ชีวิตของเด็กไทย 6 คน ในการมา WAT 2014 และการหายไปของเอเจนซี่อย่างไร้วี่แวว !!

ถือว่าเป็นคราวซวยแล้วกันค่ะ  ซวยตั้งแต่ต้องต่อเครื่องจากสนามบินJFK แล้วค่ะ จองตั๋วให้ได้กระชันชิดมาก ทำเอาเกือบตกเครื่องอีก15นาทีเครื่องจะขึ้นเค้ายังไม่ผ่าน คอสต้อมตรวจกระเป๋าเลย ก็ต้องคุยกะเจ้าหน้าที่ให้เค้าเปิดอีกช่องให้เพื่อตรวจสอบ วุ่นวายมาก....พอไปถึงบอสตันกระเป๋าหาย ก็ต้องไปติดต่อกะเจ้าหน้าที่อีกว่ากระเป๋าฉันหาย ฉันมาเครื่องนี้เวลานี้ ต่อเครื่องที่นั่นที่นี่.....แต่โชคดีหน่อย กระเป๋ามากับเครื่องบินรอบต่อไปที่มาลงบอสตันค่ะ เลยได้รอแค่3-4 ชั่วโมง.....เนื่องจากที่จริงแล้วพอลงเครื่องจากบอสตันต้องไปต่อรถบาสต่อไปยังไปยังเมืองที่เค้าทำงาน
อีกประมาณ5 ชั่วโมง แต่คือลงเครื่องเวลากระชันชิดอีกแล้วทำให้ยังไงๆก็ไปต่อรถบาสไม่ทันอยู่แล้ว ( พอดีเรื่องนี้รู้ก่อนหน้าที่จะบินที่สุวรรณภูมิแล้ว เลยคุยกับเอเจ่นซี ทางบริษัทเลยให้เงินมา 100ดอลล่า เค้าออกค่าโรงแรมให้นอนคืนนึง และส่วนต่างที่เหลือก็ต้องจ่ายเอง )
.....เช้าวันต่อมาก็ไปขึ้นรถบาสที่ South West Station..ที่บอสตันค่ะ...ทุลักทุเลมาก ทั้งแก๊งมีหกคนก็ต้องรอกันช่วยกัน บอกเลยโชคดีเดินทางกับเพื่อน ถ้าไปคนเดียวนะรับรอง ชีวิตบัดซบกว่านี้แน่ๆ..ต่อๆ ก็ไปขึ้นรถที่ South West Station ก็นั่งรถไปต่ออีกประมาณ 3 ชั่วโมง รถออกเป็นเวลามากนะคะ ไม่มีใครรอใครค่ะ....การตรงต่อเวลาที่นี่สำคัญมาก.....พอมาถึงเมือง LEE รัฐ Massachusetts มาถึงตอนกลางคืนพอดี เหนื่อยมาก โคตรเหนื่อย ทั้งเหนื่อยทั้งหนาว ฝนตก......ต้อนรับกันดีมากค่ะ กราบบบบบบ!!!  พอมาถึงที่พัก
ตื่นตาตื่นใจจ้าาาา บ้านหลังใหญ่ ตัวข้างนอกบ้านก็น่ารักดี เหมือนบ้านในเดอะซิมเลย ทรงคล้ายๆกันก็มี...พอมาถึงบ้านเจ้าของบ้านมันบอกว่าต้องนอนห้องนั่งเล่นพวกมันไปก่อน อีกประมาณ2วันจะเสร็จ แต่ว่าห้องน้ำอีก 15 วัน เราเงิบบบบบจ้าาาา ......แย่ไหมล่ะเราเสียค่าโครงการมา เราเสียค่าบ้านให้พวกมันด้วยเดือนละต่อคน 300ดอลล่า ค่าประกันบ้านอีก 300ดอลล่า เราต้องมาแบ่งใช้กะพวกมัน
ที่สำคัญบางวันเราหนาวมาก เราเพิ่มฮีตเตอร์ในห้องนั่งเล่นเอง มันก็มาว่าบอกว่าอย่ามาหมุนปรับเอง ค่าไฟที่นี่แพง .....พอเราจะอาบน้ำมันก็บอกว่าอย่าอาบน้ำทุกวัน ให้อาบวันเว้นวันสลับกัน คือพวกมินมีกัน 6 คนไง...ส่วนเรื่องชักโครกมันก็เอาลวดตรงถังน้ำออกเพื่อไม่ให้กดน้ำได้ แต่คือที่เเรกเข้าใจว่าน้ำไม่ไหล แต่ที่ไหนได้มินนึกไงไม่รู้ก็เลยเปิดฝาถังน้ำขึ้นลองดึงๆเล่นๆดูปรากฏว่ากดได้จ้าาาา พ่อแม่เอ้ยยยย มันแค่เอาตัวโว่กะเหล็กที่ต้องเกี่ยวกันออก น้ำมันเลยกดไม่ได้...
เราปวกขี้เราก็ต้องอั่นขี้ จะขี้จะเหยี่ยวก็ลำบาก.....มันเอาน้ำล้างจาน ซักผ้า ถูกบ้าน มาใช้ต่อเป็นน้ำมือสองเอาไว้มาราดส้วม เข้าใจอารมณ์น้ำล้างจานปะที่มีเศษอาหารปนมาบ้างนิดหน่อยอ่ะ อี้ๆๆๆๆ -*-
ลืมบอกไปค่ะ ตามจ๊อบออฟเฟอร์งานคือต้องเริ่มงานวันที่ 31 มีนาคม.....แต่พอไปคุยกะนายจ้าง นายจ้างบอกว่าต้องได้ใบ Social Securety Card ก่อนถึงจะสามารถทำงานได้.....แล้วพวกเราก็อยู่โต๋เต๋ไปโดยว่างเปล่า สูญสิ้นเงินไปอย่างไร้ร่องรอย....เงินที่เสียไปไม่ได้เอาไปทำไรค่ะ เอาไปซื้ออาหารแช่แข็งมากินกันจ้าาาาาาา โหดร้ายกะพวกเรามาก ให้เรานอนห้องนั่งเล่น ใช้ห้องน้ำแบบลำบาก ยังไม่ให้เราทำกับข้าวอีก  ..............ให้ไมโครเวฟเรามาเครื่องเดียวผลัดกันใช้กันไป มาถึงบ้านนี้วันที่ 29 มีนา จนกระทั่งถึงตอนนี้มินก็ยังทำอาหารด้วยไมโครเวฟ....อยู่ผ่านไป10วัน วันที่11 บ้านที่ควรจะได้นอนตั้งแต่คืนแรกเสร็จค่ะ

แอบดีใจ^^


และมารู้ทีหลังว่ามันคือโรงรถที่มันเอามาทำเป็นห้องนอนให้เรา ไม่มีฮีตเตอร์ แต่มันให้ฮีตเตอร์เอนกประสงค์มา  แล้วเราก็ย้ายของจากห้องนั่งเล่นบ้านมัน มาไว้ที่ห้องนอนอันน้อยนิดของพวกเรา ห้องนอนหันหน้าชนกัน ส่วนที่ว่างระหว่างสองห้องนอน คือที่ทำอาหารของพวกเราค่ะ ไมโครเวฟและตู้เย็นไซต์เล็กอย่างละเครื่อง และห้องน้ำก็ยังไม่เสร็จอีกตามเคย

และเมื่อวานที่ 7 เมษาที่ผ่านมานี้มินก็ไปทำงานที่แมคโดนัลวันแรกค่ะ รู้สึกชีวิตดีขึ้น แต่ปัญหาใหญ่ที่ตามมาคือ ได้ทำกะดึก บ่ายสี่โมงเย็น - ห้าทุ่ม.....ปัญหาคือพวกเราไม่สามารถเดินไปทำงานได้เลยค่ะ คือบ้านมันไกลจากที่ทำงานมาก ส่วนทางก็เป็นเนินเขาสลับทางเรียบกันไป เพื่อนลองปั่นไปดูแล้วพากันหอบแฮกๆๆ กลับมา
โอ้ยยยยยฉันเพลีย..........วันที่ทำงานได้วันที่สามแล้ว ที่แมคโดนัลเค้าให้พวกเราทดลองงานเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ ทำวันเว้นวัน...คือมินทำงานกะกลางคืนตอนเลิกงานทางมันมืดมาก เปลี่ยว และคนแถวนี้บอกว่ามันมีหมี หมี!!!  ทางเปลี่ยว กลับดึก มีหมี โอ้ยยยยชีวิตช้านนนน ............และที่สำคัญทุกๆวันที่ไปทำงานคือต้องติดรถบ้านหลังนี้ไป พอมันออกไปทำงานเราก็ต้องแต่งตัวรอมันก่อน แล้วรอไปพร้อมมัน แต่มันบอกว่าเรื่องการติดรถไปทำงานเนี่ยมันไม่ได้อยู่ในสัญญาที่รวมกับกลับบ้านตั้งแต่แรก...
“And she said...U know nothing is FREE !!!! “ คร่าาาาาดีออก เรารู้ค่ะ.......ถ้าเรารู้มาก่อนหน้านี้ว่ากเราจะได้มาอยู่บ้านพวกมันแล้วก็ต้องเจอไรแบบนี้ ก็จะหาบ้านเองดอกคร่าาาาา ...........จนตอนนี้ก็พยายามแก้ปัญญหาไปเรื่อยๆ ค่อยๆแก้ไปทีละจุด แต่หากมันจำเป็นต้องเดินจริงๆ ก็คงต้องเดิน......... ส่วนเพื่อนร่วมงานดีมาก ผู้จัดการดีมาก คนในเมืองให้ความช่วยเหลือดีมาก.........

ลืมเล่าค่ะ  มันมีช่วงว่างของพวกเราที่เรายังไม่ได้ทำงาน พวกเรา6คนก็เดินเข้าไปในเมือง จากตัวบ้านมันกะในเมืองพวกอิฉันใช้เวลาเดินประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ ไปเดินดูเมืองพร้อมไปเดินหาบ้านหลังใหม่ และเราก็เดินเข้าไปในออฟฟิสนึง ที่เค้าเป็นนายหน้าขายบ้าน ผู้ชายคนนนี้ชือ แมท แมทใจดีมากกก เป็นคนอเมริกันแท้ ตาสีฟ้าสวยมาก ( ส่วนอิบ้านที่อิฉันอยู่เนี่ย เป็นชาวโคลัมเบียค่ะ และ รูเป เปรู ) ต่อๆๆ พวกอิฉันก็เดินบากหน้าไปขอความช่วยเหลือ และแมทก็รับปากว่าจะช่วยเราหาบ้านใหม่อย่างสุดความสามารถ
เราเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นภายในบ้านให้ฟัง เรื่องน้ำ เรื่องไฟ เรื่องอาหาร และแมทบอกว่า OH SHIT !! แมทบอกว่าในราคาที่พวกคุณจ่ายกันเนี่ยคุณควรจะได้บ้านที่เป็นบ้าน ไม่ใช่บ้านบนโรงรถ...พอเราได้ยินเท่านั้นเเระ น้ำตาเราแถบไหล คือเราทำอะไรไม่ได้ไง มาต่างที่ต่างแดนก็ต้องยอมไปก่อน ถ้าเกิดเราแบบต่อตอบไปที่ซุกหัวนอนก็ไม่มีจ้าาาาา .......หลังจากกลับจากออฟฟิสแมท สองวันต่อมานางก็เมล์มาบอกว่าหาบ้านได้แล้ว แต่ว่าเราอยู่ได้ถึงมิถุนายน ก็เลยต้องเลยผ่านไป เพราะพวกมินจะต้องอยู่ถึง กรกฏาคม    ตอนนี้
คือถ้าย้ายบ้านก็ต้องหาวิธีไปทำงาน
แต่ถ้าอยู่บ้านนี้ต่อก็ต้องติดรถมันไปทำงาน ซึ่งมันบอกว่าฉันไม่สามารถไปรับไปส่งพวกเทอทุกวันได้ เพราะฉันก็ทำงาน ฉันก็ต้องนอนให้ฉันตื่นไปรับพวกเทอ มันคงเป็นไปไม่ได้ เราจนปัญญาจริงๆ T^T

ตอนนี้ได้แต่เราความหวังจากแมท และผู้จัดการสุดใจดีว่าจะช่วยพวกเราได้ยังไง

คือมาม่าใกล้หมดแล้ว  ทำอาหารไทยกินก้ไม่ได้ ทั้งๆที่มีผงอาหารครบหลากหลายเมนู

.................................................................................

เอ้ออออ ก็ต้องสู้กันต่อไป จบค่ะ
ปล.
- น้องคนไหนที่จะมาโครงการWork & Travel นะคะ หัวใจน้องต้องแข็งแรงพอที่จะสามารถเผชิญปัญหาต่างๆได้ ไม่งั้นห้องไห้อยากกลั๊บบ้านจ้าาาาาาา จริงๆนะ
- ส่วนภาษาอังกฤษน้องควรแข็งแรงมากพอ คือ...พอรู้ได้ว่ามันแอบนินทาเรา (เพื่อนร่วมงาน)
- ตรวจสอบเรื่องที่พักให้ละเอียด ขอดูรูปภาพทุกๆอย่าง น้ำ ไฟ เนต ทุกอย่างรวมอยู่ในราคาบ้านที่น้องต้องจ่ายรึเปล่า

ตั้งแต่ 2 วันแรกที่เราเข้ามาอยู่เราพยายามติดต่อกับเอเจนซี่  ทางเอเจนซี่ก็บอกว่า ให้แยกกันได้ไหม เกิดจะหาที่อยู่ได้ง่ายขึ้น  พวกเราก็บอกกับทางเอเจ้นไปว่าไม่แยก (เข้าใจอารมณ์เดินทางมาด้วยกันเหนื่อยกับการหลงๆลืมๆ มาด้วยกันไหมคะ แล้วอยู่ๆก็ต้องจับแยก พวกเราเลยไม่แยก เราเข้าใจว่าพวกเราทำให้ความยากในการหาบ้านให้เรามันยากเข้าไปอีก ) แล้วหลังจากนั้นเอเจ้นซี่ของพวกเราก็ไม่ติดต่อมาอีกเลย จนถึงวันนี้ตอนนี้ .....

ทุกวันเราได้แต่หวังว่าเราจะมีรถไปทำงาน และเราสามารถขอให้คนที่ทำงานไปส่งได้ หรือไม่ก็บอกใครซักคนที่บ้าน พวกนางๆ ก็จะทำหน้ายากๆ แล้วบอกว่า”ฉันไม่ว่าง”
“รอฉันหน่อยได้ไหมหละ ประมาณ 1 ชั่วโมง”
“วันนี้ ฉันทำงาน 7 โมง พวกเธอทำ 8 โมง จะไปกับฉันไหม ฉันออก 6โมง 45 นะ ถ้าไม่ไป พวกเธอก็หาทางไปเองแล้วกัน”
“ฉันเลิกงาน 4 ทุ่ม แต่พวกเธอเลิก 6 ทุ่ม ฉันไม่สามารถรอรับพวกเธอได้หรอก ฉันก็ต้องทานตอนเช้าเหมือนกัน”

เราแค่หวังว่า พวกเราทั้ง 6 คน จะมีรถที่สามารถไปรับไปส่งเราทำงานได้ (หรือไม่ก็มีบ้านใกล้ๆ ที่ทำงาน ที่พวกเราสามารถปั่นจกรยานไปทำงานได้ โดยไม่ต้องเหนื่อย) มีห้องน้ำที่พวกเราสามารถเข้าได้ตลอดเวลา มีครัวให้พวกเราทำอาหาร ไม่ใช้กินแต่อาหารแช่แข็ง และมีการติดต่อจากทางเอเจ้นซี่ของพวกเราซะที
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่