หนึ่งในวิธีที่พลพรรคชาวเม่าชอบใช้เพื่อเป็นทางลัดไปสู่การได้มาซึ่งหุ้นตัวเจ๋งๆ ก็คือการตามติดดูว่า เซียนหุ้นทั้งหลายครอบครองหุ้นตัวใดกันบ้าง จะได้ตาม(ก้น)ถูก
โดยเฉพาะเซียนหุ้นประเภท วีไอ (Value Investor) ที่ไม่ว่าขยับตัวไปทางไหน ก็มักจะเป็นแรงกระพือปีกเม่าให้คึกคัก เพราะถือว่า เซียนกลุ่มนี้เน้นลงทุนโดยดูจากมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นตัวนั้นจึงอยู่ในขั้น 'น่าเชื่อถือ'
แต่ในโลกแห่งความจริง โจรในคราบตำรวจยังมี นับประสาอะไรกับโลกของเงินๆ ทองๆ อย่างตลาดหุ้น ที่มี 'วีไอขาโหด' แฝงอยู่ในกลุ่มเซียนผู้มีหลักการ
"วีไอพวกนี้ เขาเรียกกันว่า วีไอทมิฬ จะเน้นตั้งแก๊งกันเพื่อปั่นหุ้น จากเดิมการปั่นหุ้นจะทำกันอยู่ในขาใหญ่ไม่กี่คน โยนกันไป โยนกันมา อาศัยความต่อเนื่อง หลอกให้รายย่อยคิดว่าดี แห่กันเข้ามาซื้อ แต่วิธีปั่นหุ้นของคนรุ่นใหม่ คือ จะตั้งเครือข่ายรายย่อยที่มีเงินทุนระดับหนึ่ง อาจจะตั้งเป็นกรุ๊ปไลน์ ทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ค อะไรก็ตามแต่ เพื่อช่วยกันกระจายข่าว บอกต่อๆ กันไป ซึ่งจะกระพือได้เร็วกว่า อาศัยพลังมวลชนมาดันราคาหุ้น" เม่ารายหนึ่งสรุปให้ฟัง ถึงกลวิธีลับลวงพรางของบรรดาวีไอขาโหดที่มีอยู่หลายกลุ่มก๊วนในปัจจุบัน
ว่ากันว่า พลังของมวลชนที่บรรดาวีไอทมิฬเหล่านี้ปั่นขึ้นมาได้ แรงเสียจนขนาดวีไอแท้ๆ ยังเป๋ หลวมตัวมาซื้อตามทั้งที่รู้อยู่แก่ใจก็มี ส่วนผลลัพธ์ก็ขึ้นอยู่กับความทันเกมของเหล่าเม่า เหมือนแชร์ลูกโซ่ 'เข้าก่อน ออกก่อน' มีสิทธิรวยกว่า ส่วนพวก 'เข้าทีหลัง ออกไม่ทัน' ก็โดนเชือดไปตามระเบียบ
ถ้าไม่ใช่เซียนใครจะเชื่อ..
ถ้าไม่ใช่เซียน ใครจะแห่ตาม..
และ ถ้าไม่ใช่เซียน จะไปหลอกฟันใครต่อใครได้..
นั่นคือ อานิสงส์จากคำว่า 'เซียน' และเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมหนังสือออกใหม่โดยเซียนจริง เซียนปลอม ถึงได้ออกมาเยอะนัก โดยแม้ว่า ส่วนหนึ่งจะเขียนเพื่อเป็นวิทยาทานจริง แต่ก็ยากจะปฏิเสธว่า พอคเก็ตบุ๊ค กลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือชุบตัว สถาปนา สร้างแบรนด์ตัวเองของเซียนขาฟันทั้งหลาย
ถามว่า ใครเซียนจริง เซียนปลอม หนึ่งในเซียนหุ้นรุ่นใหม่ วัย 32 ผู้มีผลงานจากการเล่นหุ้น 10 ปี (เล่นพร้อมทำงาน 8 ปี ออกจากงานมาเล่นจริงจัง 2 ปี) เจอทั้งกำไรเป็นร้อยเปอร์เซ็นต์ จนถึงขาดทุน 40 เปอร์เซ็นต์ก็เคย
วันนี้ เขาเป็นเจ้าของพอร์ตมูลค่า 9 หลัก แต่ก็ยังคงไม่กล้ารับตำแหน่ง "เซียน"
"2-3 ปีมานี้ เซียนมีเยอะครับ ก็ตลาดมันขาขึ้นไง ใครๆ ก็เป็นเซียนได้ มีคนบอกว่า ต่อให้เอาลิงมาแข่งเล่นหุ้นกับผู้จัดการกองทุน ลิงก็มีสิทธิชนะได้ ถ้าตลาดมันเป็นช่วงขาขึ้น แต่จะเซียนจริงไหม เขาดูกันที่ตลาดขาลงต่างหาก"
แต่ต่อให้เป็นเซียนจริง ก็ไม่ควรเชื่อไปเสียทั้งหมด เพราะนั่นถือเป็นอีกหนึ่งเฟลยอดนิยมของชาวเม่า
การตามก้นเซียนอย่างไม่ลืมหูลืมตา ไม่ว่าจะด้วยจากการใบ้หุ้น, สืบรู้, เห็นจากรายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือเขาเล่าว่า.. อย่างไรก็ตามแต่
นิสัยชาวเม่า "เอาง่าย" คือ พอเห็นว่า เซียนถืออะไร ก็แห่ตามไปซื้อบ้าง แต่ตอนเซียนขายล่ะ.. เขาจะมาป่าวประกาศไหม ว่าเขากำลังขายตัวนั้น ตัวนี้ทิ้งแล้วนะ ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่เม่าต้องคิดให้หนัก
คิดดีๆ ก่อนตัดสินใจ ไม่อย่างนั้น แมลงเม่าตัวน้อยก็คงได้แต่ร้องเพลง.. ซื้อเอง เจ๊งเอง เราอวดเก่งจะโทษใคร?
เครดิตบทความ
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-style/lifestyle/20130403/498391/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%B2-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%99.html
ปล. คนที่เข้ามาลงทุน ทุกคนหวังประโยชน์กันทั้งนั้น สังเกตุสิแม้แต่ตัวเรา เวลากำไรคิดอย่าง เวลากำไรเริ่มลดคิดอย่าง เวลาขาดทุนคิดอย่าง หุ้นตัวเดียวกันแต่ความคิดแปรเปลี่ยนไปตามผลประโยชน์ การลงทุนก็เหมือนกันครับ ตราบใดที่คนที่เราคุยด้วย หรือติดตามอยู่ มีผลประโยชน์ร่วมกัน ในตลาดทุน พึงสังวรณ์ ไว้เถอะครับ .....ไม่มีที่ไหนจะปลอดภัยในที่สุดเท่าตนเอง คนที่พบทางสำเร็จ ต้องมีท่อหายใจของตัวเองรวมไปถึงแนวคิดและจุดยืน วีไอพลุบโผล่มีเยอะ ผมหล่ะอยากให้ ตลท. รายงานปริมาณการถือครองที่เข้าข่ายการถือหุ้นใหญ่รายวันๆจริงๆ เอาแค่โวลุ่มก็ได้ จะได้รู้กันซะทีว่าใครกันแน่ตัวจริงหรือตัวเกรียน แอ๊บเทพ แต่ก็นะ คงจะได้อยู่หรอก
วีไอ เลือดเย็น
หนึ่งในวิธีที่พลพรรคชาวเม่าชอบใช้เพื่อเป็นทางลัดไปสู่การได้มาซึ่งหุ้นตัวเจ๋งๆ ก็คือการตามติดดูว่า เซียนหุ้นทั้งหลายครอบครองหุ้นตัวใดกันบ้าง จะได้ตาม(ก้น)ถูก
โดยเฉพาะเซียนหุ้นประเภท วีไอ (Value Investor) ที่ไม่ว่าขยับตัวไปทางไหน ก็มักจะเป็นแรงกระพือปีกเม่าให้คึกคัก เพราะถือว่า เซียนกลุ่มนี้เน้นลงทุนโดยดูจากมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นตัวนั้นจึงอยู่ในขั้น 'น่าเชื่อถือ'
แต่ในโลกแห่งความจริง โจรในคราบตำรวจยังมี นับประสาอะไรกับโลกของเงินๆ ทองๆ อย่างตลาดหุ้น ที่มี 'วีไอขาโหด' แฝงอยู่ในกลุ่มเซียนผู้มีหลักการ
"วีไอพวกนี้ เขาเรียกกันว่า วีไอทมิฬ จะเน้นตั้งแก๊งกันเพื่อปั่นหุ้น จากเดิมการปั่นหุ้นจะทำกันอยู่ในขาใหญ่ไม่กี่คน โยนกันไป โยนกันมา อาศัยความต่อเนื่อง หลอกให้รายย่อยคิดว่าดี แห่กันเข้ามาซื้อ แต่วิธีปั่นหุ้นของคนรุ่นใหม่ คือ จะตั้งเครือข่ายรายย่อยที่มีเงินทุนระดับหนึ่ง อาจจะตั้งเป็นกรุ๊ปไลน์ ทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ค อะไรก็ตามแต่ เพื่อช่วยกันกระจายข่าว บอกต่อๆ กันไป ซึ่งจะกระพือได้เร็วกว่า อาศัยพลังมวลชนมาดันราคาหุ้น" เม่ารายหนึ่งสรุปให้ฟัง ถึงกลวิธีลับลวงพรางของบรรดาวีไอขาโหดที่มีอยู่หลายกลุ่มก๊วนในปัจจุบัน
ว่ากันว่า พลังของมวลชนที่บรรดาวีไอทมิฬเหล่านี้ปั่นขึ้นมาได้ แรงเสียจนขนาดวีไอแท้ๆ ยังเป๋ หลวมตัวมาซื้อตามทั้งที่รู้อยู่แก่ใจก็มี ส่วนผลลัพธ์ก็ขึ้นอยู่กับความทันเกมของเหล่าเม่า เหมือนแชร์ลูกโซ่ 'เข้าก่อน ออกก่อน' มีสิทธิรวยกว่า ส่วนพวก 'เข้าทีหลัง ออกไม่ทัน' ก็โดนเชือดไปตามระเบียบ
ถ้าไม่ใช่เซียนใครจะเชื่อ..
ถ้าไม่ใช่เซียน ใครจะแห่ตาม..
และ ถ้าไม่ใช่เซียน จะไปหลอกฟันใครต่อใครได้..
นั่นคือ อานิสงส์จากคำว่า 'เซียน' และเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมหนังสือออกใหม่โดยเซียนจริง เซียนปลอม ถึงได้ออกมาเยอะนัก โดยแม้ว่า ส่วนหนึ่งจะเขียนเพื่อเป็นวิทยาทานจริง แต่ก็ยากจะปฏิเสธว่า พอคเก็ตบุ๊ค กลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือชุบตัว สถาปนา สร้างแบรนด์ตัวเองของเซียนขาฟันทั้งหลาย
ถามว่า ใครเซียนจริง เซียนปลอม หนึ่งในเซียนหุ้นรุ่นใหม่ วัย 32 ผู้มีผลงานจากการเล่นหุ้น 10 ปี (เล่นพร้อมทำงาน 8 ปี ออกจากงานมาเล่นจริงจัง 2 ปี) เจอทั้งกำไรเป็นร้อยเปอร์เซ็นต์ จนถึงขาดทุน 40 เปอร์เซ็นต์ก็เคย
วันนี้ เขาเป็นเจ้าของพอร์ตมูลค่า 9 หลัก แต่ก็ยังคงไม่กล้ารับตำแหน่ง "เซียน"
"2-3 ปีมานี้ เซียนมีเยอะครับ ก็ตลาดมันขาขึ้นไง ใครๆ ก็เป็นเซียนได้ มีคนบอกว่า ต่อให้เอาลิงมาแข่งเล่นหุ้นกับผู้จัดการกองทุน ลิงก็มีสิทธิชนะได้ ถ้าตลาดมันเป็นช่วงขาขึ้น แต่จะเซียนจริงไหม เขาดูกันที่ตลาดขาลงต่างหาก"
แต่ต่อให้เป็นเซียนจริง ก็ไม่ควรเชื่อไปเสียทั้งหมด เพราะนั่นถือเป็นอีกหนึ่งเฟลยอดนิยมของชาวเม่า
การตามก้นเซียนอย่างไม่ลืมหูลืมตา ไม่ว่าจะด้วยจากการใบ้หุ้น, สืบรู้, เห็นจากรายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือเขาเล่าว่า.. อย่างไรก็ตามแต่
นิสัยชาวเม่า "เอาง่าย" คือ พอเห็นว่า เซียนถืออะไร ก็แห่ตามไปซื้อบ้าง แต่ตอนเซียนขายล่ะ.. เขาจะมาป่าวประกาศไหม ว่าเขากำลังขายตัวนั้น ตัวนี้ทิ้งแล้วนะ ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่เม่าต้องคิดให้หนัก
คิดดีๆ ก่อนตัดสินใจ ไม่อย่างนั้น แมลงเม่าตัวน้อยก็คงได้แต่ร้องเพลง.. ซื้อเอง เจ๊งเอง เราอวดเก่งจะโทษใคร?
เครดิตบทความ http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-style/lifestyle/20130403/498391/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%B2-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%99.html
ปล. คนที่เข้ามาลงทุน ทุกคนหวังประโยชน์กันทั้งนั้น สังเกตุสิแม้แต่ตัวเรา เวลากำไรคิดอย่าง เวลากำไรเริ่มลดคิดอย่าง เวลาขาดทุนคิดอย่าง หุ้นตัวเดียวกันแต่ความคิดแปรเปลี่ยนไปตามผลประโยชน์ การลงทุนก็เหมือนกันครับ ตราบใดที่คนที่เราคุยด้วย หรือติดตามอยู่ มีผลประโยชน์ร่วมกัน ในตลาดทุน พึงสังวรณ์ ไว้เถอะครับ .....ไม่มีที่ไหนจะปลอดภัยในที่สุดเท่าตนเอง คนที่พบทางสำเร็จ ต้องมีท่อหายใจของตัวเองรวมไปถึงแนวคิดและจุดยืน วีไอพลุบโผล่มีเยอะ ผมหล่ะอยากให้ ตลท. รายงานปริมาณการถือครองที่เข้าข่ายการถือหุ้นใหญ่รายวันๆจริงๆ เอาแค่โวลุ่มก็ได้ จะได้รู้กันซะทีว่าใครกันแน่ตัวจริงหรือตัวเกรียน แอ๊บเทพ แต่ก็นะ คงจะได้อยู่หรอก