นี่สินะที่เขาเรียกว่า.......พุทธพาณิชย์

ต้องออกตัวก่อนว่าปรกตินั้นตัวผมไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ไปทำบุญที่วัดบ่อยๆ ส่วนมากที่ผมทำก็คือสวดมนต์ก่อนนอน บริจาคเงินผ่านทางตู้ ATM  ธ.กสิกร ไปยังมูลนิธิต่างๆ หรือบางทีก็เลือกเอาเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใช้แล้วไปบริจาคให้เด็ก/ชาวบ้าน ในต่างจังหวัด (พ่อ-แม่ ผมเป็นครูครับจึงรู้ว่าชาวบ้านคนไหนยากจนจริงๆ ก็จะฝากบริจาคผ่าน พ่อ-แม่ นี่แหละ)
          เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่าวันสงกรานต์ผมได้เดินทางกลับสู่บ้านเกิด (จังหวัดหนึ่งในภาคกลาง ไม่ใกล้ไม่ไกลจาก กทม. จาก กทม. ถึง อ.ที่ผมอยู่ราวๆ 150 กม.)   พอดีกับที่พี่ชายของผมก็เดินทางกลับมาในวันเดียวกัน พอวันรุ่งขึ้นซึ่งก็คือวันที่ 12 เม.ย. พี่ชายได้ช่วยไปตะเวนทำบุญ 9 วันซึ่ง จังหวัดบ้านเกิดของผมนั้นค่อนข้างจะมีวัดอยู่เยอะ ตัวผมจึงได้ตบปากรับคำว่าจะไป จึงไปอาบน้ำ-แต่งตัว เวลาประมาณ 10.00 น. เดินทางออกจากบ้านใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาทีก็ถึงเป้าหมาย....วัดที่ 1
          
          วัดแรกของในบรรดา 9 วัดที่ผมต้องออกเดินทางมากราบไหว้เพื่เป็นศิริมงคล เป็นวันที่ค่อนข้างขึ้นชื่อในจังหวัดนี้ผู้คนจึงหลั่งไหลกันมาเป็นจำนวนมาก   วัดนี้ขึ้นต้นด้วยคำว่า   วัดป่า......... แต่เมื่อผมเลี้ยวรถเข้าไปถึงกับผงะ.....มีทั้งความร้อนของไอแดดและจำนวนของรถยนต์ที่มากมายแต่ไม่ยักกะเห็นต้นไม้ซักต้นแต่ลานปูนร้อนๆ กลางแจ้งที่ให้เป็นที่จอดรถแล้วก็มีจุดให้สงน้ำพระ.....(เหมือนจะเก็บเงินด้วย) มีโฆสกพูดบรรยายเชิญชวนให้บริจาค ในเวลานั้นในใจคิดไว้ว่า  นี่มันวัดป่า......หรือวัดปูนกันแน่ ต้นไม้ซักต้นยังหายาก  แต่ด้วยใจศรัทธาอันแรกกล้าผมเลยเดินลงจากรถ เข้าไปยังเขตอุโบสถแล้วยกมือขึ้นพนม......แค่นั้นไม่ได้เข้าไปจุดธูปเทียนอะไรเพราะสู้หมู่มวลมหาประชาชนไม่ไหว ทิ้งพี่ชายกับพี่สะใภ้ให้เข้าๆไปเผชิญชะตากรรม ส่วนผมกับแฟนเดินวนแถวๆนั้นเพื่อฆ่าเวลา

        วัดที่ 2-8 นั้นก็สร้างความประทับใจไม่แพ้กันเพราะเมื่อลงจากรถก็ต้องพบกับตู้บริจาคอยู่เต็มไปหมด ไหนจะตู้พระเครื่อง-เครื่องรางของขลังอีกมายกาย ตลอดเวลาที่อยู่ในวัดจะมีมัคนายกไม่ก็หลวงพ่อพูดเชิญชวนทำบุญสะเดาะเคราะห์อยู่เนืองๆ ในจำนวนทั้งหมดนี้มีเพียง 1 วัดที่ผมประทับใจคือ วัดหน่อพุทธางกูร ที่เมื่อไปถึงแล้วไม่พบกับตู้บริจาค ไม่มีมัคนายกหรือหลวงพ่อพูดเชิญชวนให้บริจาค มีเพียงพระอุโบสถให้พวกผมได้เข้าไปกราบไหว้ มีตู้พระเครื่องเล็กที่ตั้งไว้เพื่อมีใครสนใจต้องการเช่าติดไม้ติดมือไปเท่านั้น
       แต่ที่ประทับอยู่ในใจตราบจนทุกวันนี้คือวัดที่ 9 ที่ผมได้เดินทางเข้าไปกราบไหว้.....แค่จอดรถก็พบเห็นรูปปั้นปูนที่เข้าเอาไว้ประดับสวน ย้ำ เอาไว้ประดับสวนแต่ที่นี้กลับน้ำมาตั้งเรียงรายโดยเรียงจากปีชวดไปจนถึงปีกุน  และเมื่อก้าวเท้าเข้าไปในตัวอุโบสถยังไม่ทันทีจะนั่งเพื่อสวดมนต์ดีนัก หลวงพ่อประจำอุโบสถก็คว้าไมด์ขึ้นมาพูด แนะนำให้ทำบุญโน่นนี่นั้น สุดท้ายยังไมทันได้กราบไหว้เจิตใจก็หม่นหมองเสียแล้ว


สุดท้ายการเดินทางเพื่อไหว้พระ 9 วัดตามคำเชิญชวนของพี่ชายนั้นตัวผมเองไม่แน่ใจว่าได้บุญหรือบาปติดตัวกลับมากันแน่........และเริ่มเข้าใจกับคำว่า พุทธพาณิชย์ที่กำลังแผ่ขยายเข้ามาสู่วัดในศาสนาพุทธมากขึ้นทุกทีๆ

ตัวผมเองยังคงนับถือพุทธศาสนาอยู่เหมือนเดิมแม้จะมีข่าวในเชิงไม่ดีออกมาหนาหูขึ้นทุกวันหรือแม้กระทั่งได้พบเจอกับวัดที่กลายเป็นพุทธพาณิชย์เสียมากแต่ก็ไม่เป็นไร เพราะตามความคิดผมสิ่งที่เปลี่ยนคือจิตใจของคนเรา ส่วนคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นยังคงเหมือนเดิม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่