วันนี้ไปซื้อของที่ห้างบิ๊กซีมาค่ะ
เหลือบไปเห็นสินค้าในกระบะ เป็นสติ๊กเนื้อ ราคา 23 บาท (ตามภาพ) เลยคิดว่าซื้อไปให้ตาแก่ที่บ้านดีกว่า (หมานะคะไม่ใช่สามี ^ ^)
ถึงเวลาจ่ายเงิน ก็จ่ายปกติ แต่ด้วยความที่มีประสบการณ์หลายครั้งในเรื่องราคาป้ายไม่ตรงกับตอนคิดเงิน
ทำให้ติดนิสัยต้องเช๊คบิลบ่อยๆค่ะ
แล้วก็นั้นไง โป๊ะเช๊ะ!!!
สติ๊กเนื้อของตาแก่ กระบะบอกราคา 23 คิดจริง 35

เราเลยไปจุดบริการลูกค้า เพื่อให้เขาจัดการให้ แถมถ่ายรูปไปให้เขาดูด้วย
เจ้าหน้าที่เลยถามว่า สินค้าคละกันหรือเปล่า เราก็บอกว่าคละกัน แต่ก็เห็นมีราคาเดียวนี่
สุดท้าย ผู้จัดการไปตรวจสอบให้ แล้วบอกเราว่า บาร์โค้ดสติ๊กเนื้อที่เราซื้อ คือ ซอฟท์ สติ๊ก วิท ชิคเก้น มีท
กับบาร์โค้ดสินค้าชื่อเดียวกัน มันคนละบาร์โค้ดกันค่ะ ทำให้ราคาสินค้าแตกต่างกันไปด้วย
อ้าววววววว!!!!! ฉันงง
ประเด็นคือ
1. สินค้าคนละตัว แต่ดันเอามาใส่กระบะราคาเดียวกันทำไม ให้คิดว่าราคา 23 บาท
2. ตามปกติ เวลาซื้อสินค้าลดราคาที่เป็นป้ายสีแดง เราจะพยายามเช๊คดูตลอดว่าสินค้าที่เราเอามา มันเป็นตัวเดียวกับที่ลดราคาไหม เพราะบางทีวางปนๆกัน คนไม่รู้ก็หยิบมา พอคิดเงินบอกว่า เป็นสินค้าคนละตัว เช่น ปลาทูน่าเนื้อชิ้นในน้ำแร่ กับปลาทูน่าเนื้อชิ้นในน้ำมัน ตัวนึงลดราคา (ป้ายแดง เขียนไว้ตัวเล็กๆ) แต่อีกตัวไม่ลดราคา แต่ดันวางปนๆกัน คนไม่ทันดูก็นึกว่าเป็นราคาป้ายแดงกันหมด อันนี้เป็นความสะเพร่าของคนซื้อเอง
แต่ๆๆๆๆๆๆ อิสินค้าที่เราซื้อเนี่ย มันชื่อเดียวกันเลยนะคะ คือ ซอฟท์ สติ๊ก วิท ชิคเก้น มีท แต่ราคาแตกต่างกัน เพราะบาร์โค้ดคนละตัวค่ะ!!!
แว๊กกกกกกกกกกก นี่คราวหลังเวลาไปซื้อของ ดูชื่อสินค้าอย่างเดียวไม่ได้แล้วใช่ไหมต้องจ้องไปที่บาร์โค้ดเลยนะ ว่ารหัสบาร์โค้ดมันตัวเดียวกันหรือคนละตัว ฉันมีเวลาว่างทั้งวันเลยซินะ หึ!!
3. คนไม่ละเอียด ซื้อแล้วไม่ตรวจบิล ได้ไปกี่บาทล่ะแต่ละวัน มหาศาลนะคะ
เรื่องนี้จบลงที่เราโวย แต่ผู้จัดการไม่อยากให้เรื่องยาว เลยขอคืนเงินส่วนต่างให้
แต่ก็เห็นว่าไม่ได้ไปเอาสินค้าออกจากกระบะแต่อย่างใด


เดี๋ยวนี้ซื้อของ ดูราคาอย่างเดียวไม่ได้แล้ว ต้องดูไปถึงบาร์โค้ดกันเลย
เหลือบไปเห็นสินค้าในกระบะ เป็นสติ๊กเนื้อ ราคา 23 บาท (ตามภาพ) เลยคิดว่าซื้อไปให้ตาแก่ที่บ้านดีกว่า (หมานะคะไม่ใช่สามี ^ ^)
ถึงเวลาจ่ายเงิน ก็จ่ายปกติ แต่ด้วยความที่มีประสบการณ์หลายครั้งในเรื่องราคาป้ายไม่ตรงกับตอนคิดเงิน
ทำให้ติดนิสัยต้องเช๊คบิลบ่อยๆค่ะ
แล้วก็นั้นไง โป๊ะเช๊ะ!!!
สติ๊กเนื้อของตาแก่ กระบะบอกราคา 23 คิดจริง 35
เราเลยไปจุดบริการลูกค้า เพื่อให้เขาจัดการให้ แถมถ่ายรูปไปให้เขาดูด้วย
เจ้าหน้าที่เลยถามว่า สินค้าคละกันหรือเปล่า เราก็บอกว่าคละกัน แต่ก็เห็นมีราคาเดียวนี่
สุดท้าย ผู้จัดการไปตรวจสอบให้ แล้วบอกเราว่า บาร์โค้ดสติ๊กเนื้อที่เราซื้อ คือ ซอฟท์ สติ๊ก วิท ชิคเก้น มีท
กับบาร์โค้ดสินค้าชื่อเดียวกัน มันคนละบาร์โค้ดกันค่ะ ทำให้ราคาสินค้าแตกต่างกันไปด้วย
อ้าววววววว!!!!! ฉันงง
ประเด็นคือ
1. สินค้าคนละตัว แต่ดันเอามาใส่กระบะราคาเดียวกันทำไม ให้คิดว่าราคา 23 บาท
2. ตามปกติ เวลาซื้อสินค้าลดราคาที่เป็นป้ายสีแดง เราจะพยายามเช๊คดูตลอดว่าสินค้าที่เราเอามา มันเป็นตัวเดียวกับที่ลดราคาไหม เพราะบางทีวางปนๆกัน คนไม่รู้ก็หยิบมา พอคิดเงินบอกว่า เป็นสินค้าคนละตัว เช่น ปลาทูน่าเนื้อชิ้นในน้ำแร่ กับปลาทูน่าเนื้อชิ้นในน้ำมัน ตัวนึงลดราคา (ป้ายแดง เขียนไว้ตัวเล็กๆ) แต่อีกตัวไม่ลดราคา แต่ดันวางปนๆกัน คนไม่ทันดูก็นึกว่าเป็นราคาป้ายแดงกันหมด อันนี้เป็นความสะเพร่าของคนซื้อเอง
แต่ๆๆๆๆๆๆ อิสินค้าที่เราซื้อเนี่ย มันชื่อเดียวกันเลยนะคะ คือ ซอฟท์ สติ๊ก วิท ชิคเก้น มีท แต่ราคาแตกต่างกัน เพราะบาร์โค้ดคนละตัวค่ะ!!!
แว๊กกกกกกกกกกก นี่คราวหลังเวลาไปซื้อของ ดูชื่อสินค้าอย่างเดียวไม่ได้แล้วใช่ไหมต้องจ้องไปที่บาร์โค้ดเลยนะ ว่ารหัสบาร์โค้ดมันตัวเดียวกันหรือคนละตัว ฉันมีเวลาว่างทั้งวันเลยซินะ หึ!!
3. คนไม่ละเอียด ซื้อแล้วไม่ตรวจบิล ได้ไปกี่บาทล่ะแต่ละวัน มหาศาลนะคะ
เรื่องนี้จบลงที่เราโวย แต่ผู้จัดการไม่อยากให้เรื่องยาว เลยขอคืนเงินส่วนต่างให้
แต่ก็เห็นว่าไม่ได้ไปเอาสินค้าออกจากกระบะแต่อย่างใด