"จะไม่หนี จะไม่ย้าย จะขอตายที่นี่"
เพื่อรักษาแผ่นดินไทยแผ่นดินธรรม ณ ๔ จังหวัดชายแดนใต้
เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงเกิดขึ้นที่สถานีขนส่งสายใต้
เมื่อ ๑๑ เมษายน ๒๕๕๗
ผมเดินทางไปที่สถานนีขนส่งสายใต้ เพื่อเดินทางไปรับบุญที่สงขลา ขณะที่นั่งรอในห้องพักพระภายในสถานีขนส่งฯ ก็มีพระรูปหนึ่งอายุราวๆ ๓๕-๔๐ ปี
เดิมเข้ามาหาผม แล้วท่านถามผมว่า มาจากวัดพระธรรมกายใช่ไหม ผมก็ตอบท่านว่า ใช่ครับ จากนั้นท่านก็เริ่มสนทนากับผมเหมือนคนคุ้นเคย ท่านเล่าว่า
ท่านเป็นคนนครศรีธรรมราช แต่ตอนนี้จำพรรษาอยู่ในอำเภอเจาะไอร้อง นราธิวาส เพราะโยมเขานิมนต์ให้อยู่ ทั้งวัดมีกัน ๓ รูป พระ๒ สามเณร๑(สามเณร
เป็นอดีตทหารปฏิบัติหน้าที่จนพิการ ได้เงินตอบแทนเป็นล้าน แต่ภรรยาหลอกเอาเงินแล้วก็ทิ้งขว้างไม่เลี้ยงดู ท่านสงสารจึงบวชเณรให้ แล้วพามาอยู่ด้วย)
ท่านเล่าต่อว่าความเป็นอยู่ที่นั่นลำบากมาก ถูกรังแกและทำร้ายตลอด เพราะสำนักสงฆ์ที่อาศัยอยู่ แวดล้อมไปด้วยชุมชนมุสลิมกว่า ๑๔๐ ครัวเรือน แต่
ชาวพุทธมีแค่ ๓ ครัวเรือน มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านไม่อยู่วัด ๓ วัน กลับมาตุ่มหายไป ๔ใบ ก็ตามหา ไปแจ้ง อบต. เขาก็บอกว่าท่านอย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่อง
ใหญ่ แล้วก็ไม่ได้ช่วยอะไร ท่านจึงไปแจ้งคนอื่นต่อ จนเขาช่วยตามให้ ในที่สุดไปเจอตุ่มในโรงเรียนปอเนาะ เมื่อไปขอคืน เขาก็ไม่ให้ เขาบอกว่าเป็นของ
เขา ท่านจำได้ว่าตุ่มทุกใบเขียนชื่อไว้ด้านล่าง จึงเทน้ำออกแล้วดูด้านล่างปรากฎว่ามีชื่อทุกใบเลย ถึงขนาดนั้นเขาก็บอกว่าปอเนาะเขาถูกใส่ร้าย กลั่น
แกล้ง เมื่อได้ตุ่มคืนมาไม่กี่วัน ตุ่มก็โดนทุบแตกทุกใบ เวลาออกบิณฑบาตบางครั้งก็โดนหนังสติ๊กยิงที่หัวจนหัวแตกเลือดอาบ เป็นอย่างนี้เนืองๆ มีครั้งหนึ่ง
โดนหนักถึงขนาดถูกไม้ทุบที่หัว แต่ก็สู้ไม่เคยรู้สึกโกรธใคร บางวันไม่มีภัตตาหารฉัน ออกบิณฑบาตทหารก็ไม่ค่อยอยากออกไปด้วย เขาตวาดใส่ บอกว่า
จะออกไปทำไม(ทหารกลัวว่าถ้าดูแลพระไม่ดี ปล่อยให้เป็นอันตราย เดี๋ยวก็จะถูกนายด่า) ต้องทนฉันข้าวสวยกับไข่ต้ม บางวันข้าวสารหมดไม่มีปัจจัย ก็
ต้องไปติดหนี้ไว้ก่อน คนขายเป็นคนจีน เขาก็ยอมให้ติดหนี้ เพราะเห็นว่าเป็นพระ โชคดีที่หลวงพ่อธัมมชโย ท่านถวายปัจจัยและอาหารแห้งเป็นประจำทุก
เดือน ถึงแม้ว่าอาหารจะไม่ปราณีต เพราะมาม่ากว่าจะมาถึงบางซองก็ลมเข้าเหนียวแล้ว ปลากระป๋องบางทีก็บุบเต็มที(ท่านบอกว่าที่ได้รับถวายมาก็ถูก
เลือกส่วนที่ดีออกไปก่อนแล้ว ที่เหลือก็คือของที่เหลือเลือกอีกที) แต่ก็ดีกว่าไม่มีฉัน ท่านบอกว่าหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ท่านไม่ค่อยรู้จักหรอก เพราะไม่
ค่อยมีใครมาช่วยเหลือ รู้จักแต่หลวงพ่อธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เพราะท่านเป็นคนเดียวที่ช่วยมาตลอดต่อเนื่อง ไม่ทอดทิ้ง ถ้าไม่มีท่านช่วย
ป่านนี้วัดในพื้นที่คงไม่มีเหลือแล้ว เวลาไปหาหมอต้องไปต่อคิวตั้งแต่ ๗ โมงเช้า แต่เจ้าหน้าที่บอกว่ามีแต่หมอมุสลิม หมอไทย(พุทธ)มีน้อยต้องรอคิว รอ
แล้วรอเล่าจนถูกลัดคิว มาได้ยาก็ตอนสี่โมงเย็น(๑๖:๐๐ น.) ท่านมีโรคประจำตัว หมอก็สั่งงดมาม่า แต่ท่านก็งดไม่ได้ ถ้างดมาม่าก็คืออด เพราะไม่รู้จะฉัน
อะไรมันไม่ค่อยมีอย่างอื่น มีครั้งหนึ่งมุสลิมเขาเอาไก่แช่ฟอร์มารีนแล้วทอดฝากทหารมาถวาย พอฉันเสร็จก็สลบไปเลย นอนสลบอยู่เป็นอาทิตย์กว่าจะฟื้น
บางครั้งถูกทำร้ายโดนกรีดที่แขน เป็นแผลเป็นยาวท่านยื่นแขนมาให้ดู วันหนึ่งถูกสะเก็ดระเบิด เป็นแผลใหญ่เลือดไหลมาก เขาส่งมารักษาที่โรงพยาบาล
มอ.หาดใหญ่ หมอบอกจะตัดขา แต่พระราชินีท่านให้ส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลจุฬาฯ จนหายขาดไม่ต้องตัดขาแล้ว ท่านบอกว่าเลือดของท่านเป็นกรุ๊บโอเน็กกะทิฟ หาเลือดยาก
ในบรรดาคน ๕๐,๐๐๐ กว่าจะเจอซักคนที่มีเลือดกรุ๊ปนี้ หมอจึงบอกให้ระวังตัว อย่าพยายามเสียเลือดมาก แต่ที่ผ่านมาก็มีแต่เรื่องให้เสียเลือดประจำ โจรก็ขึ้นวัดบ่อย ของหายประจำ บางวันก็ขว้างห่ออะไรซักอย่างสีดำเข้ามาในวัด ทหารทีมกู้ระเบิดก็มา เปิดดูปรากฎว่าเป็นห่ออุจจาระ บางเดือนปัจจัยไม่มีจริงๆ ค่าไฟไม่ได้จ่าย จนการไฟฟ้าเขาจะมาตัดไฟ วันไหนไฟดับก็ต้องระวังตัว เพราะจะมีคนแอบเข้ามาทำร้าย ต้องตื่นตัวระวังอยู่เสมอ
ท่านบอกว่า"ท่านมีค่าหัวเป็นแสนเลยนะ โจรเขาตั้งไว้..." จะขึ้นรถวินมอเตอร์ไซด์เขาก็ไม่รับ เขาบอกว่าท่านเป็นสายล่อฟ้า น่ากลัว ชาวพุทธที่มีอยู่น้อยนี้
ก็ถูกแกล้งสารพัด ต้นลองกองกำลังออกดอก เขาก็ไปทำลายจนเสียหายไม่ได้ผลผลิต ไหนจะขู่บังคับให้ย้ายให้ขายที่ ท่านบอกว่า ความรู้สึกตอนนี้เหมือนเหยื่อที่ถูกแวดล้อมไปด้วยฝูงหมาป่าที่หิวกระหาย สุดท้ายท่านพูดด้วยน้ำเสียงที่เข้มแข็งและมีพลังว่า
"ยังไงก็จะไม่ย้ายไปไหน ถ้าไปแล้วญาติโยมเขาจะอยู่กันยังไง เกิดมาชาตินี้ขอตายในพระพุทธศาสนาเท่านี้ก็ภูมิใจแล้ว...."
สิ่งที่ผมได้ยินจากปากของยอดมหาวีรบุรุษพุทธบุตรผู้หยัดสู้นี้ ช่างเป็นถ้อยคำศักดิ์สิทธิ์ มีพลังมหาศาล เป็นบุญใจที่ได้พบพา เป็นบุญตาที่ได้พบเห็น เป็นบุญหูที่ได้ยลยิน ผมปลื้มปีติใจกับวีรกรรมการสร้างปรมัตถบารมีแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพันของท่านมาก จนไม่รู้จะสรรหาคำใดมากล่าวเอ่ยอ้างยกย่องท่านได้สาสม และคิดว่าทุกท่านที่มีโอกาสได้อ่านบทความนี้ ก็คงรู้สึกไม่ต่างจากผม บทความนี้ไม่คิดที่จะกล่าวว่าร้ายผู้ใด แต่อยากจะให้ทุกท่านที่ได้อ่านบทความนี้แล้ว ย้อนถามตัวเองดูสิว่า
"เราได้ทำหน้าที่สมกับเป็นชาวพุทธที่แท้จริงแล้วหรือยัง....?"
ซึ่งผลของการกระทำนั้นจะเป็นคำตอบของตัวคุณเอง!!!
....…..................
10ปีแห่งการหยัดสู้
http://youtu.be/fdQ89lRi9U8
เพลงหยัดสู้
http://youtu.be/sLVREM69XkM
น้ำใจ เพื่อภัยใต้
เพื่อรักษาแผ่นดินไทยแผ่นดินธรรม ณ ๔ จังหวัดชายแดนใต้
เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงเกิดขึ้นที่สถานีขนส่งสายใต้
เมื่อ ๑๑ เมษายน ๒๕๕๗
ผมเดินทางไปที่สถานนีขนส่งสายใต้ เพื่อเดินทางไปรับบุญที่สงขลา ขณะที่นั่งรอในห้องพักพระภายในสถานีขนส่งฯ ก็มีพระรูปหนึ่งอายุราวๆ ๓๕-๔๐ ปี
เดิมเข้ามาหาผม แล้วท่านถามผมว่า มาจากวัดพระธรรมกายใช่ไหม ผมก็ตอบท่านว่า ใช่ครับ จากนั้นท่านก็เริ่มสนทนากับผมเหมือนคนคุ้นเคย ท่านเล่าว่า
ท่านเป็นคนนครศรีธรรมราช แต่ตอนนี้จำพรรษาอยู่ในอำเภอเจาะไอร้อง นราธิวาส เพราะโยมเขานิมนต์ให้อยู่ ทั้งวัดมีกัน ๓ รูป พระ๒ สามเณร๑(สามเณร
เป็นอดีตทหารปฏิบัติหน้าที่จนพิการ ได้เงินตอบแทนเป็นล้าน แต่ภรรยาหลอกเอาเงินแล้วก็ทิ้งขว้างไม่เลี้ยงดู ท่านสงสารจึงบวชเณรให้ แล้วพามาอยู่ด้วย)
ท่านเล่าต่อว่าความเป็นอยู่ที่นั่นลำบากมาก ถูกรังแกและทำร้ายตลอด เพราะสำนักสงฆ์ที่อาศัยอยู่ แวดล้อมไปด้วยชุมชนมุสลิมกว่า ๑๔๐ ครัวเรือน แต่
ชาวพุทธมีแค่ ๓ ครัวเรือน มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านไม่อยู่วัด ๓ วัน กลับมาตุ่มหายไป ๔ใบ ก็ตามหา ไปแจ้ง อบต. เขาก็บอกว่าท่านอย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่อง
ใหญ่ แล้วก็ไม่ได้ช่วยอะไร ท่านจึงไปแจ้งคนอื่นต่อ จนเขาช่วยตามให้ ในที่สุดไปเจอตุ่มในโรงเรียนปอเนาะ เมื่อไปขอคืน เขาก็ไม่ให้ เขาบอกว่าเป็นของ
เขา ท่านจำได้ว่าตุ่มทุกใบเขียนชื่อไว้ด้านล่าง จึงเทน้ำออกแล้วดูด้านล่างปรากฎว่ามีชื่อทุกใบเลย ถึงขนาดนั้นเขาก็บอกว่าปอเนาะเขาถูกใส่ร้าย กลั่น
แกล้ง เมื่อได้ตุ่มคืนมาไม่กี่วัน ตุ่มก็โดนทุบแตกทุกใบ เวลาออกบิณฑบาตบางครั้งก็โดนหนังสติ๊กยิงที่หัวจนหัวแตกเลือดอาบ เป็นอย่างนี้เนืองๆ มีครั้งหนึ่ง
โดนหนักถึงขนาดถูกไม้ทุบที่หัว แต่ก็สู้ไม่เคยรู้สึกโกรธใคร บางวันไม่มีภัตตาหารฉัน ออกบิณฑบาตทหารก็ไม่ค่อยอยากออกไปด้วย เขาตวาดใส่ บอกว่า
จะออกไปทำไม(ทหารกลัวว่าถ้าดูแลพระไม่ดี ปล่อยให้เป็นอันตราย เดี๋ยวก็จะถูกนายด่า) ต้องทนฉันข้าวสวยกับไข่ต้ม บางวันข้าวสารหมดไม่มีปัจจัย ก็
ต้องไปติดหนี้ไว้ก่อน คนขายเป็นคนจีน เขาก็ยอมให้ติดหนี้ เพราะเห็นว่าเป็นพระ โชคดีที่หลวงพ่อธัมมชโย ท่านถวายปัจจัยและอาหารแห้งเป็นประจำทุก
เดือน ถึงแม้ว่าอาหารจะไม่ปราณีต เพราะมาม่ากว่าจะมาถึงบางซองก็ลมเข้าเหนียวแล้ว ปลากระป๋องบางทีก็บุบเต็มที(ท่านบอกว่าที่ได้รับถวายมาก็ถูก
เลือกส่วนที่ดีออกไปก่อนแล้ว ที่เหลือก็คือของที่เหลือเลือกอีกที) แต่ก็ดีกว่าไม่มีฉัน ท่านบอกว่าหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ท่านไม่ค่อยรู้จักหรอก เพราะไม่
ค่อยมีใครมาช่วยเหลือ รู้จักแต่หลวงพ่อธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เพราะท่านเป็นคนเดียวที่ช่วยมาตลอดต่อเนื่อง ไม่ทอดทิ้ง ถ้าไม่มีท่านช่วย
ป่านนี้วัดในพื้นที่คงไม่มีเหลือแล้ว เวลาไปหาหมอต้องไปต่อคิวตั้งแต่ ๗ โมงเช้า แต่เจ้าหน้าที่บอกว่ามีแต่หมอมุสลิม หมอไทย(พุทธ)มีน้อยต้องรอคิว รอ
แล้วรอเล่าจนถูกลัดคิว มาได้ยาก็ตอนสี่โมงเย็น(๑๖:๐๐ น.) ท่านมีโรคประจำตัว หมอก็สั่งงดมาม่า แต่ท่านก็งดไม่ได้ ถ้างดมาม่าก็คืออด เพราะไม่รู้จะฉัน
อะไรมันไม่ค่อยมีอย่างอื่น มีครั้งหนึ่งมุสลิมเขาเอาไก่แช่ฟอร์มารีนแล้วทอดฝากทหารมาถวาย พอฉันเสร็จก็สลบไปเลย นอนสลบอยู่เป็นอาทิตย์กว่าจะฟื้น
บางครั้งถูกทำร้ายโดนกรีดที่แขน เป็นแผลเป็นยาวท่านยื่นแขนมาให้ดู วันหนึ่งถูกสะเก็ดระเบิด เป็นแผลใหญ่เลือดไหลมาก เขาส่งมารักษาที่โรงพยาบาล
มอ.หาดใหญ่ หมอบอกจะตัดขา แต่พระราชินีท่านให้ส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลจุฬาฯ จนหายขาดไม่ต้องตัดขาแล้ว ท่านบอกว่าเลือดของท่านเป็นกรุ๊บโอเน็กกะทิฟ หาเลือดยาก
ในบรรดาคน ๕๐,๐๐๐ กว่าจะเจอซักคนที่มีเลือดกรุ๊ปนี้ หมอจึงบอกให้ระวังตัว อย่าพยายามเสียเลือดมาก แต่ที่ผ่านมาก็มีแต่เรื่องให้เสียเลือดประจำ โจรก็ขึ้นวัดบ่อย ของหายประจำ บางวันก็ขว้างห่ออะไรซักอย่างสีดำเข้ามาในวัด ทหารทีมกู้ระเบิดก็มา เปิดดูปรากฎว่าเป็นห่ออุจจาระ บางเดือนปัจจัยไม่มีจริงๆ ค่าไฟไม่ได้จ่าย จนการไฟฟ้าเขาจะมาตัดไฟ วันไหนไฟดับก็ต้องระวังตัว เพราะจะมีคนแอบเข้ามาทำร้าย ต้องตื่นตัวระวังอยู่เสมอ
ท่านบอกว่า"ท่านมีค่าหัวเป็นแสนเลยนะ โจรเขาตั้งไว้..." จะขึ้นรถวินมอเตอร์ไซด์เขาก็ไม่รับ เขาบอกว่าท่านเป็นสายล่อฟ้า น่ากลัว ชาวพุทธที่มีอยู่น้อยนี้
ก็ถูกแกล้งสารพัด ต้นลองกองกำลังออกดอก เขาก็ไปทำลายจนเสียหายไม่ได้ผลผลิต ไหนจะขู่บังคับให้ย้ายให้ขายที่ ท่านบอกว่า ความรู้สึกตอนนี้เหมือนเหยื่อที่ถูกแวดล้อมไปด้วยฝูงหมาป่าที่หิวกระหาย สุดท้ายท่านพูดด้วยน้ำเสียงที่เข้มแข็งและมีพลังว่า
"ยังไงก็จะไม่ย้ายไปไหน ถ้าไปแล้วญาติโยมเขาจะอยู่กันยังไง เกิดมาชาตินี้ขอตายในพระพุทธศาสนาเท่านี้ก็ภูมิใจแล้ว...."
สิ่งที่ผมได้ยินจากปากของยอดมหาวีรบุรุษพุทธบุตรผู้หยัดสู้นี้ ช่างเป็นถ้อยคำศักดิ์สิทธิ์ มีพลังมหาศาล เป็นบุญใจที่ได้พบพา เป็นบุญตาที่ได้พบเห็น เป็นบุญหูที่ได้ยลยิน ผมปลื้มปีติใจกับวีรกรรมการสร้างปรมัตถบารมีแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพันของท่านมาก จนไม่รู้จะสรรหาคำใดมากล่าวเอ่ยอ้างยกย่องท่านได้สาสม และคิดว่าทุกท่านที่มีโอกาสได้อ่านบทความนี้ ก็คงรู้สึกไม่ต่างจากผม บทความนี้ไม่คิดที่จะกล่าวว่าร้ายผู้ใด แต่อยากจะให้ทุกท่านที่ได้อ่านบทความนี้แล้ว ย้อนถามตัวเองดูสิว่า
"เราได้ทำหน้าที่สมกับเป็นชาวพุทธที่แท้จริงแล้วหรือยัง....?"
ซึ่งผลของการกระทำนั้นจะเป็นคำตอบของตัวคุณเอง!!!
....…..................
10ปีแห่งการหยัดสู้
http://youtu.be/fdQ89lRi9U8
เพลงหยัดสู้
http://youtu.be/sLVREM69XkM