ไปดูเรื่องนี้เพราะผู้กำกับเลยครับ
ใช่คนนี้หรือเปล่าที่กำกับ black swan สุดยอดหนังเขย่าขวัญเรื่องนั้น
หวั่นๆใจอยู่ว่าได้งบเยอะมาทำหนังใหญ่แบบนี้ จะยังคุมหนังให้อยู่หมัดได้หรือเปล่า
หลังดูจบ ตอบได้เลยว่า นี่เป็นผู้กำกับอีกคนที่เจอเงินหนา แล้วเกิดอาการ "เป๋"
มันคงมีหลายเหตุผล เรื่องที่ว่าต้องทำความต้องการของนายทุน นั่นก็คงพอจะเอามาเป็นข้อแก้ตัวได้บ้าง
ไม่รู้ว่าการแช่กล้องจับที่ใบหน้าตัวละคร แล้วพูดวลีสั้นๆออกมา โดยที่คนดูดูไม่ออกเลยว่ามันจะทำหน้าแบบนั้นไปเพื่ออะไร หรือเกิดสาเหตุใด เป็นสไตล์เฉพาะตัวหรือเปล่า เพราะในหนังเรื่องนี้ มีช็อตอย่างที่ว่าเยอะมากจริงๆ
ในครึ่งแรกนั้น หนังใช้วิธีเล่าเรื่องเหมือนสารคดี BBC ที่สามารถนำไปฉายในคาบวิชา สปช. ได้เลยครับ คนเล่าก็เล่าไป คนฟังก็ฟังไป ไม่มีจุดหักเหใดๆให้ตื่นเต้น ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบเรียบ จืดชืด ยังดีที่พอมีภาพสวยๆให้แก้ขัดได้บ้าง
แต่หลังจากครึ่งหลังที่น้ำเริ่มท่วม นั่นแหละ ความหวังของคนดูที่จะเห็นผู้กำกับ "โชว์ของ" ก็เริ่มสว่างใสวขึ้นมา
แง่มุมด้านจิตวิทยาเริ่มทุกเอามาใช้ ถึงตอนนี้คนดูก็จะเริ่มมีอารมณ์ร่วมไปได้บ้าง เพราะเราก็สงสัยอยู่ว่าสิ่งที่ตัวเอกกำลังทำอยู่นั้นมันถูกหรือผิด
แต่อย่างที่บอกไปว่า เนื่องด้วยครึ่งแรกของหนังที่ปูมาไม่แน่นเลย เสียเวลาไปกับฉากที่ไม่จำเป็น ทำให้เราไม่ "อิน" กับสิ่งที่ตัวละครแสดงออกสักเท่าไหร่ และเมื่อถึงฉากที่ทุกคนต่างก็ระเบิดอารมณ์ ความรู้สึกที่ได้คือ "โอเวอร์แอ๊กติ้ง" ไปหน่อย
สำหรับผม เรื่องนี้ก็ถือว่าคุ้มตังค์อยู่ครับ เพราะนอกจากจะได้รู้จักเรื่องราวของโนอาร์มากขึ้นแล้ว (เรื่องไม่ตรงกับพระคัมภีร์เหรอ อ้าวว) ยังได้เห็นภาพสวยๆ ซึ่งในหนังจริง ดูอลังการกว่าในตัวอย่างหลายฉากเลย
และแง่มุมเรื่องของมนุษย์ที่เกิดมาเพื่อทำลายบ้านที่ตัวเองอยู่นั้นก็นำเสนอได้น่าสนใจ
จากชื่อผู้กำกับผมอาจหวังเยอะไปหน่อยครับ
NOAH ภาพสวยมาก แต่หนังไม่กลมกล่อม ช่วงแรกกับช่วงหลังเหมือนหนังคนละม้วน
ใช่คนนี้หรือเปล่าที่กำกับ black swan สุดยอดหนังเขย่าขวัญเรื่องนั้น
หวั่นๆใจอยู่ว่าได้งบเยอะมาทำหนังใหญ่แบบนี้ จะยังคุมหนังให้อยู่หมัดได้หรือเปล่า
หลังดูจบ ตอบได้เลยว่า นี่เป็นผู้กำกับอีกคนที่เจอเงินหนา แล้วเกิดอาการ "เป๋"
มันคงมีหลายเหตุผล เรื่องที่ว่าต้องทำความต้องการของนายทุน นั่นก็คงพอจะเอามาเป็นข้อแก้ตัวได้บ้าง
ไม่รู้ว่าการแช่กล้องจับที่ใบหน้าตัวละคร แล้วพูดวลีสั้นๆออกมา โดยที่คนดูดูไม่ออกเลยว่ามันจะทำหน้าแบบนั้นไปเพื่ออะไร หรือเกิดสาเหตุใด เป็นสไตล์เฉพาะตัวหรือเปล่า เพราะในหนังเรื่องนี้ มีช็อตอย่างที่ว่าเยอะมากจริงๆ
ในครึ่งแรกนั้น หนังใช้วิธีเล่าเรื่องเหมือนสารคดี BBC ที่สามารถนำไปฉายในคาบวิชา สปช. ได้เลยครับ คนเล่าก็เล่าไป คนฟังก็ฟังไป ไม่มีจุดหักเหใดๆให้ตื่นเต้น ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบเรียบ จืดชืด ยังดีที่พอมีภาพสวยๆให้แก้ขัดได้บ้าง
แต่หลังจากครึ่งหลังที่น้ำเริ่มท่วม นั่นแหละ ความหวังของคนดูที่จะเห็นผู้กำกับ "โชว์ของ" ก็เริ่มสว่างใสวขึ้นมา
แง่มุมด้านจิตวิทยาเริ่มทุกเอามาใช้ ถึงตอนนี้คนดูก็จะเริ่มมีอารมณ์ร่วมไปได้บ้าง เพราะเราก็สงสัยอยู่ว่าสิ่งที่ตัวเอกกำลังทำอยู่นั้นมันถูกหรือผิด
แต่อย่างที่บอกไปว่า เนื่องด้วยครึ่งแรกของหนังที่ปูมาไม่แน่นเลย เสียเวลาไปกับฉากที่ไม่จำเป็น ทำให้เราไม่ "อิน" กับสิ่งที่ตัวละครแสดงออกสักเท่าไหร่ และเมื่อถึงฉากที่ทุกคนต่างก็ระเบิดอารมณ์ ความรู้สึกที่ได้คือ "โอเวอร์แอ๊กติ้ง" ไปหน่อย
สำหรับผม เรื่องนี้ก็ถือว่าคุ้มตังค์อยู่ครับ เพราะนอกจากจะได้รู้จักเรื่องราวของโนอาร์มากขึ้นแล้ว (เรื่องไม่ตรงกับพระคัมภีร์เหรอ อ้าวว) ยังได้เห็นภาพสวยๆ ซึ่งในหนังจริง ดูอลังการกว่าในตัวอย่างหลายฉากเลย
และแง่มุมเรื่องของมนุษย์ที่เกิดมาเพื่อทำลายบ้านที่ตัวเองอยู่นั้นก็นำเสนอได้น่าสนใจ
จากชื่อผู้กำกับผมอาจหวังเยอะไปหน่อยครับ