คนสร้างบ้านก็เหมือนนกสร้างรัง จากรังเล็กก็ขยายไปรังใหญ่ ตามกำลังหรือแม้กระทั่งตามความฝัน
ชีวิตสิบกว่าปีในต่างแดนของมาดามก็เช่นกัน เริ่มจากรังเล็กๆ ที่เช่าเขาอยู่ไม่กี่ตารางเมตร
ก็เริ่มขยายใหญ่เป็นร้อยกว่า แต่ก็ยังเช่าเขาอยู่ จนถึงวัย(รุ่นตอนปลาย) ^^ พร้อมกับเริ่มมีความมั่นคง
ก็คิดการใหญ่ เล็งหารังใหม่ที่เป็นของเราเอง เมื่อเข้าไปคุยกับเจ้าของเงิน(ธนาคาร) แล้วเขามั่นใจปล่อยกู้ให้เราซื้อบ้านได้
คราวนี้ก็เริ่มต้นมองหาบ้านตามความต้องการ
ความต้องการของสองคนตายายคือ
- บ้านชั้นเดียว
- มีสวนเล็กๆ
- มีห้องใต้ดิน
- ไม่ไกลจากตัวเมือง (เนื่องจากเราไม่มีรถ จึงต้องขอใกล้ๆ แหล่งช้อป)
ที่เดนมาร์กจะไม่มีโครงการบ้านใหม่ๆ ผุดเป็นดอกเห็ดเหมือนเมืองไทย ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านมือสองที่แล้วแต่สภาพ
เราก็เริ่มมองหาเรื่อยๆ ทั้งจากเนตและหนังสือพิมพ์ บ้านมือสองจะมีขายอยู่เรื่อยๆ เราก็หาไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก
การซื้อขายบ้านที่เดนมาร์กต้องผ่านบริษัทขายบ้านส่วนใหญ่ ส่วนน้อยที่ลงประกาศเองในกรณีที่ไม่ต้องการเสียค่านายหน้า
แต่ก็อาจจะยากและนานหน่อย เขาจะมีเปิดให้เข้าไปดูบ้านที่ขายทุกวันอาทิตย์ เป็นเวลาประมาณ 20-30 นาที
ที่เดนมาร์กเมื่อผู้ขายต้องการขายบ้าน คุณจะต้องให้เจ้าหน้าที่จากทางแบงค์มาตรวจสอบสภาพบ้านและประเมินราคา
พร้อมกระดาษที่มีรายงานละเอียดเกี่ยวกับบ้านคุณทุกอย่างเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไฟฟ้า ปะปา หรืออะไรก็แล้วแต่
ที่บ้านคุณเคยผ่านการซ่อมแซมตรงไหนมาบ้าง รวมถึง Energi (อันนี้สำคัญ) เหมือนกับการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีตรารับรองคุณภาพ
ตั้งแต่ A++ A+ หรือ A B C D ก็ว่าไป ทุกอย่างจะลงรายละเอียดไว้ที่กระดาษหมด เพื่อรายงานให้ผู้ซื้อได้รับรู้ แฟร์ๆ
ถ้าบ้านคุณ Energi แย่ นั่นหมายถึงการที่คุณต้องจ่ายเงินสำหรับค่าไฟฟ้า ปะปา ที่แพงขึ้นตามระดับพลังงานในบ้านคุณ
นอกจากรายละเอียดจุกจิกข้างต้นแล้ว เมื่อคุณตัดสินใจซื้อบ้านที่เดนมาร์ก ไม่ใช่แค่จ่ายเงินแล้วจบ เรื่องนี้คุณจำเป็นต้องจ้างทนาย
เพื่อทำกระดาษในเรื่องสัญญาและข้อกฏหมายอื่นๆ เพื่อกันไม่ให้ผู้ขายเอาเปรียบ ซึ่งค่ากระดาษนี้ผู้ซื้อต้องจ่ายเอง (แอบแพงด้วย)
เมื่อขั้นตอนทุกอย่างผ่านเรียบร้อย คุณก็จะได้บ้านหลังนั้นมาเป็นเจ้าของ และอยากบอกอีกอย่างว่าบ้านเลือกเราจริงๆ
เพราะเราไม่เคยสนใจที่จะมาดูบ้านหลังนี้เลย ทั้งๆ ที่มันมีทุกอย่างตรงกับความต้องการของเรา แต่ แต่ เพราะอะไร อันนี้สำคัญอีกหล่ะ
สำหรับผู้ต้องการขายบ้านให้ได้เร็วๆ ควรประจักษ์ บ้านหลังนี้ลงประกาศขายเป็นปีสองปี แต่ก็ขายไม่ได้
เพราะเจ้าของไม่คิดที่จะทำบ้านให้น่าเข้าชม หรือไม่เก็บกวาดให้เรียบร้อย เพื่อต้อนรับคนที่จะเข้ามาดูบ้านคุณ (อันนี้สำคัญนะจ๊ะ)
ถ้าต้องการขายบ้านให้ได้ไวๆ คุณต้องทำบ้านให้น่าอยู่ ดูต้อนรับแขกผู้มาเยือน แต่พอตอนที่จะมีคนมาซื้อคนขายก็ไม่ยอมขาย
เพราะมันยังไม่ได้ราคาตามที่เขาต้องการ แต่เมื่อเวลาผ่านไป หลังจากพลาดจากคนซื้อก่อน และเมื่อคุณยังขายบ้านไม่ได้
แต่ค่าใช้จ่ายคุณมี แต่อะไรๆ ที่นั่นก็เป็นภาษีหมด คุณจะต้องเสียภาษีที่ดินให้รัฐปีละสองครั้ง แต่เพราะมันเป็นชื่อคุณไง คุณมีชื่อในที่ดิน
แต่ยังไงที่ดินก็ของรัฐ เพราะฉะนั้นเธอมีหน้าที่จ่ายภาษีก็จ่ายซะ อย่ามางอแง (รัดตะบานเดนมาร์ก ไม่ได้ใจดีเหมือนรัดตะบานไทยนะ)
ค่าส่วนกลาง(ถ้าเป็นหมู่บ้าน) ค่าขยะ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าผ่อนบ้าน นู่น นี่ นั่น จิปาถะถ้าสภาพเศรษฐกิจคุณมันตึง แน่น จวนขาด
ก็รอไม่ได้แล้ว ยังไงก็ต้องขาย ขอแค่ไม่ขาดทุนก็พอ
และนั่นเองที่บอกว่าบ้านเลือกเจ้าของ เพราะเหมือนเขารอให้เราไปหาเขา ในวันและเวลาที่เหมาะสม เหมือนเนื้อคู่ เมื่อถึงเวลาเธอจะมาก็มา
แต่ต้องมาในเวลาที่ใช่ด้วยนะจ๊ะ
[CR] รีวิวเรื่องบ้าน ตั้งแต่มองหา>> จัดซื้อ>> รื้อทำใหม่>> ในต่างแดน
ชีวิตสิบกว่าปีในต่างแดนของมาดามก็เช่นกัน เริ่มจากรังเล็กๆ ที่เช่าเขาอยู่ไม่กี่ตารางเมตร
ก็เริ่มขยายใหญ่เป็นร้อยกว่า แต่ก็ยังเช่าเขาอยู่ จนถึงวัย(รุ่นตอนปลาย) ^^ พร้อมกับเริ่มมีความมั่นคง
ก็คิดการใหญ่ เล็งหารังใหม่ที่เป็นของเราเอง เมื่อเข้าไปคุยกับเจ้าของเงิน(ธนาคาร) แล้วเขามั่นใจปล่อยกู้ให้เราซื้อบ้านได้
คราวนี้ก็เริ่มต้นมองหาบ้านตามความต้องการ
ความต้องการของสองคนตายายคือ
- บ้านชั้นเดียว
- มีสวนเล็กๆ
- มีห้องใต้ดิน
- ไม่ไกลจากตัวเมือง (เนื่องจากเราไม่มีรถ จึงต้องขอใกล้ๆ แหล่งช้อป)
ที่เดนมาร์กจะไม่มีโครงการบ้านใหม่ๆ ผุดเป็นดอกเห็ดเหมือนเมืองไทย ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านมือสองที่แล้วแต่สภาพ
เราก็เริ่มมองหาเรื่อยๆ ทั้งจากเนตและหนังสือพิมพ์ บ้านมือสองจะมีขายอยู่เรื่อยๆ เราก็หาไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก
การซื้อขายบ้านที่เดนมาร์กต้องผ่านบริษัทขายบ้านส่วนใหญ่ ส่วนน้อยที่ลงประกาศเองในกรณีที่ไม่ต้องการเสียค่านายหน้า
แต่ก็อาจจะยากและนานหน่อย เขาจะมีเปิดให้เข้าไปดูบ้านที่ขายทุกวันอาทิตย์ เป็นเวลาประมาณ 20-30 นาที
ที่เดนมาร์กเมื่อผู้ขายต้องการขายบ้าน คุณจะต้องให้เจ้าหน้าที่จากทางแบงค์มาตรวจสอบสภาพบ้านและประเมินราคา
พร้อมกระดาษที่มีรายงานละเอียดเกี่ยวกับบ้านคุณทุกอย่างเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไฟฟ้า ปะปา หรืออะไรก็แล้วแต่
ที่บ้านคุณเคยผ่านการซ่อมแซมตรงไหนมาบ้าง รวมถึง Energi (อันนี้สำคัญ) เหมือนกับการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีตรารับรองคุณภาพ
ตั้งแต่ A++ A+ หรือ A B C D ก็ว่าไป ทุกอย่างจะลงรายละเอียดไว้ที่กระดาษหมด เพื่อรายงานให้ผู้ซื้อได้รับรู้ แฟร์ๆ
ถ้าบ้านคุณ Energi แย่ นั่นหมายถึงการที่คุณต้องจ่ายเงินสำหรับค่าไฟฟ้า ปะปา ที่แพงขึ้นตามระดับพลังงานในบ้านคุณ
นอกจากรายละเอียดจุกจิกข้างต้นแล้ว เมื่อคุณตัดสินใจซื้อบ้านที่เดนมาร์ก ไม่ใช่แค่จ่ายเงินแล้วจบ เรื่องนี้คุณจำเป็นต้องจ้างทนาย
เพื่อทำกระดาษในเรื่องสัญญาและข้อกฏหมายอื่นๆ เพื่อกันไม่ให้ผู้ขายเอาเปรียบ ซึ่งค่ากระดาษนี้ผู้ซื้อต้องจ่ายเอง (แอบแพงด้วย)
เมื่อขั้นตอนทุกอย่างผ่านเรียบร้อย คุณก็จะได้บ้านหลังนั้นมาเป็นเจ้าของ และอยากบอกอีกอย่างว่าบ้านเลือกเราจริงๆ
เพราะเราไม่เคยสนใจที่จะมาดูบ้านหลังนี้เลย ทั้งๆ ที่มันมีทุกอย่างตรงกับความต้องการของเรา แต่ แต่ เพราะอะไร อันนี้สำคัญอีกหล่ะ
สำหรับผู้ต้องการขายบ้านให้ได้เร็วๆ ควรประจักษ์ บ้านหลังนี้ลงประกาศขายเป็นปีสองปี แต่ก็ขายไม่ได้
เพราะเจ้าของไม่คิดที่จะทำบ้านให้น่าเข้าชม หรือไม่เก็บกวาดให้เรียบร้อย เพื่อต้อนรับคนที่จะเข้ามาดูบ้านคุณ (อันนี้สำคัญนะจ๊ะ)
ถ้าต้องการขายบ้านให้ได้ไวๆ คุณต้องทำบ้านให้น่าอยู่ ดูต้อนรับแขกผู้มาเยือน แต่พอตอนที่จะมีคนมาซื้อคนขายก็ไม่ยอมขาย
เพราะมันยังไม่ได้ราคาตามที่เขาต้องการ แต่เมื่อเวลาผ่านไป หลังจากพลาดจากคนซื้อก่อน และเมื่อคุณยังขายบ้านไม่ได้
แต่ค่าใช้จ่ายคุณมี แต่อะไรๆ ที่นั่นก็เป็นภาษีหมด คุณจะต้องเสียภาษีที่ดินให้รัฐปีละสองครั้ง แต่เพราะมันเป็นชื่อคุณไง คุณมีชื่อในที่ดิน
แต่ยังไงที่ดินก็ของรัฐ เพราะฉะนั้นเธอมีหน้าที่จ่ายภาษีก็จ่ายซะ อย่ามางอแง (รัดตะบานเดนมาร์ก ไม่ได้ใจดีเหมือนรัดตะบานไทยนะ)
ค่าส่วนกลาง(ถ้าเป็นหมู่บ้าน) ค่าขยะ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าผ่อนบ้าน นู่น นี่ นั่น จิปาถะถ้าสภาพเศรษฐกิจคุณมันตึง แน่น จวนขาด
ก็รอไม่ได้แล้ว ยังไงก็ต้องขาย ขอแค่ไม่ขาดทุนก็พอ
และนั่นเองที่บอกว่าบ้านเลือกเจ้าของ เพราะเหมือนเขารอให้เราไปหาเขา ในวันและเวลาที่เหมาะสม เหมือนเนื้อคู่ เมื่อถึงเวลาเธอจะมาก็มา
แต่ต้องมาในเวลาที่ใช่ด้วยนะจ๊ะ