Tokyo , Japan
12 – 18 March 2014
ขออกตัวก่อนเลย ว่า จขกท. ไม่เคย Review Trip มาก่อนเลยค่ะ
แต่วนเวียนอยู่กับห้องบลูมานาน ได้ข้อมูลมาเป็น Guide นำเที่ยว เลยอยากขอมาแชร์ข้อมูลบ้างค่ะ
ทริปนี้ เราใช้เงินในการเที่ยว กิน อยู่ แค่ 28,000 บาท เท่านั้นค่ะ โดยประมาน สำหรับ 6 วัน 5 คืน !!!
(คิดเฉพาะ ค่าพาหนะ , ค่ากิน , ค่าอยู่ , ตั๋วผ่านประตู )
ผู้ร่วมทริป : มนุษย์เงินเดือน ทั้งหมด 4 คนค่ะ
ตั๋วเครื่องบิน + ที่พัก : เราจองผ่าน Expedia ที่ออกโปรมาช่วง เดือนกุมภา พร้อมกับ Cathay ที่ออกโปร มาช่วงเดียวกัน
เราเลยสอยตั๋วเครื่องบิน พร้อมที่พัก 6 วัน 5 คืน ในราคา 20,400 บาท เท่านั้นเองค่ะ
Plan การเที่ยว
Day 1 : พระราชวังอิมพีเรียล + Ikebukuro
Day 2 : วัดอาซะคุสะ + Odaiba
Day 3 : 1 Day Trip ( ภูเขาไฟฟูจิ + ไร่สตอร์เบอร์รี่ ) + Shinjuku
Day 4 : Kamakura + Shibuya
Day 5 : Disney Sea + Akihabara
Day 6 : พักเหนื่อย + กินเนื้อย่าง ที่ Ginza ไป Haneda
Review Trip Tokyo แบบประหยัด
Part 1 :
http://pantip.com/topic/31901447
Part 2 :
http://pantip.com/topic/31919523
Day 1 BKK – Narita - Tokyo Imperial Palace – Ikebukuro
เราเริ่มเดินทางด้วย CX712 เวลา 5 โมงโดยประมาน เพื่อไป Transit ที่ HKK ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น
เราก็ถึง สนามบินนานาชาติ ฮ่องกง เดินเล่นซักพัก เจอ Ironman เลยขอถ่ายไว้หน่อยค่ะ จขกท. ชอบส่วนตัวค่ะ
ระหว่างที่รอ ขึ้นเครื่องที่ฮ่องกง เราก็หลับกินแรง จนถึง ตี 1 ถึงขึ้นเครื่อง CX 524 มีคนไทยที่ไปพร้อมกันเกินครึ่งลำค่ะ
ชุดอาหาร ขาแรก BKK - HKK เป็น พะแนงหมู รสชาติอร่อยทีเดียวเลย
อาหารรอบที่ 2 เป็นเบา ๆ สำหรับ ไฟลท์ดึกค่ะ เค้กกล้วยหอม น้ำผลไม้
ตอนนี้ถึง Narita Airport แล้วค่ะ ณ เวลา 6 โมง อุณหภูมิข้างนอก อยุ่ประมาน 3-4 องศา ตามที่กัปตันประกาศ >_<
เครื่องบิน JAL สัญชาติญี่ปุ่น จอดรอ ออกไฟล์ทเช้า
Narita ของแท้ ต้องเจอพนักงานหญิงท่านนี้ ที่ทำงานขยันขันแข็งเป็นอย่างมาก "Welcome to Narita Airport"
เราต้องตรวจ ตม. กันค่ะ ซึ่งใช้เวลานานพอสมควรเลยค่ะ ประมานครึ่งชั่วโมง ถ้าใครไม่อยากเสียเวลา ลงจากเครื่องก็ตรงดิ่งเข้าไปก่อนเลยค่ะ ไม่ต้องเสียเวลารอ
พอออกจาก Gate แล้ว สำหรับคนที่จะเที่ยวรอบโตเกียวอย่างเรา ตั๋วที่ใช้ คือตั๋ว Day ค่ะ ให้ซื้อตั้งแต่สนามบินเลยค่ะ คุ้มมาก
ราคาถูกกว่าซื้อเองข้างนอก มีให้เลือก 1 Day และ 2 Day วิธีการนับวันใช้งาน ก็เหมือน BTS บ้านเรา นับเป็นวัน ไม่ได้นับเป็นชั่วโมงนะค่ะ จขกท. ก็จัดไปเลยค่ะ 8 ใบ คนละ 2 ใบ ราคา ใบละ 980 YEN
วิธีเข้าไปในเมือง ทริปนี้ เราเดินทางโดย Keisei Line ลงสถานี Senju osashi ซึ่งใกล้กับที่พักเรา ต้องลงไปเปลี่ยนรถไฟ ที่สถานี Aoto สนนการเดินทางครั้งนี้แค่ 950 YEN เท่านั้น ( ย้ำอีกนิดว่า ให้นั่ง Limited Express จะได้ไม่หวานเย็นค่ะ)
งงอยู่พักหนึ่ง ว่า Aoto คือสถานีตรงไหน เพราะอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก สุดท้ายถามคุณลุงที่ยืนข้างหน้า เราเลยลงถูกค่ะ
-_-“ เกือบจะได้หลงตั้งแต่ก้าวออกสนามบินแล้ว
เราพักที่ Hotel Meigetsu อยู่แถว Minami Senju ที่พักราคาประหยัด ไม่แน่ใจว่าเราคาจริงเท่าไร ดูใน Agoda รวม Service Charge อยู่ประมาน 45-50 USD ต่อ 1 ห้อง
เราจองแบบเตียง Semi ไปค่ะ ซึ่งแคบมากกก แต่ไม่เป็นไรค่ะ เพราะเราพักเพื่อซุกหัวนอนอย่างเดียว ที่นี่ เป็นคล้าย Home stay
คนพัก ส่วนใหญ่เป็นฝรั่งและคนญี่ปุ่น ส่วนตัวชอบมากค่ะ แยกเป็นสัดส่วนชัดเจน มีมุมครัวด้วยนะค่ะ สามารถทำอาหารกินเองได้
สภาพภายในโรงแรม OK มากค่ะ คราวหน้าถ้าไปโตเกียว ก็อยากจะพักที่นี่อีก สะดวกสบายดีค่ะ
เราเริ่มออกเดินทาง หลังจากเก็บของเสร็จ เพื่อไป Imperial Palace เราไปตามคำแนะนำหนังสือ JNTO เดินเอาขาลากเหมือนกันค่ะ
http://www.jnto.go.jp/eng/location/regional/tokyo/imperial.html
เส้นทาง Subway : Minami senju ---- > Kita-senju -----> Nijubashimae
ที่นี่เดินเล่น ชมวิวได้เรื่อย ๆ ค่ะ วิวสวย และเราก้ได้ถ่ายรูปซากุระ ที่แรก ที่นี่แหละค่ะ ^^
เส้นทางการเดินจะเป็นลักษณะคล้ายวงกลม จะมีสวนญี่ปุ่น อยู่ข้าง ๆ เราเข้าไปถ่ายรูปได้ค่ะ ฟรีคะ แต่ต้องเดินอ้อมไปด้านหน้านิดนึง
หลังจากเดินชมเสร็จ มีฝนตกปอย ๆ ซึ่งเจ้าของ โรงแรมก้ใจดี ให้เรายืมร่มมา เพราะบอกวันนี้ฝนจะตก (พยากรณ์แม่นดีจัง)
เราก็จะไป Ikebukuro เหมือน Siam บ้านเราอะค่ะ
เส้นทาง Subway : Takebashi ---- > Lidabashi -----> Ikebukuro
เดิมทีเราตั้งใจจะไป Sunshine 60 และ Namja Town cแต่ด้วยฝนตกหนักมาก เราเลยเปลี่ยนแผนไม่ได้ไป Sunshine 60
เปลี่ยนแผนเป็น Shopping และไปกิน ราเม็ง Mutekiya แทน Confirm ว่าอร่อยจริงอร่อยจัง และชามใหญ่ดีค่ะ ค่าเสียหายอยุ่ที่ 980 YEN ค่ะ
Website ร้าน :
http://www.mutekiya.com/world/index.html
พอกินเสร็จ ฝนกระหน่ำตกมาไม่หยุดเลยค่ะ จขกท. รองเท้าผ้าใบเละไปเรียบร้อย เลยสอยบู้ทมา 1 คู่ ซึ่งก้ช่วยได้มากค่ะ
ไม่ต้องหนาวเท้าเท่าไร อากาศหนาว แล้วยังฝนตกอีก โชคไม่ดีเลยค่ะ T-T
Namja Town อยุ่ใน Sunshine City ค่ะ มีเกมส์ให้เล่น หรือจะซื้อบัตรเข้าไปถ่ายรูป ไปดูอย่างเดียวก็ได้ค่ะ จขกท เลือกบัตรดูอย่างเดียวค่ะ เพราะคงจะเล่นเกมส์อะไรไม่ได้ เพราะอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก ค่าเสียหายอยู่ที่ 500 YEN ค่ะ
บริเวณส่วนแรก ของ Namja ค่ะ
ที่นี่มีรวมร้านเกิ๊ยวซ่าชื่อดังด้วยนะค่ะ
และมุมสุดท้าย ที่เราแอบเห็น Display anime โอตาคุน่องเหล็ก เลยถ่ายรูปคู่ซะหน่อย
เราเดินดูร้านไปเรื่อย ๆ จนถึงประมาน 4 ทุ่ม ก็กลับไปเช็คดินที่พัก เพื่อเอาแรงสำหรับวันพรุ่งนี้ต่อค่ะ
ค่าใช้จ่าย Day 1
- ค่าตั๋วเครื่องบิน + ที่พัก 20,400 บาท
- ค่าตั๋ว Kisei Line 950 YEN
- ค่าตั๋ว Day 1,960 YEN
- มื้อเที่ยง ร้านสะดวกซื้อ ข้าวปั้น + กาแฟ = 300 YEN
- มื้อเย็น = 980 YEN
-ตั๋วเข้า Namja Town = 500 YEN
รวม (JPY) = 4690 YEN / 20,500 บาท
[CR] [Review] Backpack Japan Trip@Tokyo 6 วัน 5 คืน งบไม่เกิน 3 หมื่น !!! (Part 1)
12 – 18 March 2014
ขออกตัวก่อนเลย ว่า จขกท. ไม่เคย Review Trip มาก่อนเลยค่ะ
แต่วนเวียนอยู่กับห้องบลูมานาน ได้ข้อมูลมาเป็น Guide นำเที่ยว เลยอยากขอมาแชร์ข้อมูลบ้างค่ะ
ทริปนี้ เราใช้เงินในการเที่ยว กิน อยู่ แค่ 28,000 บาท เท่านั้นค่ะ โดยประมาน สำหรับ 6 วัน 5 คืน !!!
(คิดเฉพาะ ค่าพาหนะ , ค่ากิน , ค่าอยู่ , ตั๋วผ่านประตู )
ผู้ร่วมทริป : มนุษย์เงินเดือน ทั้งหมด 4 คนค่ะ
ตั๋วเครื่องบิน + ที่พัก : เราจองผ่าน Expedia ที่ออกโปรมาช่วง เดือนกุมภา พร้อมกับ Cathay ที่ออกโปร มาช่วงเดียวกัน
เราเลยสอยตั๋วเครื่องบิน พร้อมที่พัก 6 วัน 5 คืน ในราคา 20,400 บาท เท่านั้นเองค่ะ
Plan การเที่ยว
Day 1 : พระราชวังอิมพีเรียล + Ikebukuro
Day 2 : วัดอาซะคุสะ + Odaiba
Day 3 : 1 Day Trip ( ภูเขาไฟฟูจิ + ไร่สตอร์เบอร์รี่ ) + Shinjuku
Day 4 : Kamakura + Shibuya
Day 5 : Disney Sea + Akihabara
Day 6 : พักเหนื่อย + กินเนื้อย่าง ที่ Ginza ไป Haneda
Review Trip Tokyo แบบประหยัด
Part 1 : http://pantip.com/topic/31901447
Part 2 : http://pantip.com/topic/31919523
Day 1 BKK – Narita - Tokyo Imperial Palace – Ikebukuro
เราเริ่มเดินทางด้วย CX712 เวลา 5 โมงโดยประมาน เพื่อไป Transit ที่ HKK ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น
เราก็ถึง สนามบินนานาชาติ ฮ่องกง เดินเล่นซักพัก เจอ Ironman เลยขอถ่ายไว้หน่อยค่ะ จขกท. ชอบส่วนตัวค่ะ
ระหว่างที่รอ ขึ้นเครื่องที่ฮ่องกง เราก็หลับกินแรง จนถึง ตี 1 ถึงขึ้นเครื่อง CX 524 มีคนไทยที่ไปพร้อมกันเกินครึ่งลำค่ะ
ชุดอาหาร ขาแรก BKK - HKK เป็น พะแนงหมู รสชาติอร่อยทีเดียวเลย
อาหารรอบที่ 2 เป็นเบา ๆ สำหรับ ไฟลท์ดึกค่ะ เค้กกล้วยหอม น้ำผลไม้
ตอนนี้ถึง Narita Airport แล้วค่ะ ณ เวลา 6 โมง อุณหภูมิข้างนอก อยุ่ประมาน 3-4 องศา ตามที่กัปตันประกาศ >_<
เครื่องบิน JAL สัญชาติญี่ปุ่น จอดรอ ออกไฟล์ทเช้า
Narita ของแท้ ต้องเจอพนักงานหญิงท่านนี้ ที่ทำงานขยันขันแข็งเป็นอย่างมาก "Welcome to Narita Airport"
เราต้องตรวจ ตม. กันค่ะ ซึ่งใช้เวลานานพอสมควรเลยค่ะ ประมานครึ่งชั่วโมง ถ้าใครไม่อยากเสียเวลา ลงจากเครื่องก็ตรงดิ่งเข้าไปก่อนเลยค่ะ ไม่ต้องเสียเวลารอ
พอออกจาก Gate แล้ว สำหรับคนที่จะเที่ยวรอบโตเกียวอย่างเรา ตั๋วที่ใช้ คือตั๋ว Day ค่ะ ให้ซื้อตั้งแต่สนามบินเลยค่ะ คุ้มมาก
ราคาถูกกว่าซื้อเองข้างนอก มีให้เลือก 1 Day และ 2 Day วิธีการนับวันใช้งาน ก็เหมือน BTS บ้านเรา นับเป็นวัน ไม่ได้นับเป็นชั่วโมงนะค่ะ จขกท. ก็จัดไปเลยค่ะ 8 ใบ คนละ 2 ใบ ราคา ใบละ 980 YEN
วิธีเข้าไปในเมือง ทริปนี้ เราเดินทางโดย Keisei Line ลงสถานี Senju osashi ซึ่งใกล้กับที่พักเรา ต้องลงไปเปลี่ยนรถไฟ ที่สถานี Aoto สนนการเดินทางครั้งนี้แค่ 950 YEN เท่านั้น ( ย้ำอีกนิดว่า ให้นั่ง Limited Express จะได้ไม่หวานเย็นค่ะ)
งงอยู่พักหนึ่ง ว่า Aoto คือสถานีตรงไหน เพราะอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก สุดท้ายถามคุณลุงที่ยืนข้างหน้า เราเลยลงถูกค่ะ
-_-“ เกือบจะได้หลงตั้งแต่ก้าวออกสนามบินแล้ว
เราพักที่ Hotel Meigetsu อยู่แถว Minami Senju ที่พักราคาประหยัด ไม่แน่ใจว่าเราคาจริงเท่าไร ดูใน Agoda รวม Service Charge อยู่ประมาน 45-50 USD ต่อ 1 ห้อง
เราจองแบบเตียง Semi ไปค่ะ ซึ่งแคบมากกก แต่ไม่เป็นไรค่ะ เพราะเราพักเพื่อซุกหัวนอนอย่างเดียว ที่นี่ เป็นคล้าย Home stay
คนพัก ส่วนใหญ่เป็นฝรั่งและคนญี่ปุ่น ส่วนตัวชอบมากค่ะ แยกเป็นสัดส่วนชัดเจน มีมุมครัวด้วยนะค่ะ สามารถทำอาหารกินเองได้
สภาพภายในโรงแรม OK มากค่ะ คราวหน้าถ้าไปโตเกียว ก็อยากจะพักที่นี่อีก สะดวกสบายดีค่ะ
เราเริ่มออกเดินทาง หลังจากเก็บของเสร็จ เพื่อไป Imperial Palace เราไปตามคำแนะนำหนังสือ JNTO เดินเอาขาลากเหมือนกันค่ะ http://www.jnto.go.jp/eng/location/regional/tokyo/imperial.html
เส้นทาง Subway : Minami senju ---- > Kita-senju -----> Nijubashimae
ที่นี่เดินเล่น ชมวิวได้เรื่อย ๆ ค่ะ วิวสวย และเราก้ได้ถ่ายรูปซากุระ ที่แรก ที่นี่แหละค่ะ ^^
เส้นทางการเดินจะเป็นลักษณะคล้ายวงกลม จะมีสวนญี่ปุ่น อยู่ข้าง ๆ เราเข้าไปถ่ายรูปได้ค่ะ ฟรีคะ แต่ต้องเดินอ้อมไปด้านหน้านิดนึง
หลังจากเดินชมเสร็จ มีฝนตกปอย ๆ ซึ่งเจ้าของ โรงแรมก้ใจดี ให้เรายืมร่มมา เพราะบอกวันนี้ฝนจะตก (พยากรณ์แม่นดีจัง)
เราก็จะไป Ikebukuro เหมือน Siam บ้านเราอะค่ะ
เส้นทาง Subway : Takebashi ---- > Lidabashi -----> Ikebukuro
เดิมทีเราตั้งใจจะไป Sunshine 60 และ Namja Town cแต่ด้วยฝนตกหนักมาก เราเลยเปลี่ยนแผนไม่ได้ไป Sunshine 60
เปลี่ยนแผนเป็น Shopping และไปกิน ราเม็ง Mutekiya แทน Confirm ว่าอร่อยจริงอร่อยจัง และชามใหญ่ดีค่ะ ค่าเสียหายอยุ่ที่ 980 YEN ค่ะ
Website ร้าน : http://www.mutekiya.com/world/index.html
พอกินเสร็จ ฝนกระหน่ำตกมาไม่หยุดเลยค่ะ จขกท. รองเท้าผ้าใบเละไปเรียบร้อย เลยสอยบู้ทมา 1 คู่ ซึ่งก้ช่วยได้มากค่ะ
ไม่ต้องหนาวเท้าเท่าไร อากาศหนาว แล้วยังฝนตกอีก โชคไม่ดีเลยค่ะ T-T
Namja Town อยุ่ใน Sunshine City ค่ะ มีเกมส์ให้เล่น หรือจะซื้อบัตรเข้าไปถ่ายรูป ไปดูอย่างเดียวก็ได้ค่ะ จขกท เลือกบัตรดูอย่างเดียวค่ะ เพราะคงจะเล่นเกมส์อะไรไม่ได้ เพราะอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก ค่าเสียหายอยู่ที่ 500 YEN ค่ะ
บริเวณส่วนแรก ของ Namja ค่ะ
ที่นี่มีรวมร้านเกิ๊ยวซ่าชื่อดังด้วยนะค่ะ
และมุมสุดท้าย ที่เราแอบเห็น Display anime โอตาคุน่องเหล็ก เลยถ่ายรูปคู่ซะหน่อย
เราเดินดูร้านไปเรื่อย ๆ จนถึงประมาน 4 ทุ่ม ก็กลับไปเช็คดินที่พัก เพื่อเอาแรงสำหรับวันพรุ่งนี้ต่อค่ะ
ค่าใช้จ่าย Day 1
- ค่าตั๋วเครื่องบิน + ที่พัก 20,400 บาท
- ค่าตั๋ว Kisei Line 950 YEN
- ค่าตั๋ว Day 1,960 YEN
- มื้อเที่ยง ร้านสะดวกซื้อ ข้าวปั้น + กาแฟ = 300 YEN
- มื้อเย็น = 980 YEN
-ตั๋วเข้า Namja Town = 500 YEN
รวม (JPY) = 4690 YEN / 20,500 บาท