สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว Pantip ทุกท่าน
กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่ได้เป็นคนโพสเองอย่างจริงจัง (ส่วนใหญ่จะเน้นเข้ามาอ่านหาข้อมูลมากกว่า) ถ้าเกิดผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยไว้ด้วยนะครับ.....
เนื่องด้วย… ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมต้องเข้าไปทำธุระที่กรุงเทพในย่านสุขุมวิท ผมก็ได้ search หาที่พักราคาไม่สูงมากนัก เนื่องจากว่ามาพักแค่สองวันแล้วก็ไม่ได้เน้นไปเที่ยวไหนก็อาจจะมีบ้างนิดๆ หน่อยๆ พักเหนื่อยจากการเดินทาง แต่ก็ไม่มาก เพราะต้องทำงานพรุ่งนี้ จากลองหา ราคาไปเรื่อยๆ แล้วก็เจอโรงแรม Check Inn Regency Park ซึ่งที่ตั้งของโรงแรมนั้น อยู่ในย่านที่ผมต้องไปทำธุระพอดี จึงเลือกโรงแรมนี้ เพราะราคาไม่สูง + กับสถานที่ตั้งอยู่ที่ สุขุมวิทซอย 22 เข้าไปจากปากซอยประมาณ 150 เมตร ใกล้กับรถไฟฟ้า BTS และ ห้างบริเวณใกล้เคียง เช่น Emporium, Terminal 21เห็นจากราคาก็เลยจัดการจองห้องพักกับที่โรงแรมนี้ไป (พอดีช่วงนี้ทางโรงแรมมีโปรโมชั่นด้วยพอดีนะครับ จองห้องผ่านทาง Facebook ของโรงแรม ทางโรงแรมอัพเกรดห้องพักให้ฟรีเลย จากจองห้องเล็ก ได้ห้องใหญ่ เบย…. อิอิ) และก็จัดการเก็บกระเป๋าเตรียมตัวเดินทาง……. มาทำงาน (เฮ้อ….) (ปล.ภาพส่วนใหญ่ถ่ายจากมือถือนะครับ เนื่องด้วยไม่ได้มาเที่ยวอะไรจึงไม่ได้เอากล้องมาน่ะครับ ถ้าภาพไม่สวยยังไง ต้องขออภัยไว้ด้วยนะค้าบ)
เมื่อมาถึงที่โรงแรมก็จะพบกับทางเข้า มีรูปสิงห์ (รึเปล่า) ตั้งประดับอยู่หน้าทางเข้าโรงแรม
เมื่อเข้ามาด้านในก็พบกับบรรยากาศภายในโรงแรมที่คุ้นเคย กับการตกแต่งแบบเรียบๆ สบายๆ
จากนั้นก็มา Check-in ที่ Front
ระหว่างทางที่จะไปขึ้นลิฟท์ เพื่อที่จะไปห้องของเราที่ได้ทำการจองไว้ ก็เหลือบไปเห็น คอมที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้ใช้งาน (iMac ตัวใหม่ซะด้วย) นอกจากนี้ที่โรงแรมมี Free WiFi ให้ใช้บริการได้ทั้งโรงแรม (แต่ต้องมาขอ user กับ password สำหรับใช้ที่ front ก่อนนะครับ)
ก่อนจะขึ้นลิฟท์ ไปที่ห้องพัก ผมก็เหลือบไปเห็นสวนเล็กๆ ที่ทางโรงแรมจัดไว้ อยู่ภายในโรงแรมด้วย ซึ่งในความรู้สึกส่วนตัวนะครับ ผมว่าสวนตรงนี้ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้พอสมควรนะ เนื่องจากโรงแรมอยู่ใจกลางเมือง เรื่องจุดชมวิวนั้นคงแทบจะไม่มีเท่าไหร่ มองออกไปส่วนใหญ่ก็จะมีแต่ตึก บางทีอาจจะทำให้ผู้ที่เข้าพักรู้สึกอึดอัดได้ ไม่ผ่อนคลาย การมีสวนเล็กๆ ภายในโรงแรม ให้มีสีเขียวๆ บ้าง ผมว่าก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลายลงไปได้เยอะในระดับนึงนะ (อันนี้ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ)
อีกมุมนึงของสวน มานั่งพักผ่อนชิวๆ ก็ได้นะ….. (-o-)
จากนั้นก็เตรียมขึ้นห้องเก็บข้าวเก็บของ ตอนกำลังจะขึ้นลิฟท์ แอบ งง เล็กน้อย.... (ประมาณว่าโชว์โง่ ก็ว่าได้) เนื่องจากความเคยชิน มาถึงเราก็กดปุ่ม ลูกศรขึ้นปกติ แล้วก็ยืนรอ………. รอไปซักพัก เอิ่ม…… ทำไมลิฟท์ ยังไม่มา เลยเดินไปถาม พนักงาน ว่า “โทษนะครับ ลิฟท์ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ กดไปซักพักแล้ว ทำไมยังไม่มา”
และผมก็ได้คำตอบกลับมาว่า…. “ต้องเอา คีย์การ์ด ที่ได้มา เสียบก่อนนะค่ะ แล้วค่อยกดปุ่ม ลิฟท์ถึงจะทำงาน”
ผมก็ ร้อง “อ๋อ…..” ทันที (หลงยืนโง่อยู่หน้าลิฟท์ตั้งนาน)
ภาพนี้คือ ลิฟท์ ที่ผมยืนโง่ อยู่ตั้งนาน ทำไม ลิฟท์ไม่มา (หลายๆ ท่านอาจจะเคยใช้งานลิฟท์แบบนี้มา แต่ผมเนื่องจากไม่ได้ใช้งาน ลิฟท์แบบนี้มาเลย ส่วนใหญ่ มาถึงปุ๊บ กดปั๊บ ลิฟท์มาปุ๊บ เหอๆ เลยแอบโง่ไปเล็กน้อย)
ต้องทำแบบนี้ก่อนคับผม… แล้วถึงกดปุ่ม “ลูกศร” (แต่จริงๆ เค้าก็มีป้ายบอกนะ แต่ด้วยความที่พอเป็นภาษาอังกิด ก็เลยไม่ได้สนใจ มองผ่านไปเลย เพราะความเคยชิน นึกว่า ลิฟท์ธรรมดาด้วยแหละ)
[CR] Review:- ห้องพักสบายๆ (สบายกระเป๋า) ใจกลางกรุงเทพ….
กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่ได้เป็นคนโพสเองอย่างจริงจัง (ส่วนใหญ่จะเน้นเข้ามาอ่านหาข้อมูลมากกว่า) ถ้าเกิดผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยไว้ด้วยนะครับ.....
เนื่องด้วย… ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมต้องเข้าไปทำธุระที่กรุงเทพในย่านสุขุมวิท ผมก็ได้ search หาที่พักราคาไม่สูงมากนัก เนื่องจากว่ามาพักแค่สองวันแล้วก็ไม่ได้เน้นไปเที่ยวไหนก็อาจจะมีบ้างนิดๆ หน่อยๆ พักเหนื่อยจากการเดินทาง แต่ก็ไม่มาก เพราะต้องทำงานพรุ่งนี้ จากลองหา ราคาไปเรื่อยๆ แล้วก็เจอโรงแรม Check Inn Regency Park ซึ่งที่ตั้งของโรงแรมนั้น อยู่ในย่านที่ผมต้องไปทำธุระพอดี จึงเลือกโรงแรมนี้ เพราะราคาไม่สูง + กับสถานที่ตั้งอยู่ที่ สุขุมวิทซอย 22 เข้าไปจากปากซอยประมาณ 150 เมตร ใกล้กับรถไฟฟ้า BTS และ ห้างบริเวณใกล้เคียง เช่น Emporium, Terminal 21เห็นจากราคาก็เลยจัดการจองห้องพักกับที่โรงแรมนี้ไป (พอดีช่วงนี้ทางโรงแรมมีโปรโมชั่นด้วยพอดีนะครับ จองห้องผ่านทาง Facebook ของโรงแรม ทางโรงแรมอัพเกรดห้องพักให้ฟรีเลย จากจองห้องเล็ก ได้ห้องใหญ่ เบย…. อิอิ) และก็จัดการเก็บกระเป๋าเตรียมตัวเดินทาง……. มาทำงาน (เฮ้อ….) (ปล.ภาพส่วนใหญ่ถ่ายจากมือถือนะครับ เนื่องด้วยไม่ได้มาเที่ยวอะไรจึงไม่ได้เอากล้องมาน่ะครับ ถ้าภาพไม่สวยยังไง ต้องขออภัยไว้ด้วยนะค้าบ)
เมื่อมาถึงที่โรงแรมก็จะพบกับทางเข้า มีรูปสิงห์ (รึเปล่า) ตั้งประดับอยู่หน้าทางเข้าโรงแรม
เมื่อเข้ามาด้านในก็พบกับบรรยากาศภายในโรงแรมที่คุ้นเคย กับการตกแต่งแบบเรียบๆ สบายๆ
จากนั้นก็มา Check-in ที่ Front
ระหว่างทางที่จะไปขึ้นลิฟท์ เพื่อที่จะไปห้องของเราที่ได้ทำการจองไว้ ก็เหลือบไปเห็น คอมที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้ใช้งาน (iMac ตัวใหม่ซะด้วย) นอกจากนี้ที่โรงแรมมี Free WiFi ให้ใช้บริการได้ทั้งโรงแรม (แต่ต้องมาขอ user กับ password สำหรับใช้ที่ front ก่อนนะครับ)
ก่อนจะขึ้นลิฟท์ ไปที่ห้องพัก ผมก็เหลือบไปเห็นสวนเล็กๆ ที่ทางโรงแรมจัดไว้ อยู่ภายในโรงแรมด้วย ซึ่งในความรู้สึกส่วนตัวนะครับ ผมว่าสวนตรงนี้ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้พอสมควรนะ เนื่องจากโรงแรมอยู่ใจกลางเมือง เรื่องจุดชมวิวนั้นคงแทบจะไม่มีเท่าไหร่ มองออกไปส่วนใหญ่ก็จะมีแต่ตึก บางทีอาจจะทำให้ผู้ที่เข้าพักรู้สึกอึดอัดได้ ไม่ผ่อนคลาย การมีสวนเล็กๆ ภายในโรงแรม ให้มีสีเขียวๆ บ้าง ผมว่าก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลายลงไปได้เยอะในระดับนึงนะ (อันนี้ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ)
อีกมุมนึงของสวน มานั่งพักผ่อนชิวๆ ก็ได้นะ….. (-o-)
จากนั้นก็เตรียมขึ้นห้องเก็บข้าวเก็บของ ตอนกำลังจะขึ้นลิฟท์ แอบ งง เล็กน้อย.... (ประมาณว่าโชว์โง่ ก็ว่าได้) เนื่องจากความเคยชิน มาถึงเราก็กดปุ่ม ลูกศรขึ้นปกติ แล้วก็ยืนรอ………. รอไปซักพัก เอิ่ม…… ทำไมลิฟท์ ยังไม่มา เลยเดินไปถาม พนักงาน ว่า “โทษนะครับ ลิฟท์ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ กดไปซักพักแล้ว ทำไมยังไม่มา”
และผมก็ได้คำตอบกลับมาว่า…. “ต้องเอา คีย์การ์ด ที่ได้มา เสียบก่อนนะค่ะ แล้วค่อยกดปุ่ม ลิฟท์ถึงจะทำงาน”
ผมก็ ร้อง “อ๋อ…..” ทันที (หลงยืนโง่อยู่หน้าลิฟท์ตั้งนาน)
ภาพนี้คือ ลิฟท์ ที่ผมยืนโง่ อยู่ตั้งนาน ทำไม ลิฟท์ไม่มา (หลายๆ ท่านอาจจะเคยใช้งานลิฟท์แบบนี้มา แต่ผมเนื่องจากไม่ได้ใช้งาน ลิฟท์แบบนี้มาเลย ส่วนใหญ่ มาถึงปุ๊บ กดปั๊บ ลิฟท์มาปุ๊บ เหอๆ เลยแอบโง่ไปเล็กน้อย)
ต้องทำแบบนี้ก่อนคับผม… แล้วถึงกดปุ่ม “ลูกศร” (แต่จริงๆ เค้าก็มีป้ายบอกนะ แต่ด้วยความที่พอเป็นภาษาอังกิด ก็เลยไม่ได้สนใจ มองผ่านไปเลย เพราะความเคยชิน นึกว่า ลิฟท์ธรรมดาด้วยแหละ)
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น