันไปจัดการกับลิโป้ซึ่งอยู่ที่เมืองชีจิ๋ว รบกันอยู่หลายยกจนได้ชัย ชนะจับตัวลิโป้มาประหารเสีย
คราวนี้โจโฉก็เกิดหลงอำนาจ กระทำกิริยาอาจเอื้อมต่อพระเจ้าเหี้ยนเต้ มีขุนนางที่ทนไม่ได้ร่วมใจกันคิดกำจัดโจโฉ โดยให้ ตังสิน ซึ่งเป็นพี่ของ นางตังกุยหุย สนมเอกเป็นหัวหน้า ได้พรรคพวกรวมทั้งหมดเจ็ดคน แต่โจโฉก็จับได้จึงสั่งฆ่าเสียหกคน รวมทั้งตังสินและน้องสาวซึ่งกำลังมีครรภ์ได้ห้าเดือนด้วย เหลือรอดไปได้สองคนคือ เล่าปี่ และ ม้าเท้ง
ต่อจากนั้นก็ยกทัพไปตามล่าเล่าปี่ที่เมืองชีจิ๋ว เล่าปี่สู้ไม่ได้ก็หนีไปอาศัย อ้วนเสี้ยวที่เมืองกิจิ๋ว โจโฉก็ยกทัพตามไปรบกับอ้วนเสี้ยวฆ่าทหารเอกของอ้วนเสี้ยวตาย ไปสองคน แล้วก็ยกทัพกลับ เล่าปี่ก็แยกตัวจากอ้วนเสี้ยวไปอยู่เมืองยีหลำ
พ.ศ.๗๔๒ อ้วนเสี้ยวก็ยกกองทัพมารบกับโจโฉบ้าง โจโฉออกไปตั้งรับที่ตำบลกัวต๋อ ตีกองทัพของอ้วนเสี้ยวซึ่งมีกำลังมากกว่าถึงสิบเท่า แตกพ่ายกลับไปเมือง กิจิ๋ว แล้วโจโฉก็ตกทัพติดตามไปตีเมืองกิจิ๋วอีก อ้วนเสี้ยวรวบรวมพลจากบุตรชายสามคน กับหลานชายอีกหนึ่งคน ออกมาต้านทานแต่ก็ต้องพ่ายแพ้อีก พอดีโจโฉได้ข่าวว่าเล่าปี่ยก กำลังจากเมืองยีหลำไปตีเมืองฮูโต๋ จึงต้องถอนทัพกลับมาป้องกันเมืองที่เขาชองสัน ทั้งสองฝ่ายมีทหารเอกที่ฝีมือเข้มแข็งด้วยกัน จึงต่อสู้กันหลายพัก แต่สุดท้ายเล่าปี่ก็แตกพ่าย ต้องหนีไปอาศัย เล่าเปียว ซึ่งเป็นญาติอยู่ที่เมืองเกงจิ๋ว โจโฉก็ยกองทัพกลับมาตั้งหลักบำรุงทหารอยู่เป็นเวลานาน
พ.ศ.๗๔๖ โจโฉก็ยกกองทัพใหญ่ไปตีเมืองกิจิ๋ว เพื่อกำจัดอ้วนเสี้ยวให้สิ้นเสี้ยนหนาม บุตรหลานของอ้วนเสี้ยวก็ยกทหารมาช่วย แต่อ้วนเสี้ยวกำลังป่วยอยู่ เมื่อได้ข่าวว่าบุตรคนรองออกรบแล้วแตกพ่ายมา อาการโรคก็กำเริบอาเจียนเป็นโลหิตอกมาเป็นถัง ถึงแก่ความตายไป บุตรสามคนก็แย่งกันเป็นใหญ่ ไม่สามัคคีปรองดองกัน โจโฉก็ถอนทัพจากเมืองกิจิ๋ว ไปตีเมืองเกงจิ๋วของเล่าเปียว ปล่อยให้พี่น้องแซ่อ้วนรบกันเองไปก่อน พอเพลียแล้วก็กลับมาตีเมืองกิจิ๋วแตก และติดตามไปฆ่าสี่พี่น้องตายไปทีละคนจนหมด
ทั้งตระกูล แล้วจึงยกทัพกลับ
พ.ศ.๗๕๐ โจโฉรวบรวมกำลังพลยกทัพใหญ่ประมาณห้าสิบหมื่น ยกไปตีเมืองเกงจิ๋ว ขณะนั้นเล่าเปียวป่วยจนถึงแก่ความตายไป เล่าจ๋อง บุตรคนรองซึ่งได้เป็น เจ้าเมืองแทนบิดา ก็ยอมอ่อนน้อมต่อโจโฉ แต่โจโฉเข้าเมืองได้แล้วก็ฆ่าเล่าจ๋องเสีย แล้วก็ยกกองทัพไปตีเมืองอ้วยเซียของเล่าปี่แตก เล่าปี่ต้องอพยพครอบครัวและราษฎรหนีไปตั้งหลักกับ เล่ากี๋ บุตรคนโตของเล่าเปียวที่เมืองกังแฮ โจโฉก็ยกทหารติดตามมาเพื่อ จัดการขั้นแตกหัก
พ.ศ.๗๕๑ โจโฉส่งสารไปถึง ซุนกวน เจ้าเมืองกังตั๋งให้เป็นพันธมิตรช่วยกันรบกับเล่าปี่ แต่ซุนกวนถูก ขงเบ้ง กุนซือของเล่าปี่เกลี้ยกล่อมไว้ก่อนแล้ว จึงไม่ตกลงด้วย และเตรียมรบกับโจโฉโดยมี จิวยี่ เป็นแม่ทัพใหญ่ จิวยี่กับขงเบ้งจึงร่วมมือกัน ตีกองทัพของโจโฉ ซึ่งมีกำลังทัพบกอันมหาศาล กับกองทัพเรือนับพันลำ แตกพ่ายอย่างยับเยิน ตัวโจโฉเองต้องหนีหัวซุกหัวซุน พร้อมกับทหารที่เหลือเพียงสามสิบนาย รอดไปถึง เมือง ลำกุ๋นได้อย่างหวุดหวิด และต้องกลับไปพักฟื้นที่เมืองฮูโต๋ ด้วยความแค้นแน่นอก
เมื่อบำรุงกำลังทหารให้เข้มแข็งแล้ว โจโฉก็เตรียมจะยกทัพไปตีเมืองกังตั๋งเป็นการแก้ตัว แต่ห่วงว่าม้าเท้งจะยกมาตีเมืองฮูโต๋ จึงหลอกม้าเท้งมาฆ่าเสียก่อนม้าเฉียว บุตรชายคนโตของม้าเท้งจึงยกทัพจากเมืองเสเหลียงมาแก้แค้นแทนบิดา รบกันอย่างสุดฝีมือ แต่สุดท้ายม้าเฉียวก็เป็นฝ่ายแพ้ แตกยับเยินแทบไม่เหลือทหาร ต้องหนีออกไปอยู่ที่เมืองเจี๋ยงนอกเขตแดนจีน
พ.ศ.๗๕๕ ขุนนางเมืองฮูโต๋ ก็เสนอความชอบของโจโฉ ให้พระเจ้าเหี้ยนเต้เลื่อนยศเป็น วุยก๋ง แล้วก็ยกกองทัพไปรบกับซุนกวน แต่ไม่สามารถเอาชนะได้ ต้องหย่าทัพกลับทั้งสองฝ่าย
พ.ศ.๗๕๗ ขุนนางผู้ใหญ่เมืองฮูโต๋คิดจะขอเลื่อนตำแหน่ง ให้โจโฉเป็น เจ้าวุยอ๋อง แต่ยังมีขุนนางบางคนไม่เห็นด้วย โจโฉก็โกรธ พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็ไม่สบาย พระทัย จึงคบคิดกับบิดาของ นางฮกเฮา มเหสี และขันทีคนหนึ่ง จะถือรับสั่งไปให้เล่าปี่
กับซุนกวนยกทัพมากำจัดโจโฉเสีย แต่โจโฉก็จับได้อีกตามเคย จึงประหารชีวิตเสียหมด
ทั้งโคตรรวมทั้งมเหสี และราชบุตรอีกสององค์ด้วย
พ.ศ.๗๕๘ โจโฉสงสารพระเจ้าเหี้ยนเต้ เป็นม่ายไร้มเหสี จึงยกบุตรสาวของตนให้เป็นมเหสีแทน ตนเองก็เลยมีอำนาจมากยิ่งขึ้นไปอีก แล้วก็ยกกองทัพไปรบกับ ซุนกวนที่เมืองกังตั๋ง คราวนี้ซุนกวนยอมอ่อนน้อมต่อโจโฉ ขอส่งเครื่องบรรณาการทุกปี
พ.ศ.๗๕๙ โจโฉได้เลื่อนเป็น เจ้าวุยอ๋อง เพราะมีความชอบที่รบชนะเมืองกังตั๋ง และเป็นบิดามเหสีด้วย เมื่อเป็นเจ้าแล้วโจโฉก็ไปสร้างปราสาทราชวังอยู่ที่เมือง เงียบกุ๋น และตั้งให้ โจผี บุตรชายคนโตเป็นทายาทในตำแหน่งเจ้าชีจู๊
พ.ศ.๗๖๒ โจโฉร่วมมือกับซุนกวน ยกกองทัพไปรบกับเล่าปี่ จนกระทั่ง ซุนกวนตีเมืองเกงจิ๋วได้ จับตัว กวนอู มาประหารเสีย แล้วตัดศรีษะส่งมาให้โจโฉ จากนั้ย โจโฉก็ล้มป่วยลง รักษาอย่างใดก็ไม่ทุเลา
พ.ศ.๗๖๓ โจโฉสิ้นชีวิตเมื่ออายุได้หกสิบหกปี โจผีก็ได้เป็นเจ้าวุยอ๋อง แทนบิดา อีกประมาณสิบเดือนต่อมา ก็บังคับให้พระเจ้าเหี้ยนเต้สละราชสมบัติให้ตน เป็นพระเจ้าอวยโซ่ ต้นราชวงศ์วุย อยู่ในราชสมบัติได้เจ็ดปี ก็สิ้นพระชนม์เมื่ออายุได้สี่สิบปี
พ.ศ.๗๗๐ พระเจ้าโจยอย ขึ้นเสวยราชย์ต่อจากพระบิดา ได้สิบสามปี ทำศึกกับเมือง เสฉวนถึงห้าครั้งก็ไม่แพ้ไม่ชนะ สิ้นพระชนม์ลงเมื่ออายุได้สามสิบหกปี
พ.ศ.๗๘๓ พระเจ้าโจฮอง อายุแปดปี บุตรเลี้ยงของพระเจ้าโจยอยก็ได้สืบราชสมบัติต่อไปอีกสิบสี่ปี ไว้ใจญาติให้เป็นมหาอุปราช จนราชการฟั่นเฟือนไป เลยถูก สุมาสู บุตรของ สุมาอี้ :ซึ่งได้เป็นมหาอุปราช แทนบิดาที่เสียชีวิต ถอดออกจากตำแหน่งเมื่อมีอายุได้เพียงยี่สิบสองปี
พ.ศ.๗๙๗ พระเจ้าโจมอ หลานพระเจ้าโจผี ได้รับเชิญให้เป็นฮ่องเต้ สืบต่อจากพระเจ้าโจฮอง แต่อยู่ในราชสมบัติได้เพียงหกปี ก็ถูกปลงพระชนม์โดยฝีมือของลิ่วล้อคนสนิท ของ สุมาเจียว มหาอุปราชเอง
พ.ศ.๘๐๓ พระเจ้าโจฮวน หลานของโจโฉก็ได้รับเชิญให้มานั่งบัลลังก์ วุยก๊กแทน เมื่อครองราชย์ได้ห้าปี ก็มีชัยชนะแก่จ๊กก๊กยึดเมืองเสฉวนได้โดยเด็ดขาด แต่อยู่มาอีกไม่นาน สุมาเอี๋ยน บุตรของสุมาเจียว ซึ่งเป็นมหาอุปราชแทนบิดา ก็บังคับให้ยกราชสมบัติให้ตนเป็นฮ่องเต้ เหมือนเช่นที่โจผีบรรพบุรุษต้นราชวงศ์วุย กระทำแก่พระเจ้าเหี้ยนเต้เมื่อ สี่สิบห้าปีก่อนโน้น
โจฮวนก็ได้รับตำแหน่งเป็น ตันลิวอ๋อง อยู่ที่เมืองกิมลงเสีย ต่อมาอีกสิบเจ็ดปีจึงสิ้นพระชนม์ เมื่อ พ.ศ.๘๒๕ เป็นอันสิ้นสุดราชวงศ์วุยแห่งวุยก๊ก ลงแต่เพียงนี้.
##########
วุยก๊ก...อาณาตักรแซ่โจ ๑๘ เม.ย.๕๗
อวสานสามก๊ก
วุยก๊ก.....อาณาจักรของแซ่โจ
" เล่าเซี่ยงชุน "
แผ่นดินจีนในยุคสามก๊กนั้น วุยก๊กเป็นก๊กที่ใหญ่และเข้มแข็งที่สุด ต้นวงศ์ คือ โจโฉ เกิดเมื่อประมาณ พ.ศ.๖๙๗ ที่เมืองตันลิว บิดาชื่อ โจโก๋ ปู่ชื่อ โจเท้ง เคยทำ ราชการอยู่ในสมัย พระเจ้าฮั่นเต้ แต่เป็นขุนนางกังฉิน สมคบกับพวกขันทีทำการหยาบช้าต่าง ๆ มาถึงสมัยบิดาจึงไม่ทำราชการ
เมื่อยังเล็กโจโฉมีนิสัยเกเร ไม่ทำงานการชอบเข้าป่าล่าสัตว์ และพอใจฟังการร้องรำทำเพลง มีสติปัญญาความคิดอ่านดีแต่เป็นคน
เจ้าเล่ห์แสนกล เมื่อรุ่นหนุ่ม สูงห้าศอก นัยตาเล็ก ไว้หนวดยาว หมอดูโหงวเฮ้งแล้วทำนายว่าเป็นคนมีปัญญาสามารถจะป้องกันบ้านเมือง แต่มิได้ซื่อสัตย์ต่อแผ่นดิน พออายุได้ยี่สิบปีก็เข้ารับราชการ เป็นนายทหารผู้น้อย อยู่ที่เมืองลกเอี๋ยงสมัย พระเจ้าเลนเต้ คู่กับ อ้วนเสี้ยว
พ.ศ.๗๒๖ บ้านเมืองวุ่นวายเป็นจลาจล เกิดโจรโพกผ้าเหลือง มีไพร่พล หลายหมื่น มีอิทธิพลครอบคลุมหัวเมืองถึงแปดเมือง พระเจ้าเลนเต้จึงให้โจโฉไปใน กองทัพหลวงคุมทหารห้าพันเพื่อปราบโจรที่เมืองเองฉวน และประกาศรับอาสาผู้มีฝีมือมาช่วยกันกำจัดโจรก๊กนี้ผู้ใดมี
ความชอบก็จะปูนบำเหน็จให้เป็นขุนนาง เมื่อกลับจากราชการคราวนี้ โจโฉมีความชอบได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น และเป็นทหารรักษาพระองค์
พ.ศ.๗๓๓ พระเจ้าเลนเต้สิ้นพระชนม์ลง โฮจิ๋น ที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน พี่ชายของ นางโฮเฮา มเหสีเอก ก็ยก หองจูเปียน บุตร
ของน้องสาวเป็นฮ่องเต้ สืบ ราชสมบัติต่อจากพระบิดา แต่ นางตังไทฮอ มารดาของพระเจ้าเลนเต้สนับสนุนให้ หองจูเยบ บุตรของ นางอองบีหยิน สนมเอกขึ้นเป็นใหญ่ จึงเกิดการแก่งแย่งกันขึ้นในวัง มีพวกขันทีก่อการวุ่นวายขึ้น และฆ่าโฮจิ๋นตาย โจโฉกับอ้วนเสี้ยวก็ยกทหารเข้าไปในวังจัดการปราบปรามพวกขันทีลงได้ แต่พอดี ตั๋งโต๊ะ เจ้าเมืองซีหลงยกกองทัพใหญ่เข้ามาช่วยระงับการจลาจล จึงยึดอำนาจไว้แทนโฮจิ๋น อยู่มาประมาณสี่เดือน ก็ถอด หองจูเปียนออกจากตำแหน่ง แล้วตั้งหองจูเยบซึ่งมีอายุเพียงเก้าปีขึ้นเป็นฮ่องเต้แทน ถวายพระนามว่า พระเจ้าเหี้ยนเต้ และตั้งตนเองเป็นมหาอุปราชว่าราชการแทน
อ้วนเสี้ยวไม่เห็นด้วยแต่ขัดขวางไม่ได้ก็ออกไปอยู่เมืองกิจิ๋ว โจโฉเองก็คิดกำจัดตั๋งโต๊ะ แต่ไม่สำเร็จต้องหนีออกไปตั้งหลักที่เมืองตัน
ลิวบ้านเกิด แล้วรวบรวมผู้มี ความคิดเดียวกัน สิบหกสิบเจ็ดหัวเมือง ตั้งเป็นกองทัพยกเข้ามาตีเมืองลกเอี๋ยงเพื่อจะ กำจัดตั๋งโต๊ะช่วยพระเจ้าเหี้ยนเต้ โดยให้อ้วนเสี้ยวเป็นแม่ทัพใหญ่แต่ไม่สามารถเอาชนะตั๋งโต๊ะได้ เพราะขาดความสามัคคีปรองดอง อิจฉาริษยากันเอง จึงต้องแยกย้ายกลับไปบ้านเมืองเดิมของแต่ละคนจนหมดสิ้น แล้วก็เป็นศัตรูต่อกันตั้งแต่นั้นมา
เมื่อตั๋งโต๊ะย้ายเมืองหลวง ไปตั้งอยู่ที่เมืองเตียงฮันได้ไม่นานนัก ก็ถูก อ้องอุ้น ขุนนางผู้ใหญ่ใช้อุบายกำจัดลงได้เพราะ ลิโป้ ลูก
เลี้ยงและทหารเอกของตั๋งโต๊ะ ไปหลงเสน่ห์ นางเตียวเสียน แต่ต่อมา ลิฉุย กับ กุยกี ลูกน้องคนสนิทของตั๋งโต๊ะ ก็ยกพวกมาฆ่าอ้องอุ้นตาย และขับไล่ลิโป้ออกไปร่อนเร่อยู่ตามหัวเมืองต่าง ๆ แล้วยึดอำนาจไว้เอง จนพระเจ้าเหี้ยนเต้มีหนังสือรับสั่ง เรียกโจโฉซึ่งได้ตั้งตัวเป็นใหญ่ที่เมืองกุนจิ๋ว ทางภาคตะวันออกแล้ว เข้ามาปราบปรามลิฉุยกุยกีได้สำเร็จ โจโฉจึงได้รับการแต่งตั้ง ให้เป็นมหาอุปราชโดยถูกต้องจากพระเจ้าเหี้ยนเต้ มีอำนาจสูงสุดในแผ่นดิน รองลงมาจากฮ่องเต้
พ.ศ.๗๓๘ โจโฉพาพระเจ้าเหี้ยนเต้ ย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่เมืองฮูโต๋ แล้วก็ยกกองทัพออกไปปราบปรามหัวเมืองต่าง ๆ ที่ไม่ยอมอ่อนน้อมด้วย เริ่มจากเมืองอ้วนเซียแต่ไม่สำเร็จ ก็หันไปจัดการกับลิโป้ซึ่งอยู่ที่เมืองชีจิ๋ว รบกันอยู่หลายยกจนได้ชัย ชนะจับตัวลิโป้มาประหารเสีย
คราวนี้โจโฉก็เกิดหลงอำนาจ กระทำกิริยาอาจเอื้อมต่อพระเจ้าเหี้ยนเต้ มีขุนนางที่ทนไม่ได้ร่วมใจกันคิดกำจัดโจโฉ โดยให้ ตังสิน ซึ่งเป็นพี่ของ นางตังกุยหุย สนมเอกเป็นหัวหน้า ได้พรรคพวกรวมทั้งหมดเจ็ดคน แต่โจโฉก็จับได้จึงสั่งฆ่าเสียหกคน รวมทั้งตังสินและน้องสาวซึ่งกำลังมีครรภ์ได้ห้าเดือนด้วย เหลือรอดไปได้สองคนคือ เล่าปี่ และ ม้าเท้ง
ต่อจากนั้นก็ยกทัพไปตามล่าเล่าปี่ที่เมืองชีจิ๋ว เล่าปี่สู้ไม่ได้ก็หนีไปอาศัย อ้วนเสี้ยวที่เมืองกิจิ๋ว โจโฉก็ยกทัพตามไปรบกับอ้วนเสี้ยวฆ่าทหารเอกของอ้วนเสี้ยวตาย ไปสองคน แล้วก็ยกทัพกลับ เล่าปี่ก็แยกตัวจากอ้วนเสี้ยวไปอยู่เมืองยีหลำ
พ.ศ.๗๔๒ อ้วนเสี้ยวก็ยกกองทัพมารบกับโจโฉบ้าง โจโฉออกไปตั้งรับที่ตำบลกัวต๋อ ตีกองทัพของอ้วนเสี้ยวซึ่งมีกำลังมากกว่าถึงสิบเท่า แตกพ่ายกลับไปเมือง กิจิ๋ว แล้วโจโฉก็ตกทัพติดตามไปตีเมืองกิจิ๋วอีก อ้วนเสี้ยวรวบรวมพลจากบุตรชายสามคน กับหลานชายอีกหนึ่งคน ออกมาต้านทานแต่ก็ต้องพ่ายแพ้อีก พอดีโจโฉได้ข่าวว่าเล่าปี่ยก กำลังจากเมืองยีหลำไปตีเมืองฮูโต๋ จึงต้องถอนทัพกลับมาป้องกันเมืองที่เขาชองสัน ทั้งสองฝ่ายมีทหารเอกที่ฝีมือเข้มแข็งด้วยกัน จึงต่อสู้กันหลายพัก แต่สุดท้ายเล่าปี่ก็แตกพ่าย ต้องหนีไปอาศัย เล่าเปียว ซึ่งเป็นญาติอยู่ที่เมืองเกงจิ๋ว โจโฉก็ยกองทัพกลับมาตั้งหลักบำรุงทหารอยู่เป็นเวลานาน
พ.ศ.๗๔๖ โจโฉก็ยกกองทัพใหญ่ไปตีเมืองกิจิ๋ว เพื่อกำจัดอ้วนเสี้ยวให้สิ้นเสี้ยนหนาม บุตรหลานของอ้วนเสี้ยวก็ยกทหารมาช่วย แต่อ้วนเสี้ยวกำลังป่วยอยู่ เมื่อได้ข่าวว่าบุตรคนรองออกรบแล้วแตกพ่ายมา อาการโรคก็กำเริบอาเจียนเป็นโลหิตอกมาเป็นถัง ถึงแก่ความตายไป บุตรสามคนก็แย่งกันเป็นใหญ่ ไม่สามัคคีปรองดองกัน โจโฉก็ถอนทัพจากเมืองกิจิ๋ว ไปตีเมืองเกงจิ๋วของเล่าเปียว ปล่อยให้พี่น้องแซ่อ้วนรบกันเองไปก่อน พอเพลียแล้วก็กลับมาตีเมืองกิจิ๋วแตก และติดตามไปฆ่าสี่พี่น้องตายไปทีละคนจนหมด
ทั้งตระกูล แล้วจึงยกทัพกลับ
พ.ศ.๗๕๐ โจโฉรวบรวมกำลังพลยกทัพใหญ่ประมาณห้าสิบหมื่น ยกไปตีเมืองเกงจิ๋ว ขณะนั้นเล่าเปียวป่วยจนถึงแก่ความตายไป เล่าจ๋อง บุตรคนรองซึ่งได้เป็น เจ้าเมืองแทนบิดา ก็ยอมอ่อนน้อมต่อโจโฉ แต่โจโฉเข้าเมืองได้แล้วก็ฆ่าเล่าจ๋องเสีย แล้วก็ยกกองทัพไปตีเมืองอ้วยเซียของเล่าปี่แตก เล่าปี่ต้องอพยพครอบครัวและราษฎรหนีไปตั้งหลักกับ เล่ากี๋ บุตรคนโตของเล่าเปียวที่เมืองกังแฮ โจโฉก็ยกทหารติดตามมาเพื่อ จัดการขั้นแตกหัก
พ.ศ.๗๕๑ โจโฉส่งสารไปถึง ซุนกวน เจ้าเมืองกังตั๋งให้เป็นพันธมิตรช่วยกันรบกับเล่าปี่ แต่ซุนกวนถูก ขงเบ้ง กุนซือของเล่าปี่เกลี้ยกล่อมไว้ก่อนแล้ว จึงไม่ตกลงด้วย และเตรียมรบกับโจโฉโดยมี จิวยี่ เป็นแม่ทัพใหญ่ จิวยี่กับขงเบ้งจึงร่วมมือกัน ตีกองทัพของโจโฉ ซึ่งมีกำลังทัพบกอันมหาศาล กับกองทัพเรือนับพันลำ แตกพ่ายอย่างยับเยิน ตัวโจโฉเองต้องหนีหัวซุกหัวซุน พร้อมกับทหารที่เหลือเพียงสามสิบนาย รอดไปถึง เมือง ลำกุ๋นได้อย่างหวุดหวิด และต้องกลับไปพักฟื้นที่เมืองฮูโต๋ ด้วยความแค้นแน่นอก
เมื่อบำรุงกำลังทหารให้เข้มแข็งแล้ว โจโฉก็เตรียมจะยกทัพไปตีเมืองกังตั๋งเป็นการแก้ตัว แต่ห่วงว่าม้าเท้งจะยกมาตีเมืองฮูโต๋ จึงหลอกม้าเท้งมาฆ่าเสียก่อนม้าเฉียว บุตรชายคนโตของม้าเท้งจึงยกทัพจากเมืองเสเหลียงมาแก้แค้นแทนบิดา รบกันอย่างสุดฝีมือ แต่สุดท้ายม้าเฉียวก็เป็นฝ่ายแพ้ แตกยับเยินแทบไม่เหลือทหาร ต้องหนีออกไปอยู่ที่เมืองเจี๋ยงนอกเขตแดนจีน
พ.ศ.๗๕๕ ขุนนางเมืองฮูโต๋ ก็เสนอความชอบของโจโฉ ให้พระเจ้าเหี้ยนเต้เลื่อนยศเป็น วุยก๋ง แล้วก็ยกกองทัพไปรบกับซุนกวน แต่ไม่สามารถเอาชนะได้ ต้องหย่าทัพกลับทั้งสองฝ่าย
พ.ศ.๗๕๗ ขุนนางผู้ใหญ่เมืองฮูโต๋คิดจะขอเลื่อนตำแหน่ง ให้โจโฉเป็น เจ้าวุยอ๋อง แต่ยังมีขุนนางบางคนไม่เห็นด้วย โจโฉก็โกรธ พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็ไม่สบาย พระทัย จึงคบคิดกับบิดาของ นางฮกเฮา มเหสี และขันทีคนหนึ่ง จะถือรับสั่งไปให้เล่าปี่
กับซุนกวนยกทัพมากำจัดโจโฉเสีย แต่โจโฉก็จับได้อีกตามเคย จึงประหารชีวิตเสียหมด
ทั้งโคตรรวมทั้งมเหสี และราชบุตรอีกสององค์ด้วย
พ.ศ.๗๕๘ โจโฉสงสารพระเจ้าเหี้ยนเต้ เป็นม่ายไร้มเหสี จึงยกบุตรสาวของตนให้เป็นมเหสีแทน ตนเองก็เลยมีอำนาจมากยิ่งขึ้นไปอีก แล้วก็ยกกองทัพไปรบกับ ซุนกวนที่เมืองกังตั๋ง คราวนี้ซุนกวนยอมอ่อนน้อมต่อโจโฉ ขอส่งเครื่องบรรณาการทุกปี
พ.ศ.๗๕๙ โจโฉได้เลื่อนเป็น เจ้าวุยอ๋อง เพราะมีความชอบที่รบชนะเมืองกังตั๋ง และเป็นบิดามเหสีด้วย เมื่อเป็นเจ้าแล้วโจโฉก็ไปสร้างปราสาทราชวังอยู่ที่เมือง เงียบกุ๋น และตั้งให้ โจผี บุตรชายคนโตเป็นทายาทในตำแหน่งเจ้าชีจู๊
พ.ศ.๗๖๒ โจโฉร่วมมือกับซุนกวน ยกกองทัพไปรบกับเล่าปี่ จนกระทั่ง ซุนกวนตีเมืองเกงจิ๋วได้ จับตัว กวนอู มาประหารเสีย แล้วตัดศรีษะส่งมาให้โจโฉ จากนั้ย โจโฉก็ล้มป่วยลง รักษาอย่างใดก็ไม่ทุเลา
พ.ศ.๗๖๓ โจโฉสิ้นชีวิตเมื่ออายุได้หกสิบหกปี โจผีก็ได้เป็นเจ้าวุยอ๋อง แทนบิดา อีกประมาณสิบเดือนต่อมา ก็บังคับให้พระเจ้าเหี้ยนเต้สละราชสมบัติให้ตน เป็นพระเจ้าอวยโซ่ ต้นราชวงศ์วุย อยู่ในราชสมบัติได้เจ็ดปี ก็สิ้นพระชนม์เมื่ออายุได้สี่สิบปี
พ.ศ.๗๗๐ พระเจ้าโจยอย ขึ้นเสวยราชย์ต่อจากพระบิดา ได้สิบสามปี ทำศึกกับเมือง เสฉวนถึงห้าครั้งก็ไม่แพ้ไม่ชนะ สิ้นพระชนม์ลงเมื่ออายุได้สามสิบหกปี
พ.ศ.๗๘๓ พระเจ้าโจฮอง อายุแปดปี บุตรเลี้ยงของพระเจ้าโจยอยก็ได้สืบราชสมบัติต่อไปอีกสิบสี่ปี ไว้ใจญาติให้เป็นมหาอุปราช จนราชการฟั่นเฟือนไป เลยถูก สุมาสู บุตรของ สุมาอี้ :ซึ่งได้เป็นมหาอุปราช แทนบิดาที่เสียชีวิต ถอดออกจากตำแหน่งเมื่อมีอายุได้เพียงยี่สิบสองปี
พ.ศ.๗๙๗ พระเจ้าโจมอ หลานพระเจ้าโจผี ได้รับเชิญให้เป็นฮ่องเต้ สืบต่อจากพระเจ้าโจฮอง แต่อยู่ในราชสมบัติได้เพียงหกปี ก็ถูกปลงพระชนม์โดยฝีมือของลิ่วล้อคนสนิท ของ สุมาเจียว มหาอุปราชเอง
พ.ศ.๘๐๓ พระเจ้าโจฮวน หลานของโจโฉก็ได้รับเชิญให้มานั่งบัลลังก์ วุยก๊กแทน เมื่อครองราชย์ได้ห้าปี ก็มีชัยชนะแก่จ๊กก๊กยึดเมืองเสฉวนได้โดยเด็ดขาด แต่อยู่มาอีกไม่นาน สุมาเอี๋ยน บุตรของสุมาเจียว ซึ่งเป็นมหาอุปราชแทนบิดา ก็บังคับให้ยกราชสมบัติให้ตนเป็นฮ่องเต้ เหมือนเช่นที่โจผีบรรพบุรุษต้นราชวงศ์วุย กระทำแก่พระเจ้าเหี้ยนเต้เมื่อ สี่สิบห้าปีก่อนโน้น
โจฮวนก็ได้รับตำแหน่งเป็น ตันลิวอ๋อง อยู่ที่เมืองกิมลงเสีย ต่อมาอีกสิบเจ็ดปีจึงสิ้นพระชนม์ เมื่อ พ.ศ.๘๒๕ เป็นอันสิ้นสุดราชวงศ์วุยแห่งวุยก๊ก ลงแต่เพียงนี้.
##########