ไปเที่ยวสนามราษฎร์ ที่สวนหลวง ระวังตัวหน่อยนะครับ
จากประสบการณ์ที่ไปเที่ยวมาเมื่อวันก่อน เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นครับ..
วันก่อน คุณตาผมบอกว่า ในบ้านอากาศร้อนและอึดอัด อยากไปสูดอากาศบ้าง
แม่เลยพาผม และคุณตา ไปปูเสื่อรับลมกันที่สนามราษฎร์ สวนหลวง
หลังจากนอนเล่นไปได้สักครึ่ง ชม. ก็มีผู้ชายคนหนึ่ง เดินมากันลูก 2 สองคน
ช่วยกันจัดวางของ ทำประตูฟุตบอล และก็เริ่มเตะบอลกัน
ถ้าใครเคยไปสนามราษฎร์ จะรู้ว่า สนามหญ้าที่นั่นกว้างมาก
แต่ตามกฎสวนหลวง เขาห้ามเล่นบอล และของที่มีลักษณะปา (เช่น เครื่องร่อน บูมเมอแรง)
รวมทั้งว่าว และเครื่องบินบังคับ (สมัยเด็กเคยเอามาเล่นแล้วยามว่า)
ตามที่เข้าใจ คือ ที่นี่เขากลัวว่าพวกบอล หรือเครื่องร่อน จะไปโดนคนอื่น หรือลอยไปติดต้นไม้
ที่แน่ๆ คือ สิ่งที่คนนี้ เขาทำมันผิดกฎ..
โอเค.. เขาจะทำอะไร ก็เรื่องของเขา
แต่.... นั่นคือ กรณีที่มันไม่ได้เดือดร้อนใคร
ทีนี้ สนามก็กว้างอยู่... แต่ดูจากภาพนะครับ ว่าเขามาเล่นตรงไหน
ที่เห็นทางซ้ายคือเสื่อ ที่ครอบครัวผมนั่งอยู่
เขามาเตะกัน ห่างจากจุดที่เรานั่ง สัก 5 เมตร เห็นจะได้
ผมวัดระยะไม่เก่ง แต่น่าจะประมาณ 5-10 เมตร
ตอนที่วิ่งมาใกล้สุด น่าจะน้อยกว่า 5 เมตร
ลูกคนนึง น่าจะอยู่ ม.ปลาย อีกคนน่าจะ ม.ต้น
เตะกันแต่ละที เสียงดัง “ปั๊ก” จากที่ฟัง เขาพูดคุยกัน เข้าใจว่าลูกคนโตของเขากำลังซ้อมแข่ง
แปลง่ายๆก็คือ ไม่ได้เตะกันเบาๆแน่ เขาเล่นกันจริงๆ
ผมมองอยู่ ก็อึ้งครับ เพราะตรงนี้มีคนปูเสื่ออยู่ เขาก็น่าจะเห็น
แค่นั่งก็แย่แล้ว นี่ตาผม อายุใกล้จะ 86 นอนหลับบนเสื่อ
ผมต้องปลุกให้ลุกขึ้นมานั่งเลย เพราะไม่รู้ว่าบอลมันจะลอยมาตรงนี้เมื่อไหร่
เราก็คุยกันว่าย้ายที่ดีไหม เพราะไปว่าเขา ก็คงจะมีเรื่องเปล่าๆ
ตาผมก็บอกว่าแกไม่อยากลุก รอสักพักก็ได้ คนนี้ เขาอาจจะเล่นไม่นาน
สักพัก บอลก็วิ่งมาครับ วิ่งผ่านเสื่อตรงขอบไป แต่ไม่ได้โดนเรา
แม่ผมก็บอกว่า เราปูเสื่ออยู่ตรงนี้ คุณควรจะไปเล่นที่อื่น
และจริงๆ ที่นี่เขาห้ามเตะบอลนะ ถ้ายามเห็นเขาก็ว่า
ผู้ชายคนนี้ฟัง เขาก็หัวเราะ บอกว่า โอเวอร์
ก็แค่เตะบอล ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย
เขาก็เถียงกับแม่ผม ประมาณว่า
บอลแค่นี้ โดนไปก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร อันตรายตรงไหน
ถ้าอันตรายจริง นักบอลที่ใช้หัวโหม่งคงตายกันหมดแล้ว
แม่ผมบอกให้เขาไปเตะตรงอื่น แต่เขาปฏิเสธ บอกจะเตะตรงนี้
และพูดว่า “ผมเล่นมาจนลูกโตป่านนี้แล้ว ผมมาทุกอาทิตย์ ไม่เคยเห็นคุณเลย”
แม่ผมก็บอก “อย่างน้อย คุณมาทีหลัง คุณจะไม่ทำตามกฎก็เรื่องของคุณ
แต่คุณควรมีมารยาทด้วยการไปเล่นให้ไกลหน่อย จะได้ไม่เดือดร้อนคนอื่น”
คนนี้ เขาก็ยืนกรานว่า ที่นี่ ที่ของเขา เขาจะไม่ไปไหน
และถ้าแม่ผมมั่นใจว่าตัวเองถูก แน่จริง ก็ไปตามยามมาให้ดูสิ
แม่ผมก็ลุกออกไปตามยาม ส่วนผมกับตายังอยู่บนเสื่อ
คนนี้เขาก็นั่งรอ และบอกเราว่า “ตามมาให้ได้แล้วกัน ผมจะรอคุยกับยามตรงนี้ ไม่ไปไหน”
เขาก็ถากถาง ไประหว่างนั้น
ว่าเล่นตรงนี้มาก็นาน ไม่เห็นใครจะมีปัญหาอะไรเลย อีกอย่างที่นี่ที่ประจำเขา
เขามีสิทธิตรงนี้
....
สักพัก แม่ผมก็กลับมาพร้อมกับยาม และก็เข้ามาคุยกัน
คนนี้เขาก็อ้างว่า ข้างๆยังมีเด็กเตะบอลเลย
ลองดูตรรกะนะครับ ที่เขาอ้างว่า “ข้างๆยังมีคนเล่น”
อันนั้น เด็กอายุต่ำกว่า 10 ขวบ เล่นกันเอง
และบอลเป็นบอลยาง แบบบอลว่ายน้ำ
ยามเขาก็บอกว่า ที่นี่ ปกติเราไม่ให้เล่น แต่เด็กเล็กไม่เป็นไร
แต่เด็กนี่ ต้องเด็กจริงๆ ที่เล่นกันจะไม่อันตรายกับคนอื่น
คนนี้เขาก็อ้างว่า ลูกเขาคนเล็ก ยังเด็ก
ก็เถียงกัน ยามเลยบอกให้แม่ผมไปนั่งก่อน เดี๋ยวเขาเคลียร์กันเอง
จากภาพ คือ "คนอื่นเขาก็เล่นกัน" [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ (อันนั้นเด็ก.. บอลยาง.. และเขาเล่นแย่งบอลโว้ย ไม่ใช่เตะบอล)
คนนี้ก็เถียงกับยามอยู่นาน มีประโยคนึงว่า
“โธ่คุณ.. เราผู้ชาย มีไรก็อธิบายกันได้ นิสัยผู้หญิงเป็นไง คุณก็รู้อยู่..”
ประโยคนี้ชัดเจนว่าจงใจพูดให้แม่ผมได้ยิน


คนนี้ ก็ยังยืนกรานว่าเขาถูก และพูดกับยามต่อไปอีก เป็นนาที
ตรงนี้ เราไม่ได้ยินว่าเขาพูดอะไรกันบ้าง
แต่สักพักมียามอีกคน ขับจักรยานผ่านมา เขาก็ถามกันว่ามีอะไร
ยามคนนั้นก็บอกว่า “ที่นี่ห้ามเล่นบอลนะคุณ”
..
สุดท้าย คนนี้เขาก็ยอม และก็เห็นเดินออกไปด้วยกันกับยาม
เขาไปแล้ว แม่ผมก็บ่นว่า
“พูดกันดีๆมันก็ไม่มีเรื่องหรอก คนเขานอนกันอยู่ตรงนี้ มาตั้งโกลข้างหัวเขานี่
พอโดนว่า แทนที่จะขอโทษและไปเล่นให้ห่างหน่อย ยังจะเถียงและเล่นต่อ”
ผมก็บอกแม่ ว่าใจเย็นๆ ยังไงเรื่องก็จบไปแล้ว
....
ใช่ครับ.. เรื่องน่าจะจบ...
ทีนี้ ตอนไปขึ้นรถ เราก็เห็นผู้ชายคนนี้อีกตรงที่จอดรถ
เขาก็ชี้มา และพูดออกว่า “คุณจำไว้นะ!!”
ทางเราก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็ขึ้นรถและกลับบ้าน
ผมพูดตามตรงนะ ปกติผมจะเป็นคนใจเย็น และหลีกเลี่ยงการปะทะ
ที่เถียงกันวันนั้น ผมไม่ได้พูดอะไร เพราะรู้ว่า ผู้ชายเถียงผู้หญิง คงไม่กล้าลงไม้ลงมือ
แต่ถ้าผู้ชายเถียงกัน อาจไม่จบด้วยคำพูด (เพราะดูแล้ว ทางนั้นคงไม่ใช่คนที่พูดด้วยเหตุผลได้)
ผมเก็บคลิปไว้ จะได้มีหลักฐาน เผื่อเขาโกหก จะได้ให้ยามดู
ตอนอัดวีดีโอ ก็ไม่ได้อัดตรงๆ ใช้แท็บเล็ตถ่าย พยายามให้เขาไม่รู้ตัว
เรามาก่อน เขามารุกล้ำ
โดยส่วนตัวแล้ว ผมยอมย้ายหนีได้
แต่พอดีบอลมันวิ่งมา แม่ผมก็พูดไปตามถูกผิด คนนี้นอกจากไม่ยอมรับ ยังแสดงความเป็นอันธพาล
สงสัยเขาอยากอวดลูก และเพราะเห็นว่าอีกฝ่าย เป็นผู้หญิง คนแก่ และอีกคนที่ไม่พูดอะไร เลยได้ใจ
เรื่องจบแล้ว ก็เห็นอยู่ว่าเขาผิด
เรื่องที่ผ่านไปแล้ว ผมไม่ค่อยเก็บมาใส่ใจ คลิปก็กะจะลบทิ้งทีหลัง
แต่ที่เขาพูด ตอนเราเดินมาที่รถ บอกตามตรงว่า ฟังแล้วยัวะครับ
ผมฉุนเลยว่า “มันคิดว่ามันเป็นใคร? ถ้ามันคิดว่าแน่นัก
เดี๋ยวจะช่วยเอาเรื่องนี้ไปแฉให้ ดูสิว่าสังคมจะเห็นดีกับการกระทำแบบนี้ไหม”
หลักฐานที่นำมานี้ ผมมีเป็นวีดีโอครับ
แต่ก็ถ่ายมาไม่ดีนัก เพราะต้องถ่ายหลบๆ
และไม่ได้ถ่ายไว้ตั้งแต่ต้น เพราะไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องครับ
หลักๆก็มีเสียง แต่ฟังไม่ชัดนัก พอได้ยินบางคำ ภาพมีบางส่วน
ถ้าใครอยากดูผมจะส่งให้ครับ แต่ส่วนที่เห็นหน้า ผมจะตัดออก
(อย่างไรก็ตาม ใครอยากเห็นตัวเป็นๆ ไปดูได้ที่สนามราษฎ์ครับ
จะฟังเรื่องราว ก็ถามยามแถวนั้นได้ ยามคนที่อยู่ในเหตุการณ์ เขาอยู่ตรงที่จอดรถ)
ขอบอกไว้ว่า ที่นำมาเล่าในทีนี้
ไม่ได้ต้องการประณามคนครับ แต่ต้องการประณามการกระทำ
ไม่อยากให้มีพฤติกรรมแบบนี้ที่ใดในสังคมอีก
คนเรา ทำผิดก็ควรยอมรับว่าผิด
พูดตอนแรกก็พูดกันดีๆ บอลวิ่งมาหาคนอื่น ก็สมควรจะขอโทษ และไปเล่นตรงอื่น
ที่ทำก็ผิดกฎ ที่ก็กว้าง มาก็ทีหลัง อย่างน้อยสมควรมีความเกรงใจ
เป็นพ่อคน ถ้าอยากให้ลูกคนเติบโตมาเป็นคนดี มีคุณภาพ
ก็ควรจะสอนลูกว่าอะไรถูกอะไรผิด สอนให้รู้จักเคารพ เกรงใจคนอื่น
ไม่ใช่สอนให้หน้าด้านไม่ยอมรับผิด
ผิดแล้วยอมรับผิด ผมว่าผิดแล้วยอมรับ นั่นดูเป็นลูกผู้ชาย
มากกว่าการมาแสดงความแมนถ่อยๆ อย่างพูดว่า “..นิสัยผู้หญิงเป็นไง คุณก็รู้อยู่..”
สมัยนี้ อันธพาลเยอะครับ
และเป็นแบบที่ กล้าทำ ในเรื่องสิ้นคิด
อย่างภูมิใจที่ได้เถียงข้างๆคูๆ เพื่อเอาชนะผู้หญิง
ขอให้ทุกท่าน ระวังตัวกันด้วยครับ
ไปเที่ยวสนามราษฎร์ ที่สวนหลวง ระวังตัวหน่อยนะครับ
จากประสบการณ์ที่ไปเที่ยวมาเมื่อวันก่อน เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นครับ..
วันก่อน คุณตาผมบอกว่า ในบ้านอากาศร้อนและอึดอัด อยากไปสูดอากาศบ้าง
แม่เลยพาผม และคุณตา ไปปูเสื่อรับลมกันที่สนามราษฎร์ สวนหลวง
หลังจากนอนเล่นไปได้สักครึ่ง ชม. ก็มีผู้ชายคนหนึ่ง เดินมากันลูก 2 สองคน
ช่วยกันจัดวางของ ทำประตูฟุตบอล และก็เริ่มเตะบอลกัน
ถ้าใครเคยไปสนามราษฎร์ จะรู้ว่า สนามหญ้าที่นั่นกว้างมาก
แต่ตามกฎสวนหลวง เขาห้ามเล่นบอล และของที่มีลักษณะปา (เช่น เครื่องร่อน บูมเมอแรง)
รวมทั้งว่าว และเครื่องบินบังคับ (สมัยเด็กเคยเอามาเล่นแล้วยามว่า)
ตามที่เข้าใจ คือ ที่นี่เขากลัวว่าพวกบอล หรือเครื่องร่อน จะไปโดนคนอื่น หรือลอยไปติดต้นไม้
ที่แน่ๆ คือ สิ่งที่คนนี้ เขาทำมันผิดกฎ..
โอเค.. เขาจะทำอะไร ก็เรื่องของเขา
แต่.... นั่นคือ กรณีที่มันไม่ได้เดือดร้อนใคร
ทีนี้ สนามก็กว้างอยู่... แต่ดูจากภาพนะครับ ว่าเขามาเล่นตรงไหน
ที่เห็นทางซ้ายคือเสื่อ ที่ครอบครัวผมนั่งอยู่
เขามาเตะกัน ห่างจากจุดที่เรานั่ง สัก 5 เมตร เห็นจะได้
ผมวัดระยะไม่เก่ง แต่น่าจะประมาณ 5-10 เมตร
ตอนที่วิ่งมาใกล้สุด น่าจะน้อยกว่า 5 เมตร
ลูกคนนึง น่าจะอยู่ ม.ปลาย อีกคนน่าจะ ม.ต้น
เตะกันแต่ละที เสียงดัง “ปั๊ก” จากที่ฟัง เขาพูดคุยกัน เข้าใจว่าลูกคนโตของเขากำลังซ้อมแข่ง
แปลง่ายๆก็คือ ไม่ได้เตะกันเบาๆแน่ เขาเล่นกันจริงๆ
ผมมองอยู่ ก็อึ้งครับ เพราะตรงนี้มีคนปูเสื่ออยู่ เขาก็น่าจะเห็น
แค่นั่งก็แย่แล้ว นี่ตาผม อายุใกล้จะ 86 นอนหลับบนเสื่อ
ผมต้องปลุกให้ลุกขึ้นมานั่งเลย เพราะไม่รู้ว่าบอลมันจะลอยมาตรงนี้เมื่อไหร่
เราก็คุยกันว่าย้ายที่ดีไหม เพราะไปว่าเขา ก็คงจะมีเรื่องเปล่าๆ
ตาผมก็บอกว่าแกไม่อยากลุก รอสักพักก็ได้ คนนี้ เขาอาจจะเล่นไม่นาน
สักพัก บอลก็วิ่งมาครับ วิ่งผ่านเสื่อตรงขอบไป แต่ไม่ได้โดนเรา
แม่ผมก็บอกว่า เราปูเสื่ออยู่ตรงนี้ คุณควรจะไปเล่นที่อื่น
และจริงๆ ที่นี่เขาห้ามเตะบอลนะ ถ้ายามเห็นเขาก็ว่า
ผู้ชายคนนี้ฟัง เขาก็หัวเราะ บอกว่า โอเวอร์
ก็แค่เตะบอล ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย
เขาก็เถียงกับแม่ผม ประมาณว่า
บอลแค่นี้ โดนไปก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร อันตรายตรงไหน
ถ้าอันตรายจริง นักบอลที่ใช้หัวโหม่งคงตายกันหมดแล้ว
แม่ผมบอกให้เขาไปเตะตรงอื่น แต่เขาปฏิเสธ บอกจะเตะตรงนี้
และพูดว่า “ผมเล่นมาจนลูกโตป่านนี้แล้ว ผมมาทุกอาทิตย์ ไม่เคยเห็นคุณเลย”
แม่ผมก็บอก “อย่างน้อย คุณมาทีหลัง คุณจะไม่ทำตามกฎก็เรื่องของคุณ
แต่คุณควรมีมารยาทด้วยการไปเล่นให้ไกลหน่อย จะได้ไม่เดือดร้อนคนอื่น”
คนนี้ เขาก็ยืนกรานว่า ที่นี่ ที่ของเขา เขาจะไม่ไปไหน
และถ้าแม่ผมมั่นใจว่าตัวเองถูก แน่จริง ก็ไปตามยามมาให้ดูสิ
แม่ผมก็ลุกออกไปตามยาม ส่วนผมกับตายังอยู่บนเสื่อ
คนนี้เขาก็นั่งรอ และบอกเราว่า “ตามมาให้ได้แล้วกัน ผมจะรอคุยกับยามตรงนี้ ไม่ไปไหน”
เขาก็ถากถาง ไประหว่างนั้น
ว่าเล่นตรงนี้มาก็นาน ไม่เห็นใครจะมีปัญหาอะไรเลย อีกอย่างที่นี่ที่ประจำเขา
เขามีสิทธิตรงนี้
....
สักพัก แม่ผมก็กลับมาพร้อมกับยาม และก็เข้ามาคุยกัน
คนนี้เขาก็อ้างว่า ข้างๆยังมีเด็กเตะบอลเลย
ลองดูตรรกะนะครับ ที่เขาอ้างว่า “ข้างๆยังมีคนเล่น”
อันนั้น เด็กอายุต่ำกว่า 10 ขวบ เล่นกันเอง
และบอลเป็นบอลยาง แบบบอลว่ายน้ำ
ยามเขาก็บอกว่า ที่นี่ ปกติเราไม่ให้เล่น แต่เด็กเล็กไม่เป็นไร
แต่เด็กนี่ ต้องเด็กจริงๆ ที่เล่นกันจะไม่อันตรายกับคนอื่น
คนนี้เขาก็อ้างว่า ลูกเขาคนเล็ก ยังเด็ก
ก็เถียงกัน ยามเลยบอกให้แม่ผมไปนั่งก่อน เดี๋ยวเขาเคลียร์กันเอง
จากภาพ คือ "คนอื่นเขาก็เล่นกัน" [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คนนี้ก็เถียงกับยามอยู่นาน มีประโยคนึงว่า
“โธ่คุณ.. เราผู้ชาย มีไรก็อธิบายกันได้ นิสัยผู้หญิงเป็นไง คุณก็รู้อยู่..”
ประโยคนี้ชัดเจนว่าจงใจพูดให้แม่ผมได้ยิน
คนนี้ ก็ยังยืนกรานว่าเขาถูก และพูดกับยามต่อไปอีก เป็นนาที
ตรงนี้ เราไม่ได้ยินว่าเขาพูดอะไรกันบ้าง
แต่สักพักมียามอีกคน ขับจักรยานผ่านมา เขาก็ถามกันว่ามีอะไร
ยามคนนั้นก็บอกว่า “ที่นี่ห้ามเล่นบอลนะคุณ”
..
สุดท้าย คนนี้เขาก็ยอม และก็เห็นเดินออกไปด้วยกันกับยาม
เขาไปแล้ว แม่ผมก็บ่นว่า
“พูดกันดีๆมันก็ไม่มีเรื่องหรอก คนเขานอนกันอยู่ตรงนี้ มาตั้งโกลข้างหัวเขานี่
พอโดนว่า แทนที่จะขอโทษและไปเล่นให้ห่างหน่อย ยังจะเถียงและเล่นต่อ”
ผมก็บอกแม่ ว่าใจเย็นๆ ยังไงเรื่องก็จบไปแล้ว
....
ใช่ครับ.. เรื่องน่าจะจบ...
ทีนี้ ตอนไปขึ้นรถ เราก็เห็นผู้ชายคนนี้อีกตรงที่จอดรถ
เขาก็ชี้มา และพูดออกว่า “คุณจำไว้นะ!!”
ทางเราก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็ขึ้นรถและกลับบ้าน
ผมพูดตามตรงนะ ปกติผมจะเป็นคนใจเย็น และหลีกเลี่ยงการปะทะ
ที่เถียงกันวันนั้น ผมไม่ได้พูดอะไร เพราะรู้ว่า ผู้ชายเถียงผู้หญิง คงไม่กล้าลงไม้ลงมือ
แต่ถ้าผู้ชายเถียงกัน อาจไม่จบด้วยคำพูด (เพราะดูแล้ว ทางนั้นคงไม่ใช่คนที่พูดด้วยเหตุผลได้)
ผมเก็บคลิปไว้ จะได้มีหลักฐาน เผื่อเขาโกหก จะได้ให้ยามดู
ตอนอัดวีดีโอ ก็ไม่ได้อัดตรงๆ ใช้แท็บเล็ตถ่าย พยายามให้เขาไม่รู้ตัว
เรามาก่อน เขามารุกล้ำ
โดยส่วนตัวแล้ว ผมยอมย้ายหนีได้
แต่พอดีบอลมันวิ่งมา แม่ผมก็พูดไปตามถูกผิด คนนี้นอกจากไม่ยอมรับ ยังแสดงความเป็นอันธพาล
สงสัยเขาอยากอวดลูก และเพราะเห็นว่าอีกฝ่าย เป็นผู้หญิง คนแก่ และอีกคนที่ไม่พูดอะไร เลยได้ใจ
เรื่องจบแล้ว ก็เห็นอยู่ว่าเขาผิด
เรื่องที่ผ่านไปแล้ว ผมไม่ค่อยเก็บมาใส่ใจ คลิปก็กะจะลบทิ้งทีหลัง
แต่ที่เขาพูด ตอนเราเดินมาที่รถ บอกตามตรงว่า ฟังแล้วยัวะครับ
ผมฉุนเลยว่า “มันคิดว่ามันเป็นใคร? ถ้ามันคิดว่าแน่นัก
เดี๋ยวจะช่วยเอาเรื่องนี้ไปแฉให้ ดูสิว่าสังคมจะเห็นดีกับการกระทำแบบนี้ไหม”
หลักฐานที่นำมานี้ ผมมีเป็นวีดีโอครับ
แต่ก็ถ่ายมาไม่ดีนัก เพราะต้องถ่ายหลบๆ
และไม่ได้ถ่ายไว้ตั้งแต่ต้น เพราะไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องครับ
หลักๆก็มีเสียง แต่ฟังไม่ชัดนัก พอได้ยินบางคำ ภาพมีบางส่วน
ถ้าใครอยากดูผมจะส่งให้ครับ แต่ส่วนที่เห็นหน้า ผมจะตัดออก
(อย่างไรก็ตาม ใครอยากเห็นตัวเป็นๆ ไปดูได้ที่สนามราษฎ์ครับ
จะฟังเรื่องราว ก็ถามยามแถวนั้นได้ ยามคนที่อยู่ในเหตุการณ์ เขาอยู่ตรงที่จอดรถ)
ขอบอกไว้ว่า ที่นำมาเล่าในทีนี้
ไม่ได้ต้องการประณามคนครับ แต่ต้องการประณามการกระทำ
ไม่อยากให้มีพฤติกรรมแบบนี้ที่ใดในสังคมอีก
คนเรา ทำผิดก็ควรยอมรับว่าผิด
พูดตอนแรกก็พูดกันดีๆ บอลวิ่งมาหาคนอื่น ก็สมควรจะขอโทษ และไปเล่นตรงอื่น
ที่ทำก็ผิดกฎ ที่ก็กว้าง มาก็ทีหลัง อย่างน้อยสมควรมีความเกรงใจ
เป็นพ่อคน ถ้าอยากให้ลูกคนเติบโตมาเป็นคนดี มีคุณภาพ
ก็ควรจะสอนลูกว่าอะไรถูกอะไรผิด สอนให้รู้จักเคารพ เกรงใจคนอื่น
ไม่ใช่สอนให้หน้าด้านไม่ยอมรับผิด
ผิดแล้วยอมรับผิด ผมว่าผิดแล้วยอมรับ นั่นดูเป็นลูกผู้ชาย
มากกว่าการมาแสดงความแมนถ่อยๆ อย่างพูดว่า “..นิสัยผู้หญิงเป็นไง คุณก็รู้อยู่..”
สมัยนี้ อันธพาลเยอะครับ
และเป็นแบบที่ กล้าทำ ในเรื่องสิ้นคิด
อย่างภูมิใจที่ได้เถียงข้างๆคูๆ เพื่อเอาชนะผู้หญิง
ขอให้ทุกท่าน ระวังตัวกันด้วยครับ