อัตลักษณ์การออกแบบภายนอกรถยนต์ในยุคหลัง ซึ่งมีร่วมกันแทบทุกค่ายโดยเฉพาะจากค่ายสัญชาติจีน คือมือเปิดประตูนอกที่จมเสมอตัวและยกตัวขึ้นมาได้ด้วยระบบไฟฟ้า จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของรถยนต์ไฟฟ้า แต่ในอนาคตที่ไม่ไกลจากนี้ เทคโนโลยีดังกล่าวอาจหายไปจากรถยนต์ใหม่อย่างถาวร หลังมีรายงานว่าภาครัฐจีนอยู่ระหว่างการศึกษา การแบนมือเปิดประตูนอกรถยนต์แบบดังกล่าว ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย
ต้นทางของรายงานชิ้นนี้มาจากสื่อจีนอย่าง Mingjing Pro ซึ่งรายงานเมื่อวันที่ 4 กันยายน พร้อมระบุว่าได้ข้อมูลมาจากผู้เชี่ยวชาญของฝ่าย R&D ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ส่วนใจความระบุว่าภาครัฐของจีน อยู่ระหว่างการร่างมาตรฐานควบคุมมือเปิดประตูนอกรถยนต์ โดยอาจแล้วเสร็จภายในเดือนนี้ และอาจมีผลบังคับใช้อย่างไวสุดในเดือนกรกฏาคม 2027 ซึ่งนั่นย่อมส่งผลใหญ่ต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ จึงมีรายงานว่าภาครัฐจีนได้เริ่มแจ้งผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์หลายเจ้า เพื่อให้เตรียมการแล้ว
จริงอยู่ว่าร่างมาตรฐานฉบับดังกล่าวยังไม่มีผลบังคับใช้ และยังอยู่ในช่วงต้นของการเตรียมการ แต่ถ้ามีผลขึ้นมาย่อมส่งผลกระทบครั้งใหญ่ต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ เพราะต้องรื้อดีไซน์รถยนต์ใหม่หมด รวมถึงกระบวนการผลิตและผู้ผลิตชิ้นส่วนอีกด้วย รายงานยังระบุว่าสาเหตุที่ภาครัฐจีนคิดตั้งมาตรฐานขึ้นมาควบคุมมือเปิดประตูรถยนต์แบบนี้ ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากมีกรณีศึกษาหลายครั้งแล้วว่ามือเปิดประตูแบบนี้ไม่ทำงานหลังเกิดอุบัติเหตุ จนเป็นอุปสรรคต่อการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บที่ติดอยู่ในรถ
ในบางกรณี ยังทำงานล้มเหลวจากสภาพอากาศ ไม่ว่าจะเป็นหนาวระดับเยือกแข็งจนนำแข็งปกคลุมตัวถัง แล้วมือเปิดประตูยกตัวขึ้นมาไม่ได้ หรือฝนตกน้ำเข้าจนมอเตอร์ยกมือเปิดประตูช็อตก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีการยกสถิติการเกิดอุบัติเหตุที่เปิดประตูแบบนี้หนีบนิ้ว โดยมีทั้งหนีบมือเด็กและร้ายแรงจนกระดูกนิ้วแตกอีกด้วย ส่วนอีกประเด็นคือค่าซ่อมแซมแพงกว่ามือเปิดประตูธรรมดา เพราะมีทั้งกลไกและมอเตอร์ไฟฟ้า โดยนับทั้งในกรณีเกิดอุบัติเหตุหรือเสื่อมสภาพเอง
กลายเป็นว่าแทบจะไม่มีการกล่าวถึงประโยชน์ของมือเปิดประตูแบบนี้เลย นอกจากช่วยให้ดีไซน์รถดูล้ำสมัยและลู่ลม แต่ดันมีการโต้แย้งเรื่องประเด็นช่วยเพิ่มประสิทธิการรีดอากาศด้วย โดยระบุว่าผู้ผลิตรถยนต์มักโฆษณาว่ามือเปิดประตูแบบนี้ ช่วยลดแรงเสียดทานอากาศลง 0.03 Cd แต่จากงานศึกษาของ SAE พบว่าค่าเฉลี่ยจริงอาจเหลือ 0.005 – 0.01 Cd เท่านั้น และอาจช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองพลังงานได้เพียง 0.6 kWh / 100 กิโลเมตร ซึ่งแทบไม่มีผลต่อค่าใช้จ่ายเลยกับผู้ที่ชาร์จไฟบ้านเป็นหลัก แถมยังเพิ่มน้ำหนักรถขึ้นมาอีกราว 7 – 8 กิโลกรัม จากมอเตอร์และส่วนควบระบบ จนสุดท้ายแล้วกลายเป็นว่าไม่ได้ช่วยประหยัดขึ้นเลย
รายงานยังระบุด้วยว่ามาตรฐานควบคุมมือเปิดประตูนอกจากจีน ยังมีการกล่าวถึงกลไกปลดล็อคโดยอัตโนมัติในบางสภาวะ หรือหลังเกิดอุบัติเหตุด้วย ส่วนมือเปิดประตูแบบดั้งเดิม และแบบกึ่งซ่อนแต่มีช่องให้เอามือสอดเข้าไปอยู่ จะไม่ถูกแบนด้วยเพียงแต่จะมีการกำหนด ให้เพิ่มการทำงานแบบกลไกอย่างปุ่มกดในกรณีฉุกเฉิน เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ซึ่งประเด็นนี้น่าติดตามไม่น้อยเลย เพราะถ้าบังคับใช้จริง อาจนำไปสู่จุดเปลี่ยนของการออกแบบรถยนต์ทั้งโลก
ที่มา:
carnewschina,
carscoops
ภาครัฐจีนอาจสั่งแบน มือเปิดประตูนอกรถยนต์ ที่จมเสมอตัวถังและยกตัวได้ ในปี 2027
อัตลักษณ์การออกแบบภายนอกรถยนต์ในยุคหลัง ซึ่งมีร่วมกันแทบทุกค่ายโดยเฉพาะจากค่ายสัญชาติจีน คือมือเปิดประตูนอกที่จมเสมอตัวและยกตัวขึ้นมาได้ด้วยระบบไฟฟ้า จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของรถยนต์ไฟฟ้า แต่ในอนาคตที่ไม่ไกลจากนี้ เทคโนโลยีดังกล่าวอาจหายไปจากรถยนต์ใหม่อย่างถาวร หลังมีรายงานว่าภาครัฐจีนอยู่ระหว่างการศึกษา การแบนมือเปิดประตูนอกรถยนต์แบบดังกล่าว ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย
ต้นทางของรายงานชิ้นนี้มาจากสื่อจีนอย่าง Mingjing Pro ซึ่งรายงานเมื่อวันที่ 4 กันยายน พร้อมระบุว่าได้ข้อมูลมาจากผู้เชี่ยวชาญของฝ่าย R&D ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ส่วนใจความระบุว่าภาครัฐของจีน อยู่ระหว่างการร่างมาตรฐานควบคุมมือเปิดประตูนอกรถยนต์ โดยอาจแล้วเสร็จภายในเดือนนี้ และอาจมีผลบังคับใช้อย่างไวสุดในเดือนกรกฏาคม 2027 ซึ่งนั่นย่อมส่งผลใหญ่ต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ จึงมีรายงานว่าภาครัฐจีนได้เริ่มแจ้งผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์หลายเจ้า เพื่อให้เตรียมการแล้ว
จริงอยู่ว่าร่างมาตรฐานฉบับดังกล่าวยังไม่มีผลบังคับใช้ และยังอยู่ในช่วงต้นของการเตรียมการ แต่ถ้ามีผลขึ้นมาย่อมส่งผลกระทบครั้งใหญ่ต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ เพราะต้องรื้อดีไซน์รถยนต์ใหม่หมด รวมถึงกระบวนการผลิตและผู้ผลิตชิ้นส่วนอีกด้วย รายงานยังระบุว่าสาเหตุที่ภาครัฐจีนคิดตั้งมาตรฐานขึ้นมาควบคุมมือเปิดประตูรถยนต์แบบนี้ ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากมีกรณีศึกษาหลายครั้งแล้วว่ามือเปิดประตูแบบนี้ไม่ทำงานหลังเกิดอุบัติเหตุ จนเป็นอุปสรรคต่อการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บที่ติดอยู่ในรถ
ในบางกรณี ยังทำงานล้มเหลวจากสภาพอากาศ ไม่ว่าจะเป็นหนาวระดับเยือกแข็งจนนำแข็งปกคลุมตัวถัง แล้วมือเปิดประตูยกตัวขึ้นมาไม่ได้ หรือฝนตกน้ำเข้าจนมอเตอร์ยกมือเปิดประตูช็อตก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีการยกสถิติการเกิดอุบัติเหตุที่เปิดประตูแบบนี้หนีบนิ้ว โดยมีทั้งหนีบมือเด็กและร้ายแรงจนกระดูกนิ้วแตกอีกด้วย ส่วนอีกประเด็นคือค่าซ่อมแซมแพงกว่ามือเปิดประตูธรรมดา เพราะมีทั้งกลไกและมอเตอร์ไฟฟ้า โดยนับทั้งในกรณีเกิดอุบัติเหตุหรือเสื่อมสภาพเอง
กลายเป็นว่าแทบจะไม่มีการกล่าวถึงประโยชน์ของมือเปิดประตูแบบนี้เลย นอกจากช่วยให้ดีไซน์รถดูล้ำสมัยและลู่ลม แต่ดันมีการโต้แย้งเรื่องประเด็นช่วยเพิ่มประสิทธิการรีดอากาศด้วย โดยระบุว่าผู้ผลิตรถยนต์มักโฆษณาว่ามือเปิดประตูแบบนี้ ช่วยลดแรงเสียดทานอากาศลง 0.03 Cd แต่จากงานศึกษาของ SAE พบว่าค่าเฉลี่ยจริงอาจเหลือ 0.005 – 0.01 Cd เท่านั้น และอาจช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองพลังงานได้เพียง 0.6 kWh / 100 กิโลเมตร ซึ่งแทบไม่มีผลต่อค่าใช้จ่ายเลยกับผู้ที่ชาร์จไฟบ้านเป็นหลัก แถมยังเพิ่มน้ำหนักรถขึ้นมาอีกราว 7 – 8 กิโลกรัม จากมอเตอร์และส่วนควบระบบ จนสุดท้ายแล้วกลายเป็นว่าไม่ได้ช่วยประหยัดขึ้นเลย
รายงานยังระบุด้วยว่ามาตรฐานควบคุมมือเปิดประตูนอกจากจีน ยังมีการกล่าวถึงกลไกปลดล็อคโดยอัตโนมัติในบางสภาวะ หรือหลังเกิดอุบัติเหตุด้วย ส่วนมือเปิดประตูแบบดั้งเดิม และแบบกึ่งซ่อนแต่มีช่องให้เอามือสอดเข้าไปอยู่ จะไม่ถูกแบนด้วยเพียงแต่จะมีการกำหนด ให้เพิ่มการทำงานแบบกลไกอย่างปุ่มกดในกรณีฉุกเฉิน เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ซึ่งประเด็นนี้น่าติดตามไม่น้อยเลย เพราะถ้าบังคับใช้จริง อาจนำไปสู่จุดเปลี่ยนของการออกแบบรถยนต์ทั้งโลก
ที่มา: carnewschina, carscoops