มีปัญหาทะเลาะกับพ่อแม่หลายครั้งจนตอนนี้ทนไม่ไหวแล้ว เราควรทำอย่างไรดีคะ

*ขอร้องนะคะ อ่านให้จบ เพราะตอนนี้สภาพจิตใจเราแย่มากเราต้องการคำปรึกษา*
** ปล. ไม่ใช่เรื่องแต่ง เรื่องทั้งหมดที่เล่ามาคือรเองจริงทั้งสิ้น **
เรามีปัญหาทะละกับพ่อแม่บ่อยมาก ซึ่งเราก็ไม่ค่อยเข้าใจพวกท่านซักเท่าไหร่ และฉันมีเรื่องฝังใจเสมอว่าไม่ค่อยได้รับอิสระเท่ากับเด็กผู้หญิงวัยเดียวกันควรจะมี  พวกเราทะเลาะกันบ่อยมาก  หลายครั้งที่เป้นสาเหตุทำให้ฉันฆ่าตัวตาย แต่ก้ไม่สำเร็จ จากนี่ไปคือเรื่องราวในครอบครัวของเรา เราอยากจะขอคำปรึกษา ว่าเราควรจะทำอย่างไรดี

ตั้งแต่เด็ก เรามักไม่เคยได้ไปออกไปเล่นกับเพื่อนนอกบ้าน หลังกลับมาจากโรงเรียน เราก็ต้องอยู่ในบ้าน อ่านหนังสือเรียน เพราะคุณแม่มักบอกว่าเดี๋ยวมันก็จะมืดแล้ว อันตราย เราจึงนานๆทีได้ออกไปเล่นกับเพื่อน  ในช่วงประถมต้นเราจึงเป็นคนที่ไม่ค่อยมีเพื่อนซักเท่าไหร่ ในช่วงประถมเราเป็นเด็กที่เรียนเก่ง และต่อมาผลการเรียนก็ค่อยๆแย่ลงตามลำดับ เราถูกบังคับให้เรียนจีนเพราะที่บ้านเป็นคนจีนและมีญาติที่สอนภาษาอยู่แล้ว ซึ่งตอนนั้นเราก็เรียนไปเรื่อยๆไม่ได้คิดอะไร แต่เราก็ไม่เคยอ่านได้ดีหรือจำตัวอักษรได้เลย
เราเคยหนีออกจากบ้านเพราะทะเลาะกับพวกท่าน ตอนนั้นเรายังอยู่ประถมต้นด้วยซ้ำไป  เราเคยขังตัวเองอยู่ในห้องเพราะทะเลาะกับคุณแม่
หลังจากนั่นไม่นาน เราก็ได้เริ่มเล่นคอมพิวเตอร์ (ยังไม่มีอินเตอร์เน็ต) เวลาทำงานเรามักจะลำบาก เพราะมีคอมแต่ก้ไม่สามารถหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตได้ เพราะคุณพ่อเหมือนจะเชื่อว่าถ้ามีเน็ต ก็คงไว้ใช้เล่นเกมไม่ได้ทำงาน จนกระทั่งเราขึ้น ป.5 ที่คิดว่าไม่ไหวแล้วจริงๆคุณพ่อจึงได้ติดตั้งอินเตอร์เน็ตให้
ซึ่งก็เราก็ใช้เล่นเกมออนไลน์บ้าง แต่ก็ใช้ทำงาน แต่ว่า ผลการเรียนของเราก็ตกลงเรื่อยๆ พ่อแม่จึงเริ่มโทษว่าเป็นที่คอมพิวเตอร์ แต่เราคิดว่าน่าจะเป็นเพราะเราเรียนไม่ทันเองเสียมากกว่า

ตอนจบ ป.6 เราได้มาสอบเข้าโรงเรียนชื่อดังแถวบ้าน ซึ่งคุณพ่อคุณแม่มักกดดันเราตลอด คอยจ้องตอนเราอ่านหนังสือ  เอาใบกำหนดการมาบอกว่า เอาแค่สอบนะ อย่าให้ถึงขั้นจับฉลาก เรารู้สึกว่ามันกดดันเรามาก เรามักเครียดและก็มักหาทางระบาย แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร  
จนในที่สุด เราก็สอบเข้าได้ ช่วงม.1 เราไม่มีปัญหา เกรดก็ยังโอเคอยู่ เราได้รับใบเกียรติบัตรนักเรียนดีเด่นด้วยซ้ำ  แต่พอขึ้นม.2 เกรดเราก็เริ่มตกลงเรื่อยๆ เขาเอาเราไปเปรียบเทียบกับเพื่อนสมัยเด็กว่าเขาทำได้ทำไมเราทำไม่ได้ ทำไมเราต้องสอบตก เราก็บอกว่ามันตกเกือบทั้งห้องมีไม่กี่คนท่านก็จะสวนมา แล้วทำไมถึงไม่ทำให้ไปอยู่คนที่ไม่ตก เรามองว่าเราเป็นเด็กธรรมดาที่รักการวาดรูป ไม่ใช่เด็กเรียนเก่งอะไร เพื่อนเราหลายคนก็สอบตกเยอะแยะ เยอะกว่าเรา แต่พ่อแม่เขาไม่เคยด่าหรือเปรียบเทียบเลย

จนในที่สุดผลออกมาว่าเกรดเราตกลงไป 0.3 ซึ่งนั้น เป็นครั้งแรกที่เราเริ่มทำร้ายตัวเอง

เราไม่ได้คิดมากเรื่องเกรด แต่ทางคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้คิดแบบนั้น เขาทั้งว่าเราเรื่องเกรด ด่าว่าไม่เคยทำห่าอะไรให้ภูมิใจ แล้วก่อนหน้านั่นล่ะ เราเป็นนักวาดรูปคน นึงในเฟสบุค เราไม่ได้ดังมากแต่ก็มีคนติดตามผลงานของเรา เราสามารถขายของที่ทำเองได้ แต่ เขาไม่เคยมองในความสามารถของเราเลย  เราจึงตัดสินใจกรีดแขนของตัวเองเพื่อเป็นการระบายความเครียด (ซึ่งไม่รู้ว่าตอนนั่นเราทำทำไม ทั้งๆที่มันเป็นการทำร้ายตัวเอง)
และตอนนั้นเราก็เริ่มรู้จักกับภาษาญี่ปุ่น ซึ่งมันขัดกับภาษาจีนที่เราเรียนมาตลอด และเราก็เริ่มเอนเอียงไปทางญี่ปุ่นมากกว่า การเรียนจีนมามากกว่า 5 ปีเรากลับไม่เคยรู้สึกชอบจีนเลย แต่เราเจอญี่ปุ่นไม่นาน เรากลับชอบญี่ปุ่นมากๆ ซึ่งนั่นเริ่มทำให้พ่อกับแม่เราทะเลาะกับเรามากขึ้นทุกทีเพราะความขัดกันและเข้ากันไม่ได้  เราพูดญี่ปุ่นได้ เคยไปทานข้าวกับคนญี่ปุ่น

หลังจากนั่นตอนจบ ม.3 เราต้องเลือกสายว่าเราจะเข้าสายไหนซึ่ง คุณพ่อคุณแม่มักจะกดดันประมาณว่า นอกคอก อนาคตของก็ต้องตัดสินใจเอง  ถ้าชีวิตล้มเหลวใครจะรับผิดชอบ เราก็เอากลับมาคิดว่า ชีวิตเราแล้วทำไมพวกคุณต้องมาบังคับเส้นทางชีวิตของเราด้วย  ชีวิตเรา เราก็ขอขอบคุณที่ท่านให้เรามา แต่ว่า เมื่อให้มาแล้วมันก็เป็นของเรา แต่ท่านไม่เคยให้อิสระในชีวิตของเราเลย  

ตอนนั้น มันทำให้เรารู้สึกว่าเราบ้า เพราะเราเริ่มสร้างภาพในจินตนาการเป็นตัวละครที่เราคิดขึ้นมาเองว่าเขามีอยู่จริงอยู่ข้างๆเราคอยให้คำปรึกษา เรารู้ตัวนะ ว่าเขาไม่มีตัวตนจริงๆแต่มันเหมือนเป็นการหลอกตัวเองเพื่อให้สบายใจว่ายังมีคนอยู่ข้างๆเรา และเราเป็นแบบนั่นนานมาก เหมือนคุยกับตัวเอง ตัวเองให้คำปรึกษากับตัวเอง และตัวเราอีกคนบอกให้เราเลือกเดินตามทางที่เราตั้งใจเพราะมันคือชีวิตของเรา พยายามให้ดีที่สุด

เราเลยตัดสินใจเลือกสายเข้าญี่ปุ่นเอง และมันทำให้รอบร้าวของครอบครัวเรามากขึ้นเรื่อยๆ

เรามักทำร้ายตัวเองโดยการกรีดแขนหลังจากที่ทะเลาะกับพ่อแม่(ในบางครั้งถ้าเรื่องหนักมากจริงๆ แขนซ้ายเรามีรอยกรีดเล็กๆอยุ่เต็มไปหมดแต่เริ่มจางลงแล้ว) คุณแม่เคยด่าเรากลางห้าง ตบหน้ากลางห้าง ด่าเราหน้าร้านอาหาร ซึ่งตอนนั่นมีใครมู้มาตบบ่าเราและบอกว่าเป็นกำลังใจให้ สู้ๆต่อไปนะน้องทำให้เรารู้สึกช็อคพอสมควร  ท่านไม่เคยปล่อยให้เราไปเที่ยวกับเพื่อน ถ้าพ่อแม่เข้าไม่มารับส่งถึงหน้าบ้านซึ่งมันทำให้เรารู้สึกเกรงใจเพราะรบกวนเขามากเกินไป ซึ่งมันทำให้เกิดข้ออ้างว่าไปก็ไปไม่เป็นทำไมต้องดิ้นรนไป  และมักอ้างแบบนี้เสมอๆจนตอนนี้เราขึ้นม.5แล้ว สยาม เซ็นทัล พวกนี้เรายังไม่เคยไปซักครั้งในชีวิตด้วยซ้ำไป

คุณแม่ชอบใช้คำหยาบขึ้นกู ขังเราไว้ในบ้านไม่ให้ออกไปไหน ชอบด่าว่าเล่นแต่คอมเล่นแต่เกม ซึ่งเราก็มักจะตอบไปว่าก็หนูไม่มีอะไรทำ ซึ่งปรกติเราจะเปิดคอมเพื่อวาดรูป ทำซีจี โดยปรกติก็ 5-6 ชั่วโมงเรื่อยๆอยุ่แล้ว  เขาก็บอกหนังสือหนังหาไม่อ่านไม่เรียนพิเศษซึ่ง เราเคยขอแล้ว แต่เขาไม่ให้เอง  ต่อมาเราก็เริ่มติดเกม LOL ท่านก็ชอบด่าว่าคนนั้นพาเลว คนนี้พาเสีย กูเป็นแม่นะทำไมไม่ฟังกูบ้าง และเราก็มักตอบว่า ถ้าจะด่าด่าหนู อย่าด่าคนอื่น และมันก็มักทำให้ว่าเรายั่วโมโหแม่

แม่เคยตบเรากลางห้าง ด่าเราหน้าร้านอาหาร และมักทะเลาะกันได้ทุกวัน ซึ่งเราเคยตั้งชื่อไว้ว่า ประเพณีตัดแม่ตัดลูกประจำบ้าน  เรียกได้ว่าเราทะเลาะกันจนกลายเป็นกิจวัตรไปแล้วก็ว่าได้ ช่วงงานหนังสือเราขอไปกว่าจะได้ไป เราก็ต้องทะเลาะกันเพราะพวกท่านไม่ไว้ใจคนที่เราจะไปด้วยซึ่งก็คือรุ่นที่โรงเรียนเรารู้จักกันมามากกว่า 3 ปี และมักอยู่ด้วยกันบ่อยๆที่โรงเรียน ให้คำปรึกษา ราวกับพี่ชายแท้ๆของเรา  สาเหตุที่เขาไม่ไว้ใจเพียงเพราะเขาเป็นผู้ชาย เขาพยายามบังคับให้เราชวนเพื่อนผู้หญิงไปด้วย แต่ก้ไม่มีใครว่าง และไม่มีใครสนิทกับรุ่นพี่ที่เราไปด้วยซักคน เขามักจะบอกว่าเออถ้าโดนพวกมันลากไปข่มขืนจะรู้สึก คือเรามองว่าถึงเพื่อนผู้หญิงเราไปด้วย แล้วมันจะสู้แรงผู้ชายได้เหรอ? เขาช่วยเราได้เหรอ? สุดท้ายพวกท่านก็ตามไปงานหนังสือด้วย เป็นการตัดปัญหาให้จบๆไป

ครั้งล่าสุดเราสนิทกับเพื่อนกลุ่มหนึ่งในเฟส และคุยกันมาเป็นปีๆ เราไว้ใจเขา เคยเห้นรูป เคยโทรคุยกัน  และในที่สุดพวกเรานัดที่จะไปมีตติ้งกันที่เซ็นลาด แต่ว่าทางเราไปไม่ได้เลยขอไปที่อื่นแทนซึ่งทางฝั่งนั่นเขาก็มาไม่ได้ เราเลยจะขอให้คุณพ่อเราไปส่ง และเขาก็บอกกับเราว่า คุยกันด้วยเหตุผลนะ ว่าเขาไว้ใจได้เหรอ ใครก็ไม่รู้ ที่เขาโดนหลอกก็อายุเท่าลูก เวลาหลอกเขาก็หลอกกันมาเป็นปีๆ เราจึงเปิดรูปให้ดู เขาก็บอกว่าจะไปเอารูปใครมาก็ได้ พอจะให้คุยกับพ่อแม่ เขาก็บอกว่าเขาทำกันเป็นแก๊งเป็นขบวนการจะไปรู้ได้ยังไงว่าพ่อแม่จริงๆ เอาที่อยู่ให้ก็บอกว่าของปลอม บอกว่าเป็นมิจฉาชีพตลอด ท่านบอกว่าให้เรามองโลกให้กว้างๆหน่อย แต่ที่เราคิดคือ

เขามองโลกแคบเกินไปเสียมากกว่า เขามองว่าคนอื่นเลวหมด มีแต่เขาที่ดี บ้านเขาดีเลิศ เขามักโดยนความผิดว่า แฟนเราพาเลว เพื่อนพาเลว  เราก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี

เขาบอกว่าที่สนับสนุนให้ไปจีนไม่ไปดื้อหัวรั้น ที่แบบนี้ล่ะอยากจะไป โง่ เขาสรรหาคำด่ามาด่าเรา เรามองว่าจะไปทำไม มันเปลืองเงิน ไปแล้วก็มีความสุข ไปแล้วก็ไม่ได้อะไรกลับมา  มีแต่จะเสียเงินเปล่า ให้เราอยู่บ้านวาดรูปน่าจะดีกว่า แต่เขากลับมองว่าเราโง่
จนสุดท้ายเราก็ไม่ได้ไปมีตติ้งกับเพื่อน พ่อเราบอกมาแค่ว่า ถ้านัดวันที่เขาว่างก็ไปได้เราผิดเอง  ทำไงได้ อีกคนเขามาจากต่างจังหวัด เขามาจากสิงห์บุรี แต่เถ่อมาเพราะอยากเจออยากไปเที่ยวจริงๆ แต่สุดท้ายเราก็ผิดนัดเขา  พ่อเราบอกง่ายๆว่าแค่ไปคราวหน้า คราวหน้ามันตอนไหน ปีหน้า? คุณพ่อรู้บ้างไหมคุณแม่รู้บ้างไหม ว่าไอคนที่ที่พวกท่านด่าอยู่ว่าเป็นมิจฉาชีพ เขาคอยปลอบเสมอเวลาเรารู้สึกแย่ คอยเป้กำลังใจให้ตลอด เขาดีกว่าเพื่อนบางคนที่อยู่ห้องเดียวกับเราด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนกลุ่มสุดท้ายที่เราเหลืออยู่แล้ว

เราเครียดมาก ไม่รู้ว่าจะทำยังไง
ทำไมเราต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ในมุมมองผู้ใหญ่เขาคิดยังไงกับสภาพครอบครัวของเรา ที่เขาบอกว่าเขาทำเพื่อปกป้องเรา แต่เรากลับมองว่าเขากำลังพยายามขังเราไว้ในกรงแคบๆ เขาเหมือนไม่สนใจเราเลย
เหมือนเห็นเราเป็นแค่ตุ๊กตาหน้าคอมที่ไม่สนใจอะไร  แต่จริงๆแล้วเรารู้สึกแย่มากๆ เราปรึกษาใครไม่ได้ เพราะเขามองเสมอว่าเราเอาครอบครัวไปประจาน แต่ตอนนี้เราทนไม่ไหวจริงๆ
เราไม่ไว้ใจใครในบ้านแล้ว ในใบห้องแนะแนวเราเคยเขียนด้วยซ้ำว่า เราไม่ไว้ใจใครในบ้านนอกจากตัวเอง
เราทำร้ายตัวเอง ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่ดี แต่ก็เป็นเพราะเครียดอย่างรุนแรง อยากไปปรึกษาจิตแพทย์ แต่ก็คงทำไม่ได้
ทำได้แต่รับฟังคำบ่นคำด่าจากพ่อแม่ ทะเลาะกันทุกวัน จนสภาพจิตใจเราตอนนี้เรียกได้ว่าแทบบ้า
เวลเสียใจมีเเต่เพื่อนและแฟนที่คอยปลอบ แต่สิ่งที่พ่อแม่ทำกับเราคือคอยตอกย้ำความผิดซ้ำๆเหมือนกระทืบแผลเก่าเรา
ท่านไม่เคยให้กำลังใจเราเลย  
ท่านบอกว่าเราไม่เคยเชื่อท่าน  ท่านเองก็ไม่เคยเชื่อเราเลย

ตอนนี้เราเครียดมากๆ เพราะเราทนมาตั้งแต่เด็กแล้ว

เราอยากรู้ว่าเราควรทำยังไง
ขอขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนจบนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่