เรื่องเล่าเช้าวันพระ : รวยกับซวย

เรื่องเล่าเช้าวันพระ : รวยกับซวย
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
๓ เมษายน ๒๕๕๔
พระไพศาล วิสาโล
http://www.visalo.org/monk/index.htm








หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นพระมหาเถระที่มีลูกศิษย์ลูกหาทั่วประเทศ ไม่จำเพาะจังหวัดอยุธยา อันเป็นบ้านเกิดและที่ตั้งของวัดสะแก
อันเป็นสถานพำนักของท่านเท่านั้น

ตอนที่ท่านแรกบวช ท่านมิได้ปรารถนามรรคผลนิพพานแต่อย่างใด หากต้องการเรียนรู้วิชาคงกระพันชาตรีและเวทมนต์คาถา
เพื่อสึกออกไปแก้แค้นโจรที่ปล้นบ้านโยมพ่อโยมแม่ของท่านถึง ๒ ครั้ง ๒ ครา แต่ต่อมาท่านได้คิด นึกสลดสังเวชใจที่ปล่อยให้
ความอาฆาตพยาบาทครอบงำจิตใจนานนับสิบปี ในที่สุดท่านได้ตั้งจิตอโหสิกรรมแก่คนเหล่านั้น แล้วมุ่งเจริญสมณธรรมอย่างจริงจัง

ในวัยฉกรรจ์ท่านได้เดินธุดงค์ติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี จนในที่สุดได้มาพำนักที่วัดสะแก นับแต่นั้นก็ได้เป็นที่พึ่งทางใจแก่ญาติโยมมาโดยตลอด
ต่อมาราว ๆ ปี ๒๔๙๐ คือเมื่ออายุได้ ๔๓ ปีท่านตัดสินใจไม่รับกิจนิมนต์นอกวัด ใครที่ตั้งใจกราบนมัสการหรือฟังธรรมจากท่าน แม้จะเดินทางไกลเพียงใด
ก็ไม่ผิดหวังเลย เพราะเมื่อมาถึงวัดสะแก จะเห็นท่านนั่งรับแขกหน้ากุฏิตั้งแต่เช้าจรดค่ำ แม้กระทั่งเมื่อท่านชราภาพมากแล้ว มีลูกศิษย์จัดทำป้าย
กำหนดเวลารับแขกเพื่อถนอมสุขภาพของท่าน แต่ไม่นานท่านก็ให้นำป้ายออกไปด้วยความเมตตาที่ท่านมีต่อญาติโยมทั้งหลายนั้นเอง

ท่านมีวิธีสอนธรรมะแก่ญาติโยมอย่างแยบคาย คราวหนึ่งมีศิษย์มากราบท่านโดยพาเพื่อนซึ่งเป็นนักเลงเหล้าตามมาด้วย
เมื่อสนทนากับหลวงปู่ได้พักหนึ่ง ศิษย์ผู้นั้นได้ชักชวนเพื่อนให้สมาทานศีล ๕ พร้อมกับทำสมาธิภาวนา นักเลงเหล้าผู้นั้นแย้งต่อหน้าหลวงปู่ว่า
“จะให้ผมสมาทานศีลและปฏิบัติได้ยังไง ก็ผมยังกินเหล้าเมายาอยู่นี่ครับ” หลวงปู่ดู่แทนที่จะคาดคั้นหรือคะยั้นคะยอเขา กลับตอบว่า
“เอ็งจะกินก็กินไปซิ ข้าไม่ว่า แต่ให้เอ็งปฏิบัติให้ข้าวันละ ๕ นาทีก็พอ” ชายผู้นั้นเห็นว่านั่งสมาธิแค่วันละ ๕ นาทีไม่ใช่เรื่องยาก จึงรับคำหลวงปู่

นับแต่วันนั้นเขาก็นั่งสมาธิอย่างสม่ำเสมอตามที่รับปากเอาไว้ ไม่ขาดแม้แต่วันเดียว บางวันถึงกับงดกินเหล้ากับเพื่อน ๆ
เพราะได้เวลาปฏิบัติพอดี เมื่อได้สัมผัสกับความสงบจากสมาธิภาวนาเขาก็มีความสุข จึงโหยหาเหล้าน้อยลง จนในที่สุด
ก็เลิกเหล้าไปโดยไม่รู้ตัว หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ละชีวิตทางโลก อุปสมบทเป็นพระภิกษุและมุ่งมั่นกับการปฏิบัติธรรม

หลวงปู่รู้ดีว่าการขอร้องให้เขาเลิกเหล้านั้นเป็นเรื่องยาก ดังนั้นแทนที่ท่านจะห้ามเขากินเหล้า ท่านกลับขอให้เขาทำสิ่งที่ง่ายกว่านั้นคือ
นั่งสมาธิแค่วันละ ๕ นาที ท่านรู้ดีว่าใครที่ทำสมาธิภาวนาทุกวันแม้จะไม่กี่นาที ไม่นานก็จะเห็นอานิสงส์ของการปฏิบัติ และปฏิบัตินานขึ้นเอง
จนเลิกเหล้าได้ในที่สุด

อีกคราวหนึ่งมีชาวบ้านซึ่งมีอาชีพหาปลามานมัสการท่าน ก่อนกลับท่านขอให้เขาสมาทานศีล ๕ เขารู้สึกลำบากใจ
จึงกราบเรียนท่านว่า “ผมไม่กล้าสมาทานศีล ๕ เพราะรู้ว่าประเดี๋ยวต้องไปจับปลา จับกุ้ง มันเป็นอาชีพของผมครับ”

หลวงปู่ตอบเขาว่า “แกจะรู้หรือว่า แกจะตายเมื่อไหร่ ไม่แน่ว่าแกเดินออกไปจากกุฏิข้าแล้ว อาจถูกงูกัดตายเสียกลางทาง
ก่อนไปจับปลา จับกุ้ง ก็ได้ เพราะฉะนั้นเมื่อตอนนี้แกยังไม่ได้ทำบาปกรรมอะไร ยังไง ๆ ก็ให้มีศีลไว้ก่อน” แล้วท่านก็พูดต่อว่า
“ถึงจะมีศีลขาดก็ยังดีกว่าไม่มีศีล”

หลวงปู่ไม่ได้บอกให้เขาเลิกอาชีพหาปลา แต่ให้มีศีลเป็นหลักของชีวิต แม้จะทำได้บ้างไม่ได้บ้างก็ยังดีกว่าไม่มีหลักไว้เลย
คำชี้แจงของท่านทำให้ชายผู้นั้นยอมสมาทานศีล ๕ ในที่สุด

ท่านมีวิธีติงหรือเตือนที่แยบคาย คราวหนึ่งมีชายผู้หนึ่งมาขอเช่าพระอุปคุตที่วัดเพื่อนำไปบูชา เขาให้เหตุผลว่า
บูชาแล้วจะได้รวย เมื่อเขามากราบหลวงปู่ดู่ ท่านก็เปรยขึ้นมาว่า “รวยกับซวย มันใกล้ ๆ กันนะ”

เพื่อนของชายผู้นั้นจึงถามท่านว่า “ใกล้กันยังไงครับ”

“มันออกเสียงคล้ายกัน” ท่านตอบ

สักครู่ท่านก็ขยายความว่า “จะเอารวยน่ะ จะหามายังไงก็ทุกข์ จะรักษามันก็ทุกข์ หมดไปก็ทุกข์อีก กลัวคนจะจี้จะปล้น
ไปคิดดูเถอะ มันไม่จบหรอก มีแต่เรื่องยุ่ง เอาดี ดีกว่า”

ถึงรวยก็ยังทุกข์ ความดีหรือธรรมะต่างหากที่ช่วยให้พ้นทุกข์ได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่